22 พฤษภาคม 2549 23:19 น.
ketana
ตื่นเถิดวิญญาณที่หลับใหล
แจ้งใจให้ประจักษ์อีกสักครั้ง
ตื่นเถิดร่างกายไร้พลัง
สร้างหวังดีเลิศเกิดกับตน
ท้อแท้ท้อถอยเฝ้าคอยโชค
เศร้าโศกเสียใจไร้เหตุผล
ลิขิตแห่งใจใครบันดล
หมองหม่นจะโกรธจะโทษใคร
แค่ใช้สองเท้าเพื่อก้าวผ่าน
ร้าวรานชอกช้ำจะทำไหม
เหมือนฝ่าเพลิงทุกข์ลุกข้างใน
ปวดแปลบแสบไหม้เป็นธรรมดา
เพียงแผลพุพองใยต้องบ่น
อดทนเอาหน่อยค่อยรักษา
ค่อยเป็นค่อยไปใช้เวลา
เยียวยาแผลใจอีกไม่นาน
หนทางอนาคตยังสดใส
โลกนี้กว้างใหญ่แผ่ไพศาล
ก้าวเดินให้สนุกสุขสำราญ
ค่อยผ่านสร้างสรรฝันเป็นจริง
9 พฤษภาคม 2549 08:49 น.
ketana
คำสัญญาว่าไว้................มั่นคง
ความรักจักยืนยง............แน่แท้
มิแปรเปลี่ยนลุ่มหลง.......เป็นอื่น
โศกสะอื้นพ่ายแพ้...........เจ็บช้ำ ไม่มี
เธอดังสายน้ำชื่น..............ฉ่ำเย็น
คอยดับความทุกข์เข็ญ......รุ่มร้อน
ยามหนาวเหน็บเธอเป็น...ไออุ่น
อ่อนละมุนออดอ้อน...........ห่มให้ หายหนาว
คือแขไขอร่ามฟ้า...............ราตรี
แจ่มกระจ่างโสภี................ผ่องแผ้ว
คอยประดับดวงฤดี.............มัวหม่น
ส่องสว่างเพริศแพร้ว..........สู่ห้วง แห่งฝัน
เธอเป็นทุกอย่างแล้ว..........เพื่อฉัน
ข้ามผ่านคืนและวัน.............มั่นไว้
เคียงแม้จะสุขสันต์..............ฤๅโศก
สิ่งหนึ่งเป็นมิได้..................สิ่งนั้น ความจริง
11 เมษายน 2549 22:57 น.
ketana
เพราะชีวิตหักเหจึงเร่ร่อน
พเนจรหมอนบิ่นไกลถิ่นฐาน
เดินดั้นด้นทั่วแคว้นแดนกันดาร
จำจากบ้านที่เกิดกำเนิดกาย
เพราะความจนข้นแค้นแสนสาหัส
อัตคัดดิ้นรนทนขวนขวาย
ต้องล้มลุกทุกข์ทนทุรนทราย
ทุ่มเททั้งแรงกายขายแลกเงิน
สักวันหนึ่งหวังไว้คงได้กลับ
มั่งมีทรัพย์รวยล้นคนสรรเสริญ
ลบคำหยามประณามด่าหมายังเมิน
ทางเจริญได้ดีไม่มีวัน
จดจำคำหยามหมิ่นว่าสิ้นท่า
ออกตามหาทางไปดังใจฝัน
อุปสรรคขวางหน้าคอยฝ่าฟัน
ไม่หวาดหวั่นพ่ายแพ้แก่ชะตา
ถึงวันนี้หนทางที่ย่างก้าว
ยังทอดยาวเกิดก่อข้อกังขา
จะอีกนานเท่าใดใช้เวลา
หรือจนกว่าชีวันจะบรรลัย
บนถนนปวดร้าวที่ก้าวย่าง
ดูเคว้งคว้างสับสนเกินทนไหว
แต่เลือกแล้วทางที่ปองก็ต้องไป
เพื่อวันใหม่คงดีกว่าที่เป็น
1 เมษายน 2549 10:16 น.
ketana
ฉันไม่เหลือความหมายในชีวิต
มืดตลอดบอดสนิทดวงจิตฉัน
ต้องซัดเซพเนจรซ่อนจาบัลย์
ปล่อยคืนวันผ่านไปไม่อยากจำ
เดินเดียวดายโดดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้อง
คิดจะมองหาผู้ใดให้เจ็บช้ำ
ทนก้มหน้ายินยอมพร้อมรับกรรม
ไม่อยากซ้ำรอยแพ้ให้แผลใจ
ผ่านหน้าหนาวร้าวในหัวใจหวั่น
เข้าคิมหันต์ร้อนรนทนมิไหว
ลมแล้งพัดโบยพลิ้วละลิ่วไป
ท้องฟ้าใยหมองคล้ำดำมืดมน
เสียงคำรามเสียงฟังแล้วหวาด
สายฟ้าฟาดก้องดังทั้งเวหน
กัมปนาทแปลบปลาบวาบกมล
แล้วหยาดฝนพร่างพรูสู่ธรณิน
ความรุ่มร้อนผ่อนคลายสบายจิต
คร่ำครวญคิดตัวเราเฝ้าถวิล
ฝนยังหลงฟากฟ้าลงมาดิน
แต่รักสิ้นลาลับไม่กลับคืน
10 มีนาคม 2549 11:11 น.
ketana
เขาคือผู้อาบน้ำ.....................ห้าขัน
ปฏิบัติธรรมทุกวัน................ค่ำเช้า
คือสำนักชื่อสัน.....................- ติอโศก
เป็นโลกแห่งเทพเจ้า............แก่นแท้ พระศาสนา
ประพฤติตนดั่งผู้...................ทรงธรรม
ดีชั่วรู้บุญกรรม.....................เอ่ยอ้าง
แสงทองส่องชี้นำ...................ทางประเสริฐ
กำเนิดภาพที่สร้าง.................ชื่อข้า จำลอง
มีชุมนุมประท้วง....................กี่หน
คอยเสนอหน้าตน..................จัดตั้ง
แกนนำประชาชน..................ไปสู่
เหตุวุ่นวายทุกครั้ง.................ปลุกเร้า ชาวประชา
เหตุการณ์เมื่อครั้ง..................พฤษภา
มีกี่คนมรณา...........................ดับดิ้น
แต่เมื่อผ่านเวลา.....................ลืมหมด
หลงเล่ห์หลอกพลิกลิ้น.............เพื่อสร้าง อธิปไตย
กระทำตนโอ้อวด.....................ประชาชี
ดังว่าบารมี..............................แกร่งกล้า
ก่อยุคมิสัญญี...........................บังอาจ
ปีศาจแสนชั่วช้า......................แอบอ้าง พระคำภีร์