4 ธันวาคม 2547 01:17 น.
ketana
ทำเข้าไป ความดี ไม่มีขาย
อย่าไปหมาย มุ่งมาด ปรารถนา
แม้ไม่มี ใครมอง จ้องกลับมา
รู้เถอะว่า ฟ้าเห็น เป็นพยาน
คนทำดี จิตใจ ไม่หมองหม่น
แค่คำคน ก่นด่า อย่าร้าวฉาน
เพราะคนเรา ไม่เหมือนกัน ในสันดาน
เหมือนมีมาร ผจญ คนทำดี
อย่าไปคิด ได้ความชอบ สิ่งตอบแทน
จะแร้นแค้น ไม่รักชื่อ ถือศักดิ์ศรี
ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า คงจะมี
ผลกรรมที่ ทำไว้ เหมือนนายเวร
เหมือนปิดทอง พระปฏิมา ว่างามแท้
ทำปิดแค่ ตรงที่ใคร ได้มองเห็น
ไม่คิดปิด ข้างหลัง ช่างยากเย็น
จะไม่เด่น จะไม่ขลัง หรืออย่างไร
ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำ
หรือจะต้องทำให้คนเห็นด้วย จึงเรียกว่า ... ความดี
24 พฤศจิกายน 2547 01:51 น.
ketana
กายกอดฉัน เธอนั้น คิดถึงเขา
รู้หรือเปล่า ความรู้สึก นึกถึงไหม
พูดถึงเขา ไม่ว่า เวลาใด
ตาเธอใส เป็นประกาย ฉายออกมา
ฉันไม่เคย เว้าวอน อ้อนคำหวาน
ไม่ซาบซ่าน แสร้งเส เสน่หา
ไร้อักษร เลิศล้ำ พร่ำวาจา
สุดเหว่ว้า คราใกล้ เหมือนไกลกัน
ฉันไม่มี จดหมายรัก จะฝากให้
จากหัวใจ เหงาเศร้า เขาคนนั้น
ส่งสำเนียง คิดถึง ตรึงชีวัน
จิตหวาดหวั่น ว่าสักครา เธอลาไกล
ให้ฉันอยู่ ตรงนี้ น่ะที่รัก
จะขอพัก เก็บซ่อน ความอ่อนไหว
กายเคียงฉัน หทัยนั้น ฝันถึงใคร
ไม่มีใจ อย่าหลอก บอกสักคำ
หลบสายตา เมื่อเปรย เอ่ยถึงเขา
ฤทัยเหงา ขมขื่น ลื่นถลำ
อ่อนระโหย โรยแรง ใช่แกล้งทำ
จึงเพ้อพร่ำ ร่ำร้อง นองน้ำตา
23 พฤศจิกายน 2547 13:51 น.
ketana
ร่ายทำนอง คล้องบ่วง ห้วงเสน่ห์
มัดด้วยเล่ห์ พยนต์ กลฉ้อฉล
โยงด้วยสาย สวาท บาดกมล
ฤาใช้มนต์ ดลหทัย ให้สมปอง
พจนารถ บทกลอน ซ่อนคำหวาน
ตรึงดวงมาลย์ ให้ชอบ ตอบสนอง
ตะเกียกตะกาย ความฝัน อันเรืองรอง
จนจิตต้อง ถูกจองจำ ช้ำกายา
ฤาเพราะหลง ลมเพ้อ ที่เธอบอก
จึงช้ำชอก หลอกหทัย ให้โหยหา
มาติดบ่วง ห้วงคำ พร่ำพรรณา
จิตไขว่คว้า สิ่งว่าง กลางหทัย
เปรยเปรียบปาน วาจา มธุรส
ลงในบท รจนา ว่าขานไข
เพียงสำนึก เหนี่ยวรั้ง ไม่ชั่งใจ
ตัวถึงได้ ติดปม เล่ห์ลมลวง
ทุกทิวา ราตรี ฤดีเพ้อ
หลงละเมอ ฝันใฝ่ จนใหญ่หลวง
จึงใส่พาน ถวายใจ ให้ทั้งดวง
มลายล่วง เลยผ่าน มานานนม
สักร้อยวัน พันเดือน หรือเลือนหาย
กี่ชาติหมาย ฤทัย ได้สุขสม
กี่ร้อนหนาว ลืมเงา เศร้าระทม
ความช้ำตรม ซ่อนซุก ในอุรา
เพราะหัวใจ ไร้แรง จะแข็งขืน
ทนกล้ำกลืน ยืนหยัด ปรารถนา
รู้ทั้งรู้ สักวัน ต้องเลิกลา
ิปาดน้ำตา อีกเท่าไหร่ เพื่อให้ลืม
17 พฤศจิกายน 2547 19:35 น.
ketana
ถ้ารู้จักตัวฉันในวันนี้
ขออย่ามีดวงจิตคิดสงสาร
อย่างสมเพทเวทนาอนาทาน
อย่าน้อมนำความอดสูสู่ดวงมาลย์
แค่ได้อยู่ค้นค่าหาสิ่งหวัง
ใช่มั่งคั่งใหญ่โตรโหฐาน
ไม่ได้สร้างสิ่งสวยเด่นเป็นตำนาน
แค่ทำงานลี้ยงหล่อต่อชีวี
ก็ก้มหน้าสู้เอาเช้ายันค่ำ
ที่ทนทำดวงจิตไม่คิดหนี
เหมือนรับกรรมช้ำจนล้นฤดี
อยู่วันนี้เฝ้ารอก็เพราะเธอ
ไม่เคยของ้อใครในเรื่องรัก
คอยห้ามหักหัวใจมิให้เผลอ
แค่สักวันวันหนึ่งพึงได้เจอ
คงชะเง้อเพียงฉันได้หันมอง
ฉันดีใจวันนี้ที่เป็นฉัน
ถึงแม้ฝันวันเก่ามันเศร้าหมอง
ปัจจุบันล่วงผ่านตามครรลอง
ไม่เคยป้องปกปิดอดีตเลย
ขออย่าถามตามย้ำในกรรมเก่า
อย่าเล่าสักวันฉันเฉลย
กลัวเธอห่างลาร้างเหมือนอย่างเคย
หากเอื้อนเอ่ยบอกไปใครจะทน
ถ้ารักกันจงรักที่เป็นฉัน
จงมองผ่านอดีตไปอย่าได้สน
ด้วยสายตามมองมาอย่ากังวน
มิให้หม่นไม่ทำให้ช้ำใจ
17 พฤศจิกายน 2547 16:21 น.
ketana
ถึงยากจนค่นแค้นแสนสาหัส
อัตคัตเงินทองมากองสุม
หากทุกข์ทนภัยพาลมาราญรุม
ถึงกลัดกลุ้มอย่างไรจะไม่ยอม
ขออยู่ร่วมอิงแอบขอแนบข้าง
ไม่เหินห่างให้เหงาเฝ้าถนอม
ถ้าทำได้ให้ทุกข์สิ้นฉันยินยอม
คอยเตรียมพร้อมปัญหาไหนหรือใหญ่โต
มีกระท่อมปลายนาหลังคาแฝก
กระดานแตกแยกอยู่เป็นรูโหว่
ไร้ระเบียงเหมือนลานบ้านใหญ่โต
แต่สุขโขร่มเย็นเป็นเรือนใจ
ลำบากกายแต่หทัยไม่ให้ทุกข์
จะหาสุขปรนเปรอไม่เผลอไผล
ถ้าคืนหนาวจะนั่งอิงผิงกองไฟ
ขอเพียงให้มาสร้างฝันกันสักครา