27 มกราคม 2550 12:55 น.
keekie
"เออ ฉันดูละครเรื่องที่แกบอกแล้วนะ .."
เพื่อนซี้ของฉันบอกขึ้นมาระหว่างคุยโทรศัพท์
เรามักอัพเดตข้อมูลของกันและกันให้ฟังเสมอๆ อย่างน้อยสองวันครั้ง ..
"เรื่องรัย? .." ฉันนึกไม่ออก
"ก็ละครช่องสามไง ที่แกดูน่ะ ฉันไม่เคยเห็นแกดูละครซักที เมื่อคืนเลยลองดู นึกว่าสนุก เป็นครั้งแรกที่ฉันเปิดดู และฉันจะไม่ดูมันอีกแล้ว"
มันว่ามาเป็นชุด
"ฉันรู้แล้วว่าทำไมสังคมไทยถึงเสื่อมทรามลงทุกวัน ก็เพราะมันทำสื่อแบบนี้ออกมาเผยแพร่นี่เอง .."
แล้วมันก็ใส่อารมณ์มากจนฉันชักไม่แน่ใจว่ามันกำลังพูดถึงละครหรือป่าว
"นางเอกเคยเป็นเมียน้อยของพ่อพระเอกมาก่อน แล้วก็มามีอะไรกับคนที่มีลูกมีเมียแล้ว แล้วเมื่อคืนแกดูหรือป่าว?"
ระหว่างมันพูดๆๆๆ มันก็ย้อนถามเสียจนฉันแทบตั้งตัวไม่ติด ..
"ป่าว เมื่อคืนกลับบ้านดึก .." ฉันตอบ
"เออ เมื่อคืนนางเอกก็ยังไปมีอะไรกับพระเอกอีก .. รับไม่ได้ว่ะ .. ฉันไม่ดูแล้ว .."
มันบ่น แล้วก็เล่าต่อถึงละครตอนเมื่อคืน ว่านางเอกทำมารยาสาไถยังไงบ้าง
ฉันถอนหายใจเบาๆ ..
นี่ถ้ามันรู้ว่า นางเอกมีลูกอายุราวสิบสามสิบสี่กับผู้ชายอีกคน มันจะช็อคมั๊ยนะ
"๕๕๕๕ แล้วแกคิดบ้างหรือป่าวว่าบางทีมันอาจไม่ใช่แค่ละคร มันอาจมีอะไรที่ยิ่งกว่าที่แกรับไม่ได้ซุกอยู่ในซอกหลืบของสังคมมนุษย์ใกล้ๆ ตัวแกนี่ก็ได้นะ"
ฉันพูดกลั้วหัวเราะ ..
เรามันวัยเกินกว่าจะใช้คำว่า .. อ่อนต่อโลก ..
แม้จะไม่ล่วงเลยจนสามารถใช้คำว่า .. แก่โลก หรือ กร้านโลก ก็เถอะ
หากแต่ควรต้องรับความโหดร้ายหรือความไม่โสภาใดๆ ในชีวิตให้ได้ .. ได้แล้ว
เพราะชีวิตไม่ได้มีสิ่งสวยงามตลอดเวลา ..
"ก็รู้ว่ามีนะ แต่ถ้าเป็นฉันๆ จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด .."
เสียงของมันที่ดังมาตามสายทำให้ฉันพอนึกสีหน้าสีตามันออก
"แล้วแกเคยดูตอนก่อนหน้านี้หรือป่าว?" ฉันถาม
"ไม่เคย .." มันตอบ
"ตอนก่อนหน้านี้มันมีที่มาที่ไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันอาจบอกแกถึงเหตุผลความจำเป็นที่ทำให้เขาต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ.."
ฉันบอกไป
"มันผิด ถึงเขาจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำมันผิด ฉันไม่นึกอยากรู้ที่มาที่ไป .."
ฉันนึกในใจ ..
หากฉันที่เป็นเพื่อนกับมันมานานกว่ายี่สิบปีทำสิ่งใดที่สังคมตัดสินว่าผิด ..
มันจะรับฟังเหตุผลมั๊ยนะว่าเพราะอะไร?
หรือถึงแม้ถ้ามันรับฟัง .. และรับรู้แล้ว แล้วมันจะรับได้มั๊ยนะในความผิดนั้น ..
แล้วฉันก็ต้องถอนหายใจพร้อมปลอบใจตัวเองว่า ..
หากมันรับไม่ได้ .. ฉันก็ต้องยอมรับ เพราะมันคือความเป็นจริงในชีวิต
แม้ฉันจะคาดหวังให้ใครเข้าใจในทุกสิ่งที่ฉันทำได้ ..
หากแต่ฉันจะสมหวังหรือผิดหวังนั่นเป็นสิ่งที่ใคร .. หรือแม้แต่ตัวฉันก็ควบคุมมันไม่ได้ ..
ในเมื่อฉันคาดหวัง ..
มันก็มีสองทาง .. สมหวัง .. หรือผิดหวัง .. ก็เท่านั้น .. ง่ายจะตายไป
"ฉันไม่นึกว่าคนอย่างแกจะดูละครแม่ผัวตบลูกสะใภ้ ละครน้ำเน่าแบบนี้ .." มันบอก
ฉันอาจมองว่าละครน้ำเน่าเป็นเรื่องไร้สาระ
หากแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดรอบตัว .. รัก โลภ โกรธ หลง ..
ความจริงฉันก็อยากอธิบายให้มันฟังว่า ฉันไม่ได้ดูความเน่าของละคร และไม่ได้ดมกลิ่นเหม็นของมัน
หากฉันดูอย่างอื่น ..
อย่างน้อยนาทีที่ฉันได้คุยกับมันเรื่องนี้ ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า ..
มีคนส่วนหนึ่งตัดสินคนจากการกระทำปัจจุบันว่า "ผิด" โดยไม่สนใจถึงเหตุผลแห่งการกระทำนั้น
ถ้าเราเหลียวมองย้อนกลับไปดู อาจทำให้เข้าใจก็ได้ว่าทำไม เขาถึงเป็นอย่างนั้น
สิ่งหนึ่งที่ฉันนึกอยู่ในใจเสมอ ..
คือไม่มีใครอยากทำผิด หรือทำสิ่งที่สังคมตัดสินว่าผิด ..
แต่ชีวิตมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ ..
และส่วนที่ยากยิ่งอย่างสำคัญต่อการควบคุมคือ .. อารมณ์ของตัวเอง ..
ยามตัวเราเองทำผิด ..
เรามักมีเหตุผลอธิบายต่อตัวเองและคนอื่นเสมอ ..
"ฉันกลับไปดูหนังเกาหลีของฉันต่อดีกว่า .. สนุกกว่าเยอะ .." มันบอก
"แกรู้หรือป่าวว่าทำไมเกาหลีถึงทำหนังรักสไตล์นั้นจนคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง" ฉันถาม
"ก็คนชอบดูไง .. ดูแล้วสบายใจ อมยิ้มตลอดเรื่อง รักหวานซึ้งขนาดนั้น .." มันทำเสียงเคลิบเคลิ้ม ..
"เกาหลีน่ะ อัตราการเกิดน้อย คนเกาหลีทั้งหญิงทั้งชายตั้งหน้าตั้งตาทำงานเลี้ยงตัวเอง จนไม่คิดแต่งงาน มันเป็นนโยบายของผู้ปกครองประเทศที่จะส่งเสริมให้คนเกาหลีหันมาแต่งงานสร้างครอบครัว เพื่อเพิ่มจำนวนประชากร เขาเลยทำหนังรักหวานออกมาซะส่วนใหญ่ เพื่อให้คนอยากแต่งงาน"
ฉันอธิบายคร่อก เพราะเคยฟังข่าวมา
"จะยังไงก็ช่างเหอะ ดูแล้วสบายใจกว่านี่"
ฉันยุติการสนทนาเรื่องละครเพียงแค่นั้น เพราะความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน
มันคงเป็นการดีกว่าที่จะเปิดโสตรับแต่สิ่งที่สร้างความสบายใจ สบายตา
หากแต่เราจะหลีกเลี่ยงความไม่โสภาได้ตลอดเวลาหรือเล่า?
หลายต่อหลายครั้งยามขับรถบนท้องถนน ..
ฉันเป็นคนแรกที่ขับรถไปถึงจุดเกิดอุบัติเหตุและได้เห็นสภาพคนเจ็บ
หรือบางครั้งก็เป็นสภาพศพ ทั้งที่ตัวเองกลัวผีอย่างหนัก และกลัวเลือด
หากถ้าฉันรู้ล่วงหน้าว่าต้องพบ ฉันคงไม่ขับรถไปทางนั้น
หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเปลี่ยนช่องทีวีหนีรายการวงจรชีวิต
ที่สะท้อนภาพรันทดของบางชีวิตในซอกหลืบของสังคมไทย ..
หากแต่ก็ต้องไปพบรายการประเภทเดียวกันของช่องอื่นๆ
ถ้าฉันรู้ว่าช่องนั้นกำลังฉายรายการเหมือนๆ กันฉันคงไม่เปลี่ยนช่องไปหรอก
ฉันคงทำได้เพียงเปิดใจให้กว้าง ..
รับรู้เรื่องดี เรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นจริง ..
เลือกเสพย์สิ่งโสภา สบายตา สบายใจ
หากแต่ก็ไม่เลี่ยงหากจะต้องพบเจอกับความไม่สวยงาม
แยกแยะให้ออกว่า สิ่งใดเก็บ สิ่งใดทิ้ง ..
ที่สำคัญ ..
ฉันคงไม่เลิศเลอพอจะตัดสินความเป็นตัวตนของใคร
หากแม้นฉันจะได้รับรู้ที่มาที่ไป .. และเข้าใจถึงพฤติกรรมอันนั้น
แต่ฉันก็ระลึกอยู่เสมอว่า ..
ชีวิตใคร .. ใครก็มีสิทธิในชีวิตของเขาอย่างสมบูรณ์
ที่จะเลือกมีเลือกเป็นในสิ่งที่เขาเลือก ..
หรือเขาอาจต้องมีต้องเป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เลือก ..
ฉันก็คงต้องยอมรับว่า ..
นี่แหละคือ .. ชีวิต ..
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ..
เพื่อจะบอกว่า .. ไปดูหนังสมเด็จพระนเรศวรกันเถอะ .. อิอิ ..
8 มกราคม 2550 00:20 น.
keekie
เพราะหัวใจผูกพัน และยังคงมั่นเสมอมา ..
เพราะหัวใจร่ำหา และศรัทธาหัวใจคุณ ..
กรอบรูปสีแดงกับบทกลอนที่เจเขียน ..
มีรูปประกอบเป็นผู้หญิงหน้าตามอมๆ ในหลากหลายอิริยาบถ (แต่ปากไม่มอมนะ)
มันยังตั้งอยู่บนชั้นหนังสือในห้อง ..
ทุกครั้งที่พี่มองมัน ..
พี่ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า ..
ความศรัทธานั้นยังคงอยู่กับเจหรือป่าว? ..
แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ..
พี่ยังคงศรัทธาในหัวใจบริสุทธิ์ของเจเสมอ ..
พี่จำได้มั๊ย ว่าเรารู้จักกันได้ยังไง? ..
เจถามพี่ในเย็นวันหนึ่ง ตอนเรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวญวนเจ้าโปรด
จำไม่ได้ ..
พี่ตอบไปงั้นๆ เพราะปากไม่ว่าง .. ก็กำลังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอยู่นี่ ..
พี่จำได้ว่าเจหยุดกิน แล้วเงยหน้ามองพี่ ..
ดีแล้วอย่าไปจำมันเลย .. ตอนที่เราไม่ได้เจอกันจะได้ไม่มีอะไรต้องลืม ..
พูดจบเจก็กินก๋วยเตี๋ยวญวนต่อหน้าตาเฉย ..
ดูเจจะเข้าใจกฎความเป็นไปในโลกใบนี้เป็นอย่างดี ..
เกิด แก่ เจ็บ ตาย .. มันคงเป็นวัฎจักรของทุกสิ่ง
และมันคงไม่ยกเว้นเรากระมัง ..
เจอขวัญมั่งหรือป่าว?
ขวัญ .. เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่มักไปไหนมาไหนกับเจ
พี่เจอเธอเมื่อวันก่อน
ขวัญถามพี่ถึงเจ พร้อมกับเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของเจให้พี่ฟัง
ว่าไม่ได้เจอเจมาสองเดือนแล้วเพราะเจบอกว่าไม่ว่าง ..
ไม่เจอ .. เจตอบทั้งที่ไม่เงยหน้าสบตาพี่ด้วยซ้ำ
ทำไมล่ะ .. พี่ถามอีก
เจไม่ว่าง .. แล้วเจก็ตอบแบบไม่สบตาพี่อีก
ดีล่ะ .. งั้นต่อแต่นี้ไป เอาเวลาที่เจ ออกกำลังกาย ดูหนัง กินข้าวกับพี่ ไปหาขวัญ พี่บอกเจ ..
ทำไมล่ะ? แล้วเจก็ถามพี่อย่างนั้น
ก็เจจะได้มีเวลาให้ขวัญ แล้วพี่ก็จะได้มีเวลาไปหาหนุ่มๆ ของพี่บ้างน่ะสิ
พี่จำแววตาของเจในวันนั้นได้ดี ..
มันแสดงถึงความไม่เข้าใจ ..
ครับ .. งั้นเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ..
แล้วเจก็หันหลังเดินไปโดยที่พี่ไม่ทันได้อธิบายใดๆ ..
หากแม้จะต้องอธิบาย ..
พี่ก็คงไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ดี ..
ความถูกต้องเหมาะสม ..
อาจเป็นสิ่งที่ทำให้การเกิดของเราควรค่าแก่ความเป็นมนุษย์ ..
แม้บางทีความถูกต้องนั้นอาจไม่ถูกใจเรา ..
หากแต่มันก็คงไม่ทำร้ายเราให้เจ็บปวด ..
ความผิดพลาดและไม่เหมาะสมต่างหาก ..
ที่จะสร้างรอยแผลให้ปวดร้าวจนกว่าเราจะแก่ เจ็บ และตาย ..
7 มกราคม 2550 11:48 น.
keekie
สวัสดีน้องชาย ..
นานมากแล้วนะที่เราไม่ได้พบและพูดคุยกัน ..
ทุกครั้งที่พี่คิดถึงเจ ..
แววตาและรอยยิ้มอันอ่อนโยนมักจะปรากฎในมโนสำนึกของพี่อย่างชัดเจนเชียวล่ะ ..
หน้าสวย .. ตาใส .. หวานจนผู้หญิงอย่างพี่ยังอาย ..
เอาน่า ไม่ต้องโกรธหรอก ..
ไม่ใช่พี่คนเดียวซะหน่อยที่คิดแบบนี้ ..
หลักฐานยืนยันน่ะหรอ .. ?
ก็วันนั้นไง .. วันที่เราไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาหัวหมากน่ะ ..
ตอนที่เรากำลังจะกลับบ้าน ..
มีหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่สองคนเดินมาขวางทางเรา ..
แล้วก็แซวเราเหมือนนักเลงในหนังไทยสมัยลุงสมบัติเปี๊ยบเลย ..
"ไปส่งบ้านไม๊น้องสาว .."
พี่ขำกิ๊กจนสองหนุ่มนั่นงง ..
เขาคงคิดว่าพี่ดีใจจนเนื้อเต้นที่มีหนุ่มมาดักแซวแบบนี้ ..
แต่เปล่าหรอก พี่ขำเพราะเห็นหน้าเจตะหากล่ะ ..
มันเข้าทำนอง .. ถ้าจะปั้นก็ปั้นยาก ..
สงสัยคงเพราะเราสูงไล่เลี่ยกัน
และคงเพราะผมเจที่ยาวระต้นคอนั่นล่ะมั้ง ..
ที่ทำให้เจดู 'สวย' เกือบเท่าพี่ .. 555555
พอเจดึงผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอออก
สองหนุ่มนั่นเห็นแขนของเจที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ..
.. พี่ว่าเขาคงอายมั้ง .. เลยขอโทษแล้วรีบเดินหนีไป ..
"ไอ้บ้าเอ๊ยยยย .. " พี่จำได้ว่าเจเดินบ่นงึมงำๆ มะโหตะหงิดๆ
จนพี่ต้องพาไปกินไอติมเจ้าประจำหน้าสนามกีฬานั่นแหละ
เจจึงอารมณ์ดีขึ้น ..
"พรุ่งนี้เลิกงานแล้วไปไหนรึป่าว?" พี่จำได้ว่าเจถามพี่ว่างั้น
"มัยหรอ? .." ตอบไปกัดไอติมไป
"จะชวนไปดูหนังน่ะ .. อันดากับฟ้าใส"
พี่เกาหัวยิกๆ ..
"โห หนังคิกขุแบบนั้น เคยดูซะที่ไหนเล่า .." พี่บ่น
"เหอะน่า ไปดูด้วยกันนะ น่านะ .. พี่นะ"
พี่ต้องยิ้มทุกครั้ง เมื่อนึกถึงสายตาออดอ้อนคู่หวานที่ส่งแวววาวอยู่ใกล้ๆ ..
มันทำให้ใจอ่อนทุ๊กที ..
เจรู้มั๊ย ..
ว่าหนังเรื่องนั้นเป็นหนังรักโรแมนติกเรื่องแรกในชีวิตที่พี่เคยดู ..
มันเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความรักบางอย่างของพี่ ..
มันสอนให้พี่คิดว่า ..
เราควรกล้าที่จะเปิดเผยความเป็นตัวเอง ..
เปิดเผยสิ่งที่เราคิด .. รู้สึก ..
เพราะมันเป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมใจสองดวงให้ทอดถึงกันมากขึ้น
"อ่ะ .. ให้ .." เวลาจะให้ .. เจก็บอกว่า ให้ ..
"เนื่องในโอกาสอะไร?.."
ถึงจะงง แต่ความงกมีมากกว่า พี่ยื่นมือไปรับอย่างไม่รอช้า
"โอกาสที่อยากจะให้ .. ดูแลมันดีๆ นะ เจซื้อปุ๋ยให้พี่ด้วย .."
กุหลาบแดงโรซ่าดอกเล็กๆ ที่กำลังบานเต็มกระถาง
มันดูอ่อนโยน บอบบาง .. ซะจนน่าหวั่น
"จะทนไม้ทนมือพี่ได้นานเท่าไหร่กันเนี่ย?" พี่บ่น
"เลี้ยงมันดีๆ นะ .. ถึงแม้มันจะเป็นเพียงกุหลาบดอกเล็กๆ ..
แต่เจ อยากให้มันบานเต็มหัวใจพี่อยู่นานๆ .. "
...
..
.