16 กรกฎาคม 2549 18:38 น.
keekie
คืนเดือนมืด ..
ฉันนั่งมองท้องฟ้าริมหน้าต่างบานเก่า ..
คืนนี้ท้องฟ้ามืดมิด ..
ปราศแสงจันทร์ ..
ไร้แม้แสงดาว ..
เมฆหมอกปกคลุมทั่วท้องฟ้า ..
คล้ายดั่งว่า ..
พายุกำลังเริ่มก่อตัว ..
นั่นคงเป็นเหตุผลกระมัง ..
ที่ทำให้แสงสว่างกลางฟ้ายามค่ำคืนดับหาย ..
จันทร์เจ้าคงรู้ฤทธิ์แห่งพายุว่า ..
มันแรงมากพอจะพัดทุกสิ่งทุกอย่างให้พังพินาศในพริบตา ..
ดวงดาวคงเข้าใจว่า ..
มันมิอาจต้านแรงแห่งพายุได้ ..
ด้วยแรงแห่งพายุจะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างพลัดพราย ..
มันทั้งหลายจึงพร้อมใจกันหลบลี้อยู่เบื้องหลังเมฆหมอกดำทะมึน ..
ด้วยหวังเพียงรอดพ้นจากความพินาศ .. สูญเสีย ..
ฉันยังคงนั่งมองท้องฟ้า ..
ไม่ปิดหน้าต่างแล้วหลบไปนอนคลุมโปงบนเตียง ..
เพียงเพื่อหลบแรงแห่งพายุ ..
ยังคงนั่งมองเมฆหมอกดำทะมึน ..
หากแม้นมันจะสร้างความพินาศพลัดพรายแก่ฉันจริง ..
หลบเลี่ยงเยี่ยงไรคงมิพ้น ..
ฟ้าแลบแปลบปลาบ ..
สัญญาณแห่งพายุเริ่มต้นแล้ว ..
ลมเริ่มพัดแรง ..
กิ่งโมกข์แกว่งไกวไหวเอนตามแรงลม ..
ดอกสีขาวร่วงกระจาย ..
กลิ่นโมกข์ปนกลิ่นไอฝนคละคลุ้ง ..
มันมาแล้ว ..
ฉันเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นอีก ..
รับแรงแห่งลมด้วยยินดี ..
มาเถิด ..
หากฉันต้องพินาศพลัดพราย ..
ฉันน้อมรับด้วยยินดี ..
ลมพัดแรงขึ้นอีก ..
จนแทบลืมตาไม่ขึ้น ..
ฉันพยายามฝืนลืมตา ..
เพื่อได้เห็นความจริงกระจ่างแจ้ง ..
กลิ่นไอฝนคละคลุ้งแรงขึ้น ..
พายุใกล้มาแล้ว ..
ฉับพลัน ..
เพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งเวลา ..
ท่ามท้องฟ้ามืดดำ ..
ฉันเห็นแสงสายยาว ..
พุ่งด้วยความเร็ว เริ่ม ณ จุดสูงสุดแห่งท้องฟ้า ..
ดาวตก ..
ฉันรีบหลับตาอธิษฐาน ..
ขอพลังแด่ฉัน ..
แกร่งพอจะรับแรงแห่งพายุเถิด ..
เพื่อเปิดตัวตนแห่งฉัน ..
และหากเป็นดั่งคำใครเคยว่าไว้ ..
หลังพายุซา ..
ฟ้าจะใสสดงดงาม ..
ขอพลังแด่ฉัน ..
ได้เห็นท้องฟ้ายามนั้นด้วยเถิด ..
เมื่อฉันลืมตา ..
แสงสายยาวเส้นนั้น ..
หายลับไปแล้ว ..
มันคงตกสู่พื้นดินหลังตึกสูงเบื้องหน้าแล้ว ..
ดาวตก ..
ฝนเม็ดใหญ่เริ่มกระหน่ำ ..
จนภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน ..
แรงแห่งลมพัดพาฝน ..
สาดซัดเปียกปอน ..
แรงแห่งมันมหาศาลเสียจนฉันมิอาจฝืนลืมตาเพื่อมองภาพแห่งความจริงเบื้องหน้าได้ ..
เสียงฟ้าฟาดเกรี้ยวกราดลั่นสะท้านสะเทือน ..
หากแต่ฉันยังคงอยู่ตรงนั้น ..
มิหลบไปไหน ..
อยู่ท่ามสภาพความเป็นจริง ..
ความเจ็บจากแรงเม็ดฝนที่กระหน่ำ .. เป็นจริง ..
ความหนาวสะท้านจับหัวใจ .. เป็นจริง ..
เวลาดำเนินไปเนิ่นนานเพียงใดฉันมิอาจรู้ได้ ..
แต่แล้วฝนที่ซัดกระหน่ำเริ่มซา ..
กลิ่นละมุนแห่งไอดินชุ่มฉ่ำโรยตัวอยู่ในบรรยากาศโดยรอบ ..
หอมชื่น ..
ฉันลืมตา ..
สายฝนพรำเป็นริ้วม่านฟ้า ..
อวดเสน่หาเย็นเยียบ ..
ลมสงบ ..
พายุผ่านพ้นไปแล้ว ..
ฉันส่ายสายตารอบตัว ..
ต้นโมกข์พ้นผ่านแรงแห่งลม ..
กิ่งก้านหักโค่น ..
ดอกสีขาวร่วงกระจาย ..
ริ้วม่านฟ้าเริ่มจางหาย ..
จนขาดเม็ด ..
ท้องฟ้าโปร่ง ..
ระยิบระยับด้วยแสงแห่งอัญมณี ..
เพชรน้ำเอกเพียงหนึ่งเดียวประทับ ณ กลางท้องฟ้า ..
ฉันยิ้มให้ภาพเบื้องหน้า ..
เช่นนี้เอง ..
หลังพายุซา ..
ฉันดื่มด่ำอิ่มเอมกับบรรยากาศยามพายุผ่านพ้น ..
จนชุ่มฉ่ำใจ ..
พลางปลอบใจต้นโมกข์ที่หักโค่นด้วยแรงแห่งพายุ ..
พรุ่งนี้เจ้าจะแตกกิ่งก้านใหม่ ..
ผลิดอกขาวบานสะพรั่งหอมกรุ่น ..
หากเจ้าแกร่งพอจะอยู่ท่ามแรงลมพายุได้ ..
โดยมิพังพินาศ ..
เจ้าจะได้รับของขวัญร่วมกับฉัน ..
.. คำอธิษฐานต่อดาวตกสัมฤทธิ์ผล ..
ฉันหันหลังเดินกลับมายังเตียงนอน ..
โดยไม่ปิดหน้าต่าง .. ไม่ปิดม่าน ..
ทอดตัวนอนบนเตียงนุ่ม ..
ใต้ผ้าห่ม ..
ทอดสายตามองประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า ..
รู้สึกถึงกระแสเลือดที่ฉีดพล่านทั่วร่าง ..
ได้ยินเสียงหัวใจดวงเล็กเต้นแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ..
อบอุ่นแผ่ซ่าน ..
ฉันหลับตาด้วยรู้สึกอิ่มเอม ปิติ ..
มันคงเป็นรางวัลหลังพายุผ่านพ้น ..
รางวัลสำหรับฉัน ..