28 กันยายน 2548 11:32 น.
keekie
เย็นวันเสาร์สบายๆ วันหนึ่ง ..
เป็นวันที่ฉันหลุดจากความจอแจในสังคมเมือง ..
ไปยังบ้านริมน้ำหลังเล็กๆ นอกเมือง .. ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ..
"จอดรถไว้ตรงนั้นแหละ .. เดี๋ยวค่ำๆ น้ำขึ้น .. "
เสียงเจ้าของบ้านตะโกนบอกมาจากในบ้าน ..
เสื้อกล้ามสีขาว ..
กางเกงขาก๊วยสีน้ำเงิน .. รองเท้ายางสีเขียว ..
ชุดสบายๆ ที่สลัดฉันหลุดจากคราบคนเมือง ..
ทำให้ฉันดูทะมัดทแมงยามเดินลุยน้ำลอดใต้ถุนบ้าน ..
ในมือหอบเสบียงบรรดามี .. หนังไก่ปิ้ง .. ไก่ย่าง ..
เมื่อมีกับแกล้มมันก็ต้องคู่กับ .. วิสกี้ .. สำหรับเจ้าของบ้าน ..
หลังจากยกมือสวัสดีทักทายทุกคนแล้ว ..
ฉันเดินลุยน้ำตามสะพานไม้กระดานเก่าๆ ไปยังท่าน้ำหน้าบ้าน ..
22 กันยายน 2548 12:10 น.
keekie
ฉันเป็นเพียงผู้หญิง ดิน ดิน ...
ที่ถูกตัดสินให้โบยบินขึ้นฟ้า ...
แต่ในสำนึกมิเคยลืมถิ่นที่มา ...
สองเท้าสองขายังคงเรี่ยระติดดิน ...
เขาเอาปีกมาติดที่หลังฉัน ...
ผลักดันสร้างฝันให้โผผิน ...
ระหกระเหินจากแผ่นพื้นผืนแผ่นดิน ...
ออกโบยบินสู่เหนือพสุธา ...
ปีกที่เขามอบให้ ...
สีสวยใสแต่หาใช่ปีกนางฟ้า ...
มันเป็นปีกคู่แข็งแกร่งแห่งปักษา ...
สู้ ทน ฟัน ฝ่า ลม ฝน ... ลำพัง ...
ฉันออกทะยานโลดแล่น ...
ยามใดขาดแคลนสิ้นความหวัง ...
แม้เหนื่อยล้าจวนเจียนหมดกำลัง ...
ฉันคงยังต้องบินต่อมิอาจท้อใจ ...
หวังไว้วันหนึ่ง ...
วันซึ่งบินถึงจุดหมาย ...
สุดกำลังใจกำลังกาย ...
ณ ปลายฟากฟ้าฝั่งฝัน ...
ผู้หญิง ดิน ดิน ...
หมดสิ้นหน้าที่แห่งฉัน ...
ที่เฝ้าอดทนฟันฝ่าโรมรัน ...
คงถึงวัน ปลดเปลื้องปีก..เปลือกเสียที ...
ฉันก้มลงมองเท้าตัวเอง ..
รอคอยเสมอ ..
รอคอยวันที่จะได้กลับไปลิ้มรสชาติยามเท้าสัมผัสผืนดิน ..
รอคอย ..วันนั้น ..
ฉันสลัดความฟุ้งซ่านออกจากสมอง ..
ตอนนี้ .. ฉันควรต้องละความต้องการในหัวใจ ..
ปฎิบัติพันธกิจให้เสร็จสิ้น ..
กระแสลมกรรโชกรุนแรง ..
ขนปลายปีกแทบหลุดร่วง .. เจ็บเหลือเกิน ..
ถ้าฉันขยับปีกบินอ้อมไป..เสียเวลานิดหน่อย ..มันคงเจ็บน้อยลง ..
แม้จะมีปีกคู่แกร่งเพียงใด ..
ร่างกายฉันก็เป็นเพียงเลือดเนื้อ..เจ็บปวดเป็น ..
ฉันตีปีกบินหลบแรงกรรโชกแห่งสายลม ..
"จะไปไหน? .. ทำไมไม่บินในเส้นทางที่กำหนด ..!!!"
เสียงเข้มดังกึกก้อง ..
"เจ้าจะบินออกนอกเส้นทางไม่ได้ !!!.."
"แต่ลมกรรโชกรุนแรงเหลือเกิน ..เราเจ็บ .." ฉันอธิบาย
"เรามอบปีกให้เจ้าแล้ว..มันแกร่งพอจะบินฝ่าแรงลมได้ ..
เรายังฝ่าไปได้..เหตุใดเจ้าไม่ทำ!!!"
"แต่...." ฉันพยายามอธิบาย ..
"ปีกนั้นเป็นของเรา..หากเจ้าไม่ทำตามคำสั่งเรา..เราจะเอาคืน .."
เสียงตวาดกึกก้อง ..
"หากเจ้าต้องการอยู่บนที่สูง..เจ้าต้องทำตามคำสั่งเราเท่านั้น..
หรือไม่ก็..ขาดกัน!!!..เจ้าจงคิด" แววตาดุดัน ..ยื่นคำขาด
ฉันสบตาดุดันคู่นั้นแน่วแน่ ..
หากฉันปลดปีกในตอนนี้..
ขณะกำลังถลากลางกระแสลมกรรโชกรุนแรง..
..ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อจะตกต้องพื้นพสุธา..แหลกเหลวยับเยิน
หากแต่..
ถ้าฉันมีปีก..
แต่ไร้ซึ่งอิสระ..
ปีกนั้นจะมีประโยชน์อันใดเล่า..
ฉันรู้..
พันธกิจที่พันผูกยังมิจบสิ้น..
และฉันทุ่มเทชีวิต..วิญญาณเพื่อพันธกิจนั้น..
หากแต่..
ถ้ามันเป็นไปเพียงเพื่อปรนเปรอการหลงเหลิงในอำนาจ..
ชีวิต..จิตวิญญาณของฉัน..มีค่าเพียงนั้นเองหรือ? ..
"เจ้าจงคิด..คนเนรคุณ!!"
ดวงตาดุดันสบตาฉัน ..คงไม่คิดว่าฉันจะทำอะไรโง่ๆ
เพียงเท่านั้น ..
ฉันเอื้อมมือปลดปีกคู่สวยกลางหลัง ..
โยนมันขึ้นไปกลางอากาศ..
ก่อนที่ร่างกายฉันจะร่วงหล่นตามแรงดึงดูด..
ทันได้เห็นแววตาดุดันคู่นั้น..เรืองแสง..
..เขาคงตัดสินใจผิดที่มอบปีกให้คนโง่เช่นฉัน..
..ลาก่อน..ฉันไม่ต้องการเวลาคิด..
เพราะก่อนลงมือทำ..ฉันคิดถ้วนถี่แล้ว..
ฉันทอดสองแขนสองขาที่เหนื่อยล้ามานาน..
ปล่อยมันแน่นิ่งร่วงหล่นตามกระแส..ตามที่มันต้องเป็น..
ระหว่างร่างลอยละลิ่วกลางกระแสแห่งสายลม..
ฉันทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา..
ผิดบ้าง..ถูกบ้าง..ฝืนทนบ้าง..
เพราะคำเดียว..หน้าที่..
แต่อีกไม่นานแล้วสินะ..
ที่ฉันจะได้กลับไปลิ้มรสสัมผัสจากผืนดิน..
วันเวลาที่รอคอยมานานเหลือเกิน..
ปลดปีกที่ไม่เคยปรารถนา..
ถอดเปลือกที่ไม่เคยอยากได้..
เหลือเพียงเนื้อกายแท้..กับหัวใจดวงเดิม..
แล้วจะได้เริ่มต้นเดินตามทางของตัวเองเสียที..
สัญชาติคนบนดิน..
คุ้นเคยกลิ่นไอดิน..
แม้อาจเคยทะยานขึ้นสู่ฟ้า..
หากแต่..ไม่เคยลืมกลิ่นไอดิน..
ใกล้แล้วสินะ..
กลิ่นไอดินอันคุ้นเคย..
ฉันใกล้ถึงพื้นพสุธาแล้วสินะ..
อา..หอมจัง..
"พลั่ก!!!!!..."
เสียงร่างกายที่เต็มเปี่ยมด้วยเลือดเนื้อตกลงสัมผัสพื้นดิน..
ฉันยิ้มรับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านทั่วร่าง
สุขล้ำ..อิ่มเอม..
แม้เจ็บปวด..หากแต่คุ้นเคย..เป็นสุข..
ฉันยังไม่อยากลุกไปไหน..
ขอรับสัมผัสจากผืนดินที่โอบอุ้มร่างให้สาแก่ใจก่อน..
อีกเดี๋ยว..ฉันจะลุก..
ผู้หญิง ดิน ดิน ...
หมดสิ้นหน้าที่แห่งฉัน ...
ที่เฝ้าอดทนฟันฝ่าโรมรัน ...
คงถึงวัน ปลดเปลื้อง..ปีก..เปลือกเสียที ...
21 กันยายน 2548 15:12 น.
keekie
บรรยากาศยามแดดร่มลมตกริมบึงในสวนสาธารณะแบบนี้ ..
ก็ไม่เลวแฮะ ..
ฉันจิ้มปลาหมึกปิ้งเข้าปาก ..
แล้วสอดส่ายสายตารอบตัว ..
คนเขามาทำอะไรกันที่นี่ในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้นะ ..
16 กันยายน 2548 12:25 น.
keekie
ห้องสี่เหลี่ยมคับแคบ ..
มีเพียงฉันกับความเจ็บแปลบปวดปร่า ..
มืดมิดเศร้าหมองนองน้ำตา ..
มิรู้ตัว .. มองหา .. สิ่งใด ..
ฉันนั่งบนเก้าอี้สีขาวกลางห้อง .. ไร้แสงไฟ ..
มีเพียงจันทร์สาดทอแสงละออผ่านบานหน้าต่าง ..
เป็นเส้นเสี้ยว .. เหมือนแสงส่องนำทาง ..
ให้หัวใจอ้างว้างพอสว่างเรืองรอง ..
ให้หมกมุ่นครุ่นคิดกับสิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น ..
สงสัยตัวเอง .. ชีวิตฉันเกิดมาเพื่อสังเวยความล้มเหลวในอดีตหรือเช่นไร? ..
ไยทุกส่วนเสี้ยวความรู้สึก .. ยังจมปลักอยู่กับสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว ..
.. สิ่งล่วงเลย .. ที่คงไม่มีใครให้คำตอบได้ว่ามันจะวนเวียนกลับมาในชีวิตฉันอีกหรือไม่ ..
วนเวียนกลับมา .. เพื่อสร้างความยับเยินแก่ชีวิตอีก ..
วนเวียนกลับมา .. เพื่อตอกย้ำรอยแผลเดิมให้ปากแผลกว้าง .. บาดลึกลงไปอีก ..
ดีเหมือนกัน .. อาจทำให้เจ็บจนไม่อยากหมกมุ่นครุ่นคิดถึงมันอีกก็เป็นได้ ..
หากเป็นเช่นนั้นจริง .. หัวใจภาวนา .. ขอให้มันวนเวียนกลับมาทีเถิด .. ฉันจะเปิดรับมัน
เหลียวมองรอบตัว ..
ตรงนั้น .. เคยมีโซฟาสีแดง .. หมอนอิงสีดำ ..
สีตัดกัน .. เหมือนความรู้สึกของคนจัดวาง ..
ความรู้สึกสดใส .. ร้อนแรง .. เริงร่า ..
แต่มิอาจปฎิเสธได้ว่า .. ความเป็นจริงแห่งชีวิต ..
หากพลั้งเผลอเพียงเสี้ยววินาทีเดียว .. ความมืดมนแห่งสีดำจะเข้าครอบคลุม ..
และ .. ครอบครองในไม่ช้า ..
มันเป็นเพียงจุดตัดร่วมแค่ชั่วแสงเดินทาง ..
ความเชื่องช้าแห่งการตัดสินใจของมนุษย์ .. มิอาจทันมัน ..
แล้วชีวิต .. ก็พลิกผัน .. เปลี่ยนสี ..
มีเพียงสติเท่านั้นที่จะยับยั้งมันได้ .. เจ้าสีดำ ..
อีกแล้ว ..
นี่ฉันหมกมุ่นในสิ่งที่ล่วงเลยไปอีกแล้ว ..
โซฟาสีแดง .. หมอนอิงสีดำ .. วันนี้มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว .. มันผ่านไปแล้ว ..
คิดถึงสิ่งที่จะเกิดดีกว่าไหม? ..
อยากได้โซฟาใหม่สีอะไร? .. มันจะเข้ากับหมอนอิงสีไหน? ..
คิดไม่ออก ..
ฉันคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นไม่ออก ..
คงเคยชินกับอดีต ..
ปัจจุบันมันว่างเปล่า ..
ฉันไม่รู้จะทำเช่นไรกับความว่างเปล่า ..
ถามตัวเอง .. มีอะไรในนั้น ..
ตอบตัวเอง .. มีเพียงตัวฉันในนั้น ..
หากฉันยังนั่งหมกมุ่นถึงอดีต .. ฉันก็คงจมตัวเองในความว่างเปล่าต่อไป ..
จันทร์เจ้า ..
โปรดทอแสงทาบบนทางร้าง ..
ขอเพียงความสว่างเลือนลาง ..
ส่องให้เห็นช่องว่าง .. ในเปล่าดาย ..
สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้ .. นอกจากจมกับอดีต .. และอยู่กับปัจจุบันที่ว่างเปล่าแล้ว ..
คงได้แต่เฝ้าอ้อนวอนดวงจันทร์ผ่านช่องหน้าต่าง ..
ได้โปรดเถิด .. สาดแสงนวล .. นำทาง ..
เพื่อให้ฉันหลุดพ้นจากความเปล่าดายเสียที ..
14 กันยายน 2548 00:17 น.
keekie
ฝนซาขาดเม็ด ..
ฉันเปิดประตูก้าวลงจากรถหลังจากนั่งรออยู่พักใหญ่ ..
หยิบถุงใส่ของสองสามถุงติดมือมาด้วย ..
ที่นี่ฝนคงจะตกทุกวัน .. ต้นหญ้าสูงเกือบท่วมศีรษะ ..
เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมามันยังไม่สูงเท่านี้เลย ..
พฤษภาคมของปีก่อนๆ ก็เช่นกัน ..
ฉันเดินฝ่าพงหญ้า .. ก้าวขึ้นไปบนทางซีเมนต์ ..
มอง .. คอนโด .. ที่ตั้งเรียงกันเป็นแถบ ..
ฉันมองรูปเจ้าของคอนโด .. ที่ติดไว้ด้านหน้า .. พลางนึกในใจ ..
.. ขออนุญาตเดินผ่านหน่อยนะคะ ..
.. หนูจะมาหาคุณยายค่ะ ..
เดินจนสุดทาง .. ห้องสุดท้าย .. สีฟ้า ..
ฉันมองรูปขาวดำที่ติดไว้ด้านหน้า ..
.. สวัสดีค่ะ .. หนูคิดถึงคุณยายจัง ..
.. นี่ .. สาลี่ที่ยายชอบ .. อ้อ กี้ซื้อน้ำเขียวมาฝากด้วยนะคะ ..
.. สมัยนี้มันใส่กระป๋องแล้วนะคะยาย .. อย่า งง ล่ะ ..
.. ดื่มซะนะคะ .. กี้เสียบหลอดไว้ให้แล้ว ..
พลันภาพในอดีตแจ่มชัด ..
เสียงคุ้นเคยดังก้องในโสตประสาท ..
"กี้เอ้ย .. ไปซื้อน้ำเขียวให้ยายขวดนึง .. "
"เดี๋ยวค่ะ .. หนูออกจากที่ซ่อนไม่ได้ค่ะ .. เดี๋ยวก้องหาเจอ .."
เสียงตะโกนดังจากโอ่งมังกรใบโต ..
จะออกไปได้ยังไงเล้าาาา .. เดี๋ยวก็โดนแปะโป้งกันพอดี ..
เจ้าน้องชายตัวดีมันอยู่ใกล้ๆ นี่เองซะด้วย ..
แหม .. มานึกอยากกินอะไรกันตอนนี้นะ .. คนกำลังเล่นซ่อนหา ..
"จะออกมาดีๆ .. หรือจะต้องให้ใช้ไม้นาบฮ้าเจ้ากี้ .. "
เพียงเท่านั้น .. เด็กตัวดำๆ ก็ตุปัดตุป่องปีนออกมาจากโอ่งมังกร ..
เดินไปคว้ากะตังค์จากมือคุณยาย .. กระแทกเท้าปังๆ ไปซื้อน้ำเขียว ..
เห็นแก่ไม้หวายเหนียวๆ หรอกนะ .. เฮอะ .. ทำมาขู่ ..
ฉันยิ้มให้กับภาพในมโนนึก ..
เด็กน้อยในวันนั้นห่วงแต่เล่น ..
วันนี้ .. เด็กน้อยคนนั้นโตขึ้น .. และคิดถึงคุณยายมาก ..
จนต้องขับรถมาไกลถึงนี่ .. เอาน้ำเขียวมาฝากคุณยาย ..
.. อร่อยไม๊คะคุณยาย? ..
ฉันหยิบดอกมะลิซ้อนที่เด็ดมาจากต้นที่บ้านปักใส่แจกัน ..
ถอนหญ้าที่ขึ้นรกเรื้อหน้า .. คอนโด .. ของคุณยาย ..
"กี้เอ้ย .. กวาดบ้านให้หน่อย .. ฝุ่นมันเยอะ .."
"เดี๋ยวค่ะยาย .. นกหงส์หยกมันกำลังฟักไข่ .. ให้มันฟักไข่เสร็จก่อนนะคะ .. แป๊บเดียว" ตะโกนตอบ .. สายตายังไม่ละจากรังนกหงส์หยกในกรง ..
"แล้วเมื่อไหร่มันจะฟักเสร็จ .. ไม่มะรืนนี้หรอ .. ก้องเอ้ย .. ไม้หวายยายอยู่ไหน? "
เท่านั้น .. เด็กตัวผอมๆ ก็กระโดดผึงจากกรงนกหงส์หยก .. คว้าไม้กวาดทันควัน ..
แทบจะกวาดบ้านทั้งน้ำตา .. แหม .. บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอก .. กวาดเมื่อไหร่ก็ได้ ..
แต่นกสิ .. เดี๋ยวก็อดดูตอนมันเกิดพอดี .. กวาดมันส่งๆ ไปแหละ .. ยายไม่รู้หรอก ..
.. วันนั้น .. เด็กน้อยหนีไม่พ้นไม้หวายยาย ..
.. วันนี้ .. เด็กน้อยคนนั้นโตขึ้น ..
.. และกำลังตั้งใจทำความสะอาดบ้านให้คุณยาย ..
.. คุณยายเห็นไม๊คะ ? ..
"ยายคะ .. เมื่อเช้าหนูทะเลาะกับคุณพ่อค่ะ .. "
มือถอนหญ้าในขณะที่ปากเล่าความเป็นไปในเช้าวันนี้ให้คุณยายฟัง ..
"ทำไมคุณพ่อต้องบอกให้หนูทำนั่นทำนี่ด้วยคะ ..
ถ้าหนูอยากทำ .. หนูก็ทำเองแหละ .. ทำไมคุณพ่อชอบบังคับหนูเรื่อยเลยคะ ..
หนูรู้ว่าหวังดี .. แต่หนูยังไม่อยากทำนี่นา" ถ้อยคำพรั่งพรูออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
"สักวัน .. ถ้าหนูอยากทำ .. หนูจะทำ .. " ฉันเงยหน้ามองรูปขาวดำ ..
เหมือนให้รู้สึกว่า .. ได้ยินบางเสียงก้องในโสตประสาท ..
"เมื่อไหร่ล่ะกี้ .. ต้องรอวันที่คุณพ่อหนูมาอยู่กับยายหรือลูก? .. หนูถึงจะทำให้คุณพ่อ"
เหมือนฉันได้ยินคุณยายถามฉันว่าอย่างนั้น ..
.. น้ำตาฉันร่วงพรู .. ตาทอดมองรูปขาวดำนิ่ง ..
"วันนี้ค่ะยาย .. วันนี้เลย .. มันยังไม่สายไปใช่ไม๊คะ? ..