28 พฤศจิกายน 2548 23:15 น.
keekie
เรือยนต์ลากแพพร้อม 4 ชีวิตที่หลงรักความสงบเงียบแห่งลุ่มแม่น้ำแคว ..
เทียบริมตลิ่งอันล้อมรอบด้วยหุบเขาที่มีหมอกปกคลุมจางๆ ..
24 พฤศจิกายน 2548 19:22 น.
keekie
"คอยนานไหม? .." เสียงห้าวร้องถาม
ฉันเงยหน้าจากหนังสือเรียนในมือ ... "ก็นั่งรอทุกวัน ... นานไหมล่ะ .. " ฉันหยอก
ตามองเหงื่อที่ไหลโทรมเสื้อยืดสีขาวจนเปียกชุ่ม ..
"เบื่อไหม? มานั่งรอเราทุกวัน .." ถามแล้วก็ปีนสแตนขึ้นมานั่งข้างๆ ฉัน
"เบื่อ .. " ฉันตอบ
"แล้วมารอทำไมล่ะ? .." เสียงห้าวปนอาการงอนเล็กน้อย
"ก็เราหลงรักความเบื่อไปแล้วนี่ .. " ฉันตอบ
เขายกมือลูบหัวฉัน "กีฬามหาวิทยาลัยคราวที่แล้ว เรายิงประตูได้ก็เพราะแก้วนี่ล่ะ ..
ขอบคุณนะที่มานั่งให้กำลังใจเราตอนซ้อมทุกวัน .. "
สายตาคมกริบคู่นั้นส่งความอ่อนโยนมายังฉันเสมอ
"อื้มม .. " ฉันได้แต่ยิ้มตอบ .. ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้มากกว่านั้น
สายลมเย็นพัดเอื่อย ..
อากาศตอนเริ่มเข้าหน้าหนาวนี่ .. มันอุ่นจัง ..
"ทำไมเงียบไป .. ?" เขายกมือขึ้นลูบหัวฉันอีกแล้ว ..
"ชู่วววว .." ฉันยกนิ้วขึ้นปิดปากเป็นเชิงบอกให้เขาเงียบ ..
เขามองหน้าฉัน .. สายตาส่อแววสงสัย ..
"ความสุขมันเบานักรู้ไหม? .. "
ฉันพูดเสียงเบาแทบกระซิบจนเขาต้องเอาหูมาใกล้ๆ ปากฉัน ..
"ถ้าเสียงดัง เดี๋ยวมันก็กระเจิงหมดหรอก .. เบาๆ ซี่ .." ฉันบอก
เขายิ้ม .. ขยับตัวเข้ามานั่งชิดตัวฉัน .. หันหน้ามองฉัน ..
ฉันนั่งชันเข่า .. เอาแก้มข้างซ้ายเกยเข่า .. หันหน้ามองเขา ..
เราซึมซับไออุ่นแห่งความสุขท่ามกลางความเงียบด้วยกัน
สายลมแห่งฤดูหนาวพัดแผ่ว ..
.. อบอุ่น ..
"แก้ว .. " เขาเรียกชื่อฉันแผ่วเบา .. "แก้วมีความฝันไหม? .. "
"มีสิ เยอะด้วย .. " ฉันตอบ
"บอกเราบ้างได้ไหม? .. " ดวงตาคุ้นเคยส่อแววอยากรู้จริงจัง ..
ฉันยิ้ม .. แล้วก็ลุกขึ้นยืน ..
"เราอยากใช้ชีวิตสงบๆ .. ในบ้านหลังเล็กๆ ที่ทำด้วยกระจก ..
บ้านแบบไม่มีรั้วนะ .. แล้วหน้าบ้านน่ะ ..." ฉันวาดมือไปกลางสนามฟุตบอล
"เราจะปลูกดอกไม้ให้เต็มสนามเลย .. ดอกโมก .. ดอกมะลิ .. "
ฉันหันหลังกลับมามองเขา ..
เห็นเขากำลังทำมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมคล้ายเฟรมบนเลนส์กล้องถ่ายรูป ..
"บันทึกไว้แล้ว .. ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะทำให้ .. .. แช๊ะ .. "
ว่าแล้วเขาก็ทำมือเหมือนกดชัตเตอร์
"อื้อ .. บันทึกไว้แล้วจำให้ดี .. ที่สำคัญน่ะ .. ต้องมีดอกแก้วด้วยนะ .. "
ฉันสำทับ ..
"จ้า .. บันทึกไว้แล้วบนหัวใจเรา .. ดอกแก้ว .. "
เรายิ้มให้กัน ... อบอุ่นท่ามกลางสายลมแห่งฤดูหนาวที่พัดเอื่อย ..
15 พฤศจิกายน 2548 22:32 น.
keekie
ปี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ..
ตำรวจจราจรโบกเรียกรถฉันเข้าชิดใต้สะพานต่างระดับกลางแยกลาดพร้าว ..
ซึ่งกำลังยุ่งเหยิงอินุงตุงนังเพราะอยู่ระหว่างก่อสร้างทางต่างระดับ ..
โอ๊ย .. คนกำลังรีบ .. มีประชุมสิบเอ็ดโมง .. นี่สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว ..
.. ทำรัยผิดเนี่ย??? .. ฉันจำต้องเปิดไฟกระพริบขวาชิดเข้าข้างทาง ..
ท่านเดินอืดๆ เข้ามาเคาะกระจกรถ .. ฉันไขกระจกลง ..
ท่านยกมือแตะหมวกกลมๆ .. "สวัสดีครับ .. "
"สวัสดีค่ะ .. ดิฉันทำอะไรผิดคะ? .. "
พูดจบก็ต้องพยายามปั้นยิ้มให้หวานจ๋อย ..
"คุณขับรถฝ่าไฟแดงครับผม .. "
พูดแล้วก็ยิ้มหวานตามฉัน .. แต่ฉันกลับเห็นเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของบอส
ยามฉันเดินเข้าห้องประชุมสาย .. โธ่เอ้ยยย .. คนยิ่งรีบๆ อยู่
"อ้าว หรอคะ? .. ทำไมดิฉันไม่ทราบล่ะ .. "
ฉันยกมือเกาหัวให้ท่านรู้ว่าฉันไม่ทราบจริงๆ
ท่านยังคงยิ้มหวาน .. ทำไม่รู้ไม่ชี้ .. "ใบขับขี่ครับผม .."
พูดจบก็แบมือมาตรงหน้าฉัน ..
"ดิฉันไม่เห็นจริงๆ นะคะ .. ขับตามรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นมา .. "
ฉันชี้มือไปข้างหน้า .. แต่ว่า .. "อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ ..? "
พยานที่หนึ่งหายเหลือเพียงพยานที่สองที่เห็นชัดว่าฉันทำผิดจริง ..
"ใบขับขี่ครับผม .. " ท่านยังคงแบมือทวง ... กรรม!!! จะแก้ตัวไงล่ะคราวนี้
..
ฉันยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา .. 11.42น. โอ๊ย .. ให้ๆ ไปเถอะ จะได้จบๆ กัน
"ผมจะออกใบสั่งให้คุณไปเสียค่าปรับที่ สน. วิภาวดีแล้วกันนะครับผม .. "
พูดด้วยรอยยิ้มหวานใจเย็น ..
"ค่ะ .. จะเอาไงก็รีบเถอะค่ะ .. ไม่งั้นดิฉันตกงานแน่ .. "
พักนี้ขาเก้าอี้ยิ่งง่อนแง่นๆ จะหักซะก็วันนี้แหละ ..
ท่านดึงใบสั่งที่เหน็บอยู่หลังเอว .. หันหลังเขียนยุกยิกๆ ..
เสร็จแล้วก็ฉีกส่งมาให้ฉัน ..
"อ้าว แล้วใบขับขี่ล่ะคะ .. " ฉันถาม
"คุณไปจ่ายค่าปรับแล้วจะคืนให้ครับผม .. " เอาๆๆๆ ช่างมัน!!
ไว้ค่อยว่ากันวุ้ย .. จะเที่ยงแล้ว ..
ฉันไขกระจกขึ้น เปิดไฟซ้ายเตรียมออกรถ ..
"โชคดีนะครับผม .. "
ยังทันได้ยินเสียงอวยพรตามหลังมาก่อนกระจกไขปิดสนิท ..
โชคร้ายสิไม่ว่า .. เฮอะ ..
"ฮัลโหล .. " ฉันกรอกเสียงลงไปในสายเมื่อปลายสายรับ ..
"สน. วิภาวดีอยู่ตรงไหนคะ ? .."
"จะไปทำไม ?" เสียงปลายสายถามมา ..
"ก็โดนยึดใบขับขี่น่ะสิ .. " ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มทน ..
"ไปทำอะไรมาล่ะ .." เสียงปลายสายถามอีก ..
"ขับรถฝ่าไฟแดง " ฉันตอบ ..
"ที่ไหน? .. " ซักอย่างกะขึ้นศาล ..
"สี่แยกลาดพร้าว .. " ฉันตอบพลางหักพวงมาลัยหลบรถตุ๊กๆ
ที่ปาดเข้ามาทางซ้าย
"โห แยกใหญ่ซะด้วย .. " เสียงปลายสายอุทาน ..
เสียงโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องดัง ..
"เดี๋ยวนะคะ .. " ฉันบอกสายที่หนึ่ง ..
ทำไมวันนี้มันวุ่นนักนะ ..
"ฮัลโหลน้องปา .. " ฉันกรอกเสียงลงไป .. เลขาบอสนั่นเอง ..
"พี่กี้ถึงแล้วใช่มั๊ยคะ? " เสียงหวานๆ ดังมาตามสาย ..
"จ้ะๆๆ อยู่สี่แยกสะพานควายแล้วล่ะติดไฟแดงอยู่จ้ะ .. อีกแป๊บนะคะน้อง"
ฉันตอบเสียงหวาน .. ไม่กล้าถามว่าบอสมายัง .. กลัวคำตอบจัง ..
"เร็วๆ นะคะพี่ .. " น้องปากำชับ ..
"จ้ะๆๆ .. " แม่คุ๊ณ พี่ก็อยากรีบจะแย่แล้วค่ะน้อง
ฉันวางสายที่สอง ..
หยิบโทรศัพท์เครื่องที่คุยค้างไว้ขึ้นแนบหู ..
"ฮัลโหล .. ตกลง สน.วิภาวดีอยู่ตรงไหนคะ .. " ฉันเปิดไฟซ้ายเตรียมเลี้ยว ..
แต่ก็ต้องเหยียบเบรคทันควันก่อนที่จะต้องชนมอเตอร์ไซด์ที่
ชะวี้ดชะว้าดมาปาดหน้า
"เฮ้ยยยยย .. แค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวกี้โทรมาใหม่ .. การจราจรวุ่นวายมากเลยค่ะ"
อุทานแล้วก็ต้องรีบบอกปลายสายแล้วก็วางหู ..
ตั้งใจขับรถหน่อยแล้วกันไม่งั้นคงโดนดีอีกแน่ ..
เปิดไฟซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าซอย .. อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วแม่เจ้า ..
ฉันหมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้าย ..
"เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด"
แต่แล้วก็ต้องเหยียบเบรคตัวโก่ง เสียงล้อ บดถนนดังลั่น ..
ประชาชีสองฟากถนนหันมามองกันเป็นตาเดียว ..
คุณตำรวจในเครื่องแบบหล่อล่ำดำคม .. ยืนตกอกตกใจอยู่หน้ารถฉัน ..
แต่ซักพักใบหน้าเครียดนั้นก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ..
ข้ามถนนประสาอะไร (ฟะ) เป็นตำรวจซะป่าว? ไม่ระวังซะมั่งเลย
ฉันนั่งเฉยไม่ลงจากรถ .. ก็ไม่ได้ชนนี่จะลงไปทำไม ..
คุณตำรวจสุดหล่อก็ไม่ขยับเขยื้อนจากหน้ารถฉันเหมือนกัน ..
ยังคงยืนมองหน้าฉันผ่านกระจกหน้ารถ ..
ฉันกดแตร .. ปิ๊นนๆๆๆ .. หลบไปซี่ .. ตูสายแล้ว ..
เขายังคงยืนเฉย ..
ฉันเปิดประตูรถลงไป .. จะเอายังไง (ฟะ)
"นี่คุณตำรวจคะ .. จะมายืนขวางทางทำไม ? .." ฉันถาม
พยายามข่มอารมณ์หงุดหงิดที่พลุ่งพล่าน
"คุณขับรถจะชนผม .. " เขาพูด .. ทำหน้าเฉยเมย .. กวนชะมัด
"คุณก็เกือบจะชนรถฉัน .. ข้ามถนนในที่ไม่ใช่ทางม้าลายผิดกฎจราจรนะคุณ "
ฉันอธิบายกฎจราจรให้เขาฟัง .. เป็นตำรวจเนี่ยไม่เคยรู้เลยใช่มะ?
"คุณขับรถประสาอะไร .. ซอยแคบขนาดนี้ขับซะเร็ว .." เสียงเขาเริ่มดัง ..
ฉันมองตึกสำนักงานที่อยู่ข้างหน้าห่างไปเพียงแค่สองช่วงตึก ..
แล้วก็มองนาฬิกาข้อมือ .. 11.58น. โอ๊ยๆๆๆๆ อะไรนักหนา (ฟะ) ..
วันนี้ทำไมเจอแต่ตำรวจ .. เพราะตำรวจแท้ๆ ฉันเลยสาย ..
"นี่คุณ ไว้ซักห้าโมงเย็นคุณออกมาคอยตรงนี้นะแล้วฉันจะมาเถียงด้วย ..
ตอนนี้ไปล่ะ .." พูดจบฉันก็ก้าวยาวๆ เปิดประตูขึ้นรถ .. เข้าเกียร์ ..
ออกรถโดยไม่สนใจว่าเขาจะหลบหรือป่าว? .. ไม่หลบก็ไม่สนละ ..
เขากระโดดหลบพัลวัน ..
ฉันไม่ทันได้มองกระจกมองหลังด้วยซ้ำว่าเขาทำยังไงต่อ ..
เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่อกับตึกสำนักงานข้างหน้า .. โอ๊ยยยย .. ที่จอดรถก็เต็มอีก ..
ต้องอาศัยกำแพงบ้านเขาซะละ ..
ฉันขับรถเข้าไปในซอยค่อนข้างไกลจากตึกสำนักงานพอดู ..
กว่าจะเจอที่ๆ พอเหมาะพอที่จะจอดรถได้ .. เอาล่ะ .. ตรงนี้แหละ ..
เหลือบดูนาฬิกา 12.13น. ฮืออออ .. ตูหนอตู ..
จอดรถเสร็จ .. เปิดประตูก้าวลงจากรถ ..
หยิบกระเป๋า .. แบกโน๊ตบุ๊ค .. กับแฟ้มเอกสารสองแฟ้ม ..
มองทั่วรถ .. เอ .. ยังมีอะไรต้องเอาไปอีกหรือป่าวหนอ ..
ปากยังว่างพอคาบได้ ..
อ้อ .. กระเป๋าใส่ LCD .. เอาล่ะ .. ครบละ ..
ฉันล็อครถ .. เดินแกมวิ่ง .. กระเป๋าพะรุงพะรังเต็มสองบ่า ..
ยกข้อมือดูนาฬิกา .. 12.22น. .. บอสจ๋ารอเดี๋ยว .. อีกเดี๋ยวเดียวนะจ้ะ ..
"คุณคะช่วยจับคนนั้นหน่อยค่ะ .. เค้ากระชากกระเป๋าค่ะ .."
ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วๆ มาตามลม
"คุณคะช่วยจับคนนั้นหน่อยค่ะ .. เค้ากระชากกระเป๋าค่ะ .."
เอ๊ะ .. ประโยคเดิมนี่นา ..
ฉันหันมองตามต้นเสียง ..
แล้วก็ได้เห็นผู้ชายรูปร่างล่ำสันใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์
วิ่งออกมาจากซอยซ้ายมือข้างหน้า ..
ตามด้วยตำรวจ (อีกแล้ว) หนึ่งนายวิ่งตามชายคนนั้นออกมา
"คุณคะช่วยจับคนนั้นหน่อยค่ะ .. เค้ากระชากกระเป๋าค่ะ .."
ตามด้วยผู้หญิงเจ้าของกระเป๋า .. คราวนี้ได้เห็นตัวต้นเสียงล่ะ
ประชาชีรอบข้างหยุดยืนมอง .. รวมทั้งฉันด้วย ..
เจ้าจอมกระชากรายนั้นวิ่งมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ฉันทุกทีๆ ..
"คุณคะช่วยจับคนนั้นหน่อยค่ะ .. เค้ากระชากกระเป๋าค่ะ .."
เสียงเธอยังคงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ..
ฉันยืนมองอย่าง งงๆ .. เอ .. ถ่ายละครหรือป่าวหนอ?
งงไปงงมา .. แฟ้มเอกสารที่ถือมาหลุดจากมือ ..ร่วงลงพื้น ..
ฉันละสายตาจากภาพเบื้องหน้า .. ก้มตัวลงเก็บแฟ้มตามสัญชาตญาณ ..
กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค และ กระเป๋าใส่ LCD ที่สะพานบนบ่ากองวางบนพื้น
เนื่องจากสายกระเป๋ามันยาว ทำให้มันวางค่อนข้างห่างตัวฉันในระยะกำลังดี
เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าจอมกระชากรายนั้นวิ่งผ่านตัวฉันในระยะเฉียดฉิวเหลือเกิน
เขาจึงสะดุดกระเป๋าโน๊ตบุ๊คซึ่งซ้อนกับกระเป๋าใส่ LCD ..
ล้มหน้าทิ่มลงบนพื้นใกล้ๆ ฉัน ..
ฉันได้ยินแต่เสียง .. เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บแฟ้มเอกสาร ..
เงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็เห็นเจ้าวายร้ายนอนกองอยู่บนพื้น ..
คุณตำรวจที่วิ่งตามมา .. ก็เข้าตะครุบตัวไว้ทันควัน ..
พี่น้องชาวไทยช่างมุง .. เริ่มตั้งวงล้อม ..
ถึงแม้เจ้าหัวขโมยจะหลุดจากการจับกุมของตำรวจไปได้
ก็คงฝ่าวงล้อมพี่น้องชาวไทยไปไม่ได้หรอก ..
เฮ้ยยย ... มัวแต่ยืนดูอยู่ได้ .. ต้องรีบไปประชุมแล้ว ..
พอคิดได้ฉันก็รีบจ้ำอ้าว .. ก้าวเท้าให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ..
อยากจะวิ่งเหมือนกัน .. แต่แบกของเยอะแยะวิ่งบนรองเท้าส้นสูงสองนิ้ว ..
เดี๋ยวก็คงได้หน้าทิ่มเหมือนเจ้าหัวขโมยนั่นหรอก ..
"คุณครับคุณ .. " ฉันได้ยินเสียงตะโกนตามหลัง ..
ทั้งที่ยังเดินไม่พ้นกลุ่มไทยมุงซะด้วยซ้ำ .. คงไม่ได้เรียกฉันหรอกมั้ง ..
"คุณ คุณครับ .. อย่าเพิ่งไป" เสียงเรียกยังคงดัง ..
"พี่ครับ .. คุณตำรวจเค้าเรียกน่ะ.."
หนุ่มรุ่นที่ยืนอยู่ในกลุ่มไทยมุงใกล้ฉัน .. ส่งเสียงร้องบอก ..
ฉันหยุด .. เหลียวหลังไปมอง ..
คุณตำรวจคนเก่ง .. ใส่กุญแจมือเจ้าหัวขโมยแล้วพาเดินตรงมาที่ฉัน
"เดี๋ยวต้องขอเชิญคุณไปให้การที่โรงพักครับเพราะเป็นผู้เห็นเหตุการณ์"
เขาบอกฉันแบบนั้น ..
"เอ่อ .. คือดิฉันคงไปไม่ได้ค่ะ .. " ฉันบอก
"คุณเป็นคนจับขโมยได้นะครับ .. ต้องไปให้การเพื่อลงบันทึกประจำวัน"
คุณตำรวจยังยืนยัน ..
ฉันมองนาฬิกาข้อมือ .. 12.37น.
จะไปได้ยังไงเล่า!!! ..
"คือดิฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ เขาสะดุดของเขาเอง .."
ฉันพยายามอธิบาย ..
"ยังไงคุณก็ต้องไป .." คุณตำรวจยังคงยืนยัน ..
ฉันเห็นรถตำรวจวิ่งตรงเข้ามาขนาบข้าง ..
นั่นก็ตำรวจใช่ไหม? คนขับรถน่ะ ..
"ไว้ก่อนได้ไหมคะ? .. แล้วเย็นๆ ดิฉันจะไปที่โรงพัก .."
ฉันต่อรองเสร็จแล้วก็หันหน้าจะเดินฝ่าไทยมุงออกไป ..
"ไม่ได้ครับ .. ต้องไปให้การพร้อมเจ้าทุกข์ .. ใช้เวลาไม่นานหรอก .."
คุณตำรวจยังคงยืนยัน ..
"พี่ช่วยหนูหน่อยนะ .. " สาวน้อยเจ้าของกระเป๋าเกาะแขนฉันร้องบอก ..
รถตำรวจหยุดลงข้างๆ ..
คุณตำรวจที่จับเจ้าหัวขโมยใช้มืออีกข้างเปิดประตูรถ ..
"เชิญครับ .." เขาเชื้อเชิญ ..
"เอ่อ คือ ดิฉันไปไม่ได้จริงๆ นะคะ .. ดิฉันมีประ ...... "
ยังไม่ทันจะพูดจบ ..
คุณตำรวจก็ดันสาวน้อยเจ้าของกระเป๋าซึ่งยืนอยู่ข้างฉันขึ้นรถ ..
ซึ่งเบียดฉันให้ต้องก้าวเท้าเข้าไปในรถด้วย ..
"คุณตำรวจคะ .. ดิฉันมีประ ......." ยังพูดไม่จบ ..
สาวน้อยเจ้าของกระเป๋าก็เบียดฉัน .. รวมกับข้าวของที่ฉันแบกมา ..
กว่าจะรู้ตัวอีกที .. ก็ตอนได้ยินเสียงปิดประตูรถ .. ปัง!!!
แล้วคุณตำรวจคนขับรถ .. ก็ออกรถในทันควัน ..
"คุณตำรวจคะ .. ดิฉันมีประ ......." ฉันหยุดคร่ำครวญ ..
เพราะตามองกระจกด้านข้าง ...
รถตำรวจกำลังวิ่งผ่านตึกสำนักงานอย่างช้าๆๆ ...
เหมือนกำลังดูภาพสโลโมชั่น .. (นึกตามนะ .. )
"คุณตำรวจคะ .. ดิฉันมีประชุมมมมมมม ... ฮือออออ "
11 พฤศจิกายน 2548 12:31 น.
keekie
ฉันจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ ..
เปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมถุงขนมนานาชนิด ..
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วเข้าหู ..
มองลอดรั้วเข้าไป .. เด็กหญิงร่างสูงเกินกว่าวัยเจ็ดขวบ
กำลังวิ่งไล่เด็กหญิงตัวเล็กวัยสิบเดือนซึ่งกำลังหัดเดินเตาะแตะ ..
หัวเราะกันสนุกสนาน ..
ฉันเปิดประตูรั้วก้าวเข้าไป ..
"น้ากี้มาแล้วววว .. " เสียงเด็กหญิงคนโตร้องลั่น ..
เธอวิ่งตรงมาที่ฉัน .. โถมเข้าใส่ทั้งตัวจนฉันแทบผงะหงายหลัง ..
"โอ้ยตาย ตาย .. น้ากี้ตายแหล่ววว .. " ฉันแกล้งร้องโอดโอย ..
แล้วต้องรีบอ้าแขนรับเด็กหญิงที่กระโดดเกาะตัวฉัน ..
.. พลางหอมแก้มซ้าย-ขวาฉันอย่างแรง ..
"เบาๆ ลูกฟ้าใส .. " เสียงปรามมาจากแม่ของเด็กหญิง ..
"ก็หนูคิดถึงน้ากี้นี่ .. " พูดพลางทำหน้ากระเง้ากระงอด
จนฉันอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสเบาๆ
"น้ากี้ก็คิดถึงฟ้าใสจ้ะ .. ไหนมาหอมแก้มที .." เด็กหญิงเอียงหน้ามาให้หอมแก้มโดยดี ..
"เอ้านี่ขนมของฟ้าใส กับ ไอรักจ้ะ .. " ฉันส่งถุงขนมให้เด็กหญิงที่รีบยื่นมือมารับโดยไว
เมื่อได้ขนม .. ความคิดถึงก็หมดความหมาย .. 5555 นี่ละนะเด็ก ..
ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ ..
"ไงล่ะ .. มาถึงนี่ได้ .. " เสียงแม่ของฟ้าใสถาม ..
เรารู้จักกันมานาน .. ยามทุกข์ยากเราได้พบกันเสมอ ..
และยามมีความสุขก็แยกย้ายกันไปเสพย์สุข .. นี่ละนะเพื่อนแท้ ..
"ก็ตั้งใจมาน่ะ คิดถึงฟ้าใสกับไอรัก .." ฉันหันไปมองสองพี่น้องที่กำลังรื้อถุงขนม ..
แกะช็อคโกแลตของโปรดออกมาแบ่งกัน .. ยามเด็กได้ขนมโลกนี้ก็เป็นสีชมพูล่ะนะ ..
มีไหมนะ? .. ขนมสำหรับผู้ใหญ่ ที่พอกินแล้วโลกนี้จะกลายเป็นสีชมพูสดใส ..
(อย่าบอกว่าขนมชื่อความรักนะ .. อย่ามาหลอกกันเลยไม่เชื่อหรอก ..)
"ทำหน้ายังกะหัวใจเป็นรู .. " แม่ฟ้าใสยังคงพยายามเดาสาเหตุแห่งการมาของฉัน
เรารู้จักกันดีพอที่ยามมองตากันจะเห็นไปถึงขั้วหัวใจ ..
"น้ากี้คะ .. หนูอยากฟังนิทานค่ะ .. ไอรักก็อยากฟัง .."
พออิ่มขนมก็เริ่มออดอ้อน
"นะคะ นะคะ .. เล่านิทานให้หนูฟังหน่อยนะ.."
หัวใจไหวยวบยามก้มลงสบสายตาวาวใสคู่นั้น ..
เจ้าตัวเล็กเดินเตาะแตะต้วมเตี้ยมมาเกาะบ่าฉัน .. คงอยากฟังจริง ..
"เอ .. น้ากี้จะเล่าดีไม๊น้า .. " ฉันทำท่าครุ่นคิด ..
"ดีสิคะ .. เอาเรื่องที่มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงนะคะ .. นะคะ .. นะคะ .. "
ปากเจรจาพลางเขย่าแขนฉันพัลวัน .. "นะคะ น้ากี้นะ .. "
เจ้าตัวเล็กเตาะแตะมานั่งตักฉัน .. ร้องเอ๊าะแอ๊ะๆ ..
เหมือนอยากบอกว่า .. ฟังด้วยๆ ..
"ต้องหอมแก้มน้ากี้ก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง .. " ฉันยื่นแก้มซ้ายให้ ..
เด็กหญิงรีบยื่นหน้ามาหอมแก้มฉันโดยเร็ว ..
ในที่สุดก็หลอกเด็กได้หนึ่งครั้ง ..
หลังจากพลาดการหลอกผู้ใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วน
"ทำไมฟ้าใสถึงชอบฟังนิทานที่มีเจ้าหญิงกับเจ้าชายล่ะจ้ะ .. " ฉันถาม ..
เพราะทุกครั้งที่เด็กหญิงคะยั้นคะยอให้เล่านิทานต้องเป็นนิทานที่มีเจ้าหญิงเจ้าชายเสมอ ..
"ก็เพราะตอนจบเจ้าหญิงเจ้าชายก็ได้แต่งงานกันไงคะ .. " เด็กหญิงจีบปากจีบคอตอบ
ฉันยิ้ม .. ความรู้สึกของเด็กสวยงามเสมอ ..
"เอาล่ะ .. พร้อมละยังไอรัก .. " ฉันก้มลงมองหน้าเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตัก ..
ไอรักเอามือบีบจมูกฉัน .. เหมือนจะบอกว่า .. เล่าซะทีสิ ลีลาจัง!!!
อ่ะๆๆๆ เล่าก็ได้ ..
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว .. " ทำไมนะ .. ตอนเล่านิทานต้องขึ้นต้นแบบนี้เสมอ ..
"มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งถูกแม่เลี้ยงจับตัวขังไว้บนหอคอยสูง .. สูงมากซะจนใครก็ปีนไม่ถึง .."
"ทำไมแม่เลี้ยงถึงต้องจับเจ้าหญิงไปขังไว้ล่ะคะ เจ้าหญิงทำอะไรผิด?"
เสียงเด็กหญิงถามด้วยความสงสัย
ฉันสบตาใสซื่อคู่นั้น .. นั่นสิเจ้าหญิงจะทำอะไรผิดดีล่ะ .. ?
".. บางทีอาจจะเป็นเพราะเจ้าหญิงทำแต่สิ่งที่ถูกต้องมากเกินไปล่ะมั้ง ..
จึงต้องเข้าไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายน่ะ .. นั่นล่ะความผิดข้อเดียวของเจ้าหญิง" ฉันตอบแล้วรีบเล่าต่อก่อนจะมีคำถามต่อไปอีก ..
"เจ้าหญิงอยู่บนหอคอยนั้นมานานมาก .. นานมากซะจนผมของเธอยาว แล้วก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ ..
เจ้าหญิงรอใครสักคนมาช่วยเธอลงไปจากหอคอย .. จนวันหนึ่งเจ้าชายขี่ม้าสีขาวผ่านมา ..
มองเห็นเจ้าหญิงยืนอยู่ริมหน้าต่างบนหอคอย .. เจ้าชายตกหลุมรักเจ้าหญิงในทันที .. "
ฉันหยุดเล่า .. พยายามแกะมือไอรักที่ดึงผมฉัน .. เจ็บชะมัด .. อย่าอินนักซี่เจ้าตัวเล็ก ..
ฟ้าใสนั่งตั้งใจฟังตาแป๋ว ..
"เจ้าหญิงผมยาวแสนสวย .. ท่านขึ้นไปทำอะไรบนหอคอยสูงนั่นล่ะ .. เจ้าชายตะโกนถาม ..
เจ้าหญิงก้มลงมองตามเสียง .. และเมื่อพบกับเจ้าชายรูปหล่อ .. เจ้าหญิงก็ตกหลุมรักเจ้าชายทันที .."
"เจ้าชายกะเจ้าหญิงรักกันหรอคะ? "
เสียงใสๆ ถาม .. ฉันมองรอยยิ้มใสซื่อจนแก้มแทบปรินั้น ..
"จ้ะ เจ้าหญิงกะเจ้าชายรักกัน .. " ฉันตอบ ..
ยามได้ยินคำว่า 'รัก' .. มันช่างเปี่ยมไปด้วยความสวยงามยิ่งนัก ..
"ฉันถูกแม่เลี้ยงใจร้ายจับมาขังไว้ที่นี่น่ะ .. เจ้าหญิงตอบเจ้าชาย ..
ข้าจะช่วยท่านเอง .. เจ้าชายบอกเจ้าหญิงแล้วก็เดินไปมาทั่วบริเวณนั้นเพื่อหาเชือกมาช่วยเจ้าหญิง ..
แต่ไม่พบ .. พอเจ้าชายเห็นผมเจ้าหญิงที่ยาวมากขนาดนั้น เจ้าชายจึงบอกให้เจ้าหญิงหย่อนเส้นผมยาวสลวยนั้น
ลงมาทางหน้าต่างหอคอย .. เจ้าชายจะปีนขึ้นไปช่วยเธอลงมา .. เจ้าหญิงก็ทำตาม ..
จนเจ้าชายสามารถปีนขึ้นไปบนหอคอยหาเจ้าหญิงได้ .. "
ฉันต้องหยุดเล่า .. มองรอยยิ้มกว้างจากเด็กหญิงช่างฝันตรงหน้า แล้วก็อดถามไม่ได้ .. "ยิ้มอะไร? "
"ก็เจ้าชายกะเจ้าหญิงได้พบกัน .. รักกัน .. แล้วก็จะได้แต่งงานกันใช่ไม๊คะ? .. " ฟ้าใสถาม
ฉันสบตาใสแจ๋วคู่นั้น "จ้ะ เขาทั้งสองได้พบกัน .. รักกัน .. แต่ไม่ได้แต่งงานกันหรอก .. " ฉันตอบ ..
"อ้าว .. ทำไมล่ะคะ ..? " ฟ้าใสถามด้วยความสงสัย ..
"เพราะเจ้าหญิงไม่ยอมลงมาจากหอคอย .. เธอแค่อยากพบหน้าคนที่เธอรักเพียงสักครั้ง ..
แล้วเธอก็บอกให้เจ้าชายลงจากหอคอย .. กลับไป .. แล้วอย่ากลับมาอีก .. " ฉันตอบ
"ทำไมล่ะคะ .. ก็เจ้าหญิงรักเจ้าชาย แล้วเจ้าชายก็รักเจ้าหญิงแล้วทำไมเจ้าหญิงต้องไล่เจ้าชายด้วยล่ะคะ ..?
ทำไมเจ้าหญิงไม่กลับลงมาพร้อมเจ้าชายแล้วไปแต่งงานกันล่ะคะ ..? " คำถามมาเป็นชุด ..
"เพราะเจ้าหญิงรักเจ้าชายมากจนไม่อยากให้เจ้าชายลำบากน่ะสิ .. " ฉันตอบ
"ทำไมล่ะคะ? .. ลำบากยังไงคะ?" ฟ้าใสยังคงไม่เข้าใจ ..
ฉันเงียบ .. ไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย ..
"ก็เพราะเจ้าหญิงเรื่องมากไงลูก .. " แม่ของฟ้าใสที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น ..
"คนเราจะแต่งงานกันน่ะ .. นอกจากความรักแล้วยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ..
แต่อย่างหนึ่งที่มีก็คือ .. ความเสียสละให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก ..
เราจะมีความสุขยามได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ..
และยอมร่วมต่อสู้เป็นกำลังใจให้เขาก้าวผ่านความลำบากนั้นไปได้ ..
เรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขจ้ะ .. " ฉันเงยหน้ามองแม่ฟ้าใส ..
"เจ้าหญิงน่ะเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมแบ่งปันความลำบากให้แก่คนรัก ..
บางทีเจ้าหญิงอาจไม่เข้าใจก็ได้ว่า .. ความรักที่แท้จริง .. เป็นยังไง .. "
แม่ของฟ้าใสพูดจบ .. ก็เดินมาอุ้มไอรักไปจากตักฉัน ..
"มาเจ้าตัวเล็ก ไปอาบน้ำได้แล้ว .. ฟ้าใสจะอาบน้ำพร้อมน้องไม๊ลูก .."
"ไปค่ะ .. " พูดจบก็วิ่งตัวปลิวตามแม่และน้องไป ..
ทิ้งคำพูดบางคำไว้ดังก้องในหูฉัน ..
"เจ้าหญิงน่ะเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมแบ่งปันความลำบากให้แก่คนรัก ..
บางทีเจ้าหญิงอาจไม่เข้าใจก็ได้ว่า .. ความรักที่แท้จริง .. เป็นยังไง .. "
5 พฤศจิกายน 2548 08:48 น.
keekie
เช้าวันเสาร์อากาศขมุกขมัว .. เพราะฝนกำลังจะตกล่ะมั้ง ..
นั่งดื่มกาแฟแก้วแรกของวันในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ ..
เลยอดไม่ได้ที่จะปล่อยหัวใจให้คิดฝันเรื่อยเปื่อยไร้สาระ .. แล้วแต่มันจะอยากคิด ..
เอ .. เพิ่งรู้ .. หัวใจฉันมันช่างคิดนัก ..
เปิดหนังสือนิตยสารเล่มใหม่ที่ยอมลงทุนควักตังค์ในกระเป๋าซื้อ ..
ปกติเคยซื้อนิตยสารแฟชั่นกะเขาซะที่ไหนกัน ..
ก็แหมนะ .. หนุ่มในฝันขึ้นปกเสียที .. จะพลาดได้ยังไง ..
.. ไม่บอกหรอกว่าชื่อหนังสืออะไร .. ประเดี๋ยวจะหลงเสน่ห์เขา
เราจะกลายเป็นคู่แข่งกันเสียเปล่าๆ
นั่งดูรูปไป .. จิบกาแฟหนึ่งคำในบรรยากาศยามเช้าครึ้มฟ้าครึ้มฝน ..
อื้ม .. รู้สึกดีจัง ..
เปิดหน้าแล้วหน้าเล่า .. พลันสายตาก็ไปสะดุดกับบทความสองหน้ากระดาษ ..
ที่มีชื่อสั้นๆ ว่า .. รัก ..
.. รัก ..
จิตกร บุษบา
หนังสือผู้หญิงวันนี้
นภ พรชำนิ เล่าให้ผมฟังถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงชื่อ ฝรั่งใจ ของเขา
ว่าเขาจินตนาการถึงพ่อค้าฝรั่งดองคนหนึ่ง ขายฝรั่งดองอยู่หน้าตึกออฟฟิศ
ทุกเที่ยง หญิงสาวคนหนึ่งจะเดินลงมาจากตึกพร้อมกับเพื่อนๆ
พวกเธอจะชักชวนกันไปกินโน่นกินนั่นกินนี่
อิ่มหมีพีมันดีแล้วก็จะมาจบที่รถขายผลไม้ดองของพ่อค้าคนนี้
เธอของเขา - ชอบกินฝรั่งดอง ..
ทุกวันพ่อค้าฝรั่งดองจะแอบเก็บลูกฝรั่งลูกที่อร่อยที่สุดเอาไว้ ไม่ขายให้คนอื่น
.. เอาไว้ให้เธอ ..
เธอไม่รู้หรอกว่า ฝรั่งดองที่แสนอร่อย และเธอติดอกติดใจนักหนามาจากความรัก
รู้แค่ว่าซื้อมันมา และฝรั่งดองเจ้านี้อร่อยนัก!
- - - นี่จึงเป็นที่มาของเพลงรักเพลงหนึ่งของนภ - - -
ความรักเกลื่อนกระจายอยู่ในโลก และเป็นเช่นนี้ทุกเวลานาที
เรามัวแต่ไปดูทุ่งดอกกระเจียว ทุ่งทานตะวัน ทุ่งดอกบัวตอง
แต่ไม่เคยมอง ท้องทุ่งแห่งความรัก ที่ผลิบานอยู่รอบๆ ตัว ทุกวี่ทุกวัน
โดยไม่ต้องรอเทศกาลฝนฟ้า หรือว่าสายลมแสงแดด
โลกน่ารักขนาดนี้ มีดอกรักเบ่งบานทุกเวลานาที เรารักโลกนี้กันไหม?
น้องของผมเพิ่งเตะแฟนของเขา โทษฐานจู้จี้วุ่นวาย ทำลายความสงบในวันหยุด
เธอแวะมาเก็บผ้าเก็บผ่อนของเขาซัก เขาเอาแต่คร่ำเคร่งทำงานที่รัก
ลืมรึเปล่าว่าเธอก็อยาก เป็นที่รัก เหมือนงานของเขา
เพื่อนของผมซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดของคนที่รัก
เขาบอกว่าไม่สวย ไม่อยากใส่
- - - เขาไม่สวม 'หัวใจ' ของคนที่รัก - - -
ค่ำคืนที่ใครบางคนโทรหา ..
อีกคนไม่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาตอบรับ ..
ตื้ด .. ตื้ด .. ตื้ด ..
"ขออภัย .. ความรักที่ท่านเรียก (ร้อง) ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ .."
เพลงรักดังกังวานขึ้นเพลงแล้วเพลงเล่า ..
และหนังรักก็ถูกฉายมาแล้วไม่รู้กี่เรื่อง .. กี่รอบ ..
บางเรื่องจบลงด้วยความสมหวัง แต่บางครั้งเพลงรักก็แสนเศร้าสร้อย
ผมเอื้อมมือไปสะกิดไหล่ให้ใครบางคนลุกขึ้น ..
"เอาน่า .. ผู้ชายคนเดียว ไม่มีมันก็ไม่ตายหรอก .. โลกยังไม่แตกสักหน่อย"
"เออ .. แต่อกกูจะแตกตาย" เพื่อนปาดน้ำตาป้อยๆ หันมาเถียงเสียงขม
ความรัก กับ อกหัก เป็นของคู่กัน
ในโลกที่ความรักเบ่งบานได้ทุกวันและทุกที่
อกหัก .. ก็มีความหมายดีดีว่าหัวใจแปลงน้อยๆ เคยมีความรักเกิดขึ้น ..
.. ไม่ใช่หรือ? ..
อ่านจบ .. ก็เกิดรอยยิ้ม ..
คนเขียนช่างเขียนนัก .. ตัวหนังสือทุกตัวที่ร้อยเรียงมาเป็นบทความของคนเขียน
สะกิดหัวใจคนอ่านอย่างฉัน .. ให้คิดเล่นๆ เรื่อยเปื่อยว่า ..
ช่วงเวลาที่มีความรัก .. หรือ .. ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว ..
ตอนไหนจะมีความสุขกว่ากัน .. ?
เกิดคำถามแล้ว .. ก็ต้องยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง .. เพราะหาคำตอบไม่ได้ ..
ฉันชอบคำว่า .. ท้องทุ่งแห่งความรัก ..
มันให้ความรู้สึกถึงสายลม ต้นไม้ ใบหญ้าที่โอบล้อมรอบตัว ..
อบอุ่น .. ร่มเย็น .. และต้องนั่งอมยิ้มไปเรื่อยๆ ..
บางคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในท้องทุ่งแห่งความรัก ..
เช่นสาวน้อยของพ่อค้าฝรั่งดองคนนั้น ..
และอีกบางคนแม้คนร่วมทุ่งจะไม่รู้ตัว ..
แต่เขาก็มีความสุขกับการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก ..
อีกหลายคนแวะเวียนไปตามท้องทุ่งต่างๆ .. คงด้วยหวังว่า ..
จะพบท้องทุ่งแห่งความรักกระมัง ..
ฉันก็ไปมาหลายทุ่งแล้วนะ .. ทุ่งดอกทานตะวัน .. ทุ่งดอกบัวตอง ..
และสุดท้ายฉันก็ไปติดแหง็กอยู่ที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ..
รอเจ้าชายรูปหล่อสักคน .. ขี่ม้าขาวฝ่าความแห้งแล้ง .. มารับฉัน ..
อิอิ .. ชายในฝันบนปกนิตยสารเล่มนี้ก็ได้ .. ขอให้มาจริงเหอะ .. สาธุฯ ..
ความร้อนรุ่มกลางทุ่งกุลาร้องไห้คงกลายเป็นสวรรค์สำหรับฉัน ..
โลกน่ารักขนาดนี้ มีดอกรักเบ่งบานทุกเวลานาที เรารักโลกนี้กันไหม?
ฉันจะรักโลกนี้ .. แม้ว่าดอกรักทุกดอกที่เบ่งบาน .. จะไม่มีสักดอกที่เบ่งบานเพื่อฉัน ..
เพราะนั่นหมายความว่า .. ดอกรักยังเบ่งบานได้จริง ..
ศรัทธาในความรักยังไม่สูญสิ้นไปจากโลก ..
แม้เจ้าตัวความรักจะสร้างความทุกข์ .. ความน้อยใจ .. ความไม่มั่นใจ .. ความสับสน ฯลฯ
แต่ในขณะเดียวกันมันก็เสกสรรค์ความสุข .. ความคิดถึง .. ความอบอุ่น .. ความอิ่มเอม ..
นั่นแหละ .. รสชาติของความรัก .. หากไม่เคยรู้รสชาติของความไม่รัก ..
แล้วเราจะเข้าใจลึกซึ้งถึง .. ความรัก .. ได้งัยล่ะ ..
อะชะช้า .. ทำเป็นพูดดี .. อย่างกะเอ็กเปิร์ต เรื่องความรักซะงั้น ..
"ฮัลโหล .. " แหม กำลังเขียนมันส์ๆ โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันขัดจังหวะเสียนี่ ..
"พี่กี้คะ .. จะเข้ามากี่โมงคะ .. " เสียงน้องสาที่น่ารักดังมาตามสาย ..
ฉันเหลือบมองนาฬิกา .. 8.29 น.
ตายละหว่า!!! .. ป่านฉะนี้ยังไม่อาบน้ำเลย ..
มัวแต่ร่ายยาวอยู่เนี่ย ..
"เอ่อ .. ไม่เกินสิบโมงค่ะ .. มีอะไรด่วนหรือป่าว? " ฉันตอบด้วยเสียงเรื่อยๆ เนียนๆ ..
"สาเตรียมเอกสารที่ให้ค้นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ .. พี่เข้ามาดูได้เลย .. "
"ขอบใจจ้ะ .. แล้วเดี๋ยวเจอกัน .." ฉันวางหู ..
ฉันคงต้องหยุดหัวใจไว้แค่นี้ ..
ได้เวลากักขังหัวใจให้อยู่ในบัตรตอกตามเวลาเสียก่อน ..
แล้วโอกาสหน้าจะปล่อยให้มันออกมาเพ่นพ่าน ซุกซน ขุดค้น ..
ตามแต่ที่มันต้องการต่อ ..
ไป ไป ไป .. กลับเข้าที่เข้าทางเสียทีเจ้าหัวใจ ..
เมื่อวานเพิ่งโดนเลื่อยขาเก้าอี้ไปหยกๆ .. จนต้องไปนั่งทำงานบนพื้น
ขืนวันนี้ไปสาย .. คงมีคนมายึดพื้นที่นั่งทำงานอยู่แน่ๆ ..
ว่าแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน ..
โดยไม่ลืมที่จะหยิบนิตยสารเล่มนั้นไปด้วย ..
.. ขอเพียงเธออยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา ..
.. เจ้าชายขี่ม้าขาว .. ชายในฝัน ..
.. อิอิ ..