12 มกราคม 2548 22:16 น.

..นักบาสหญิง..

keekie

"กี้...ชู้ทเลย...กระโดดยัดห่วงเล้ยยยย...!!!"
	
	เสียงเชียร์ให้ฉันกระโดดชู้ทลูกบาสลงห่วง ดังอยู่ข้างสนาม...
	เสียงคุ้นๆ สงสัยจะเป็นเสียงของเจ้าบี้ 
	(ความจริง เขาชื่อ เบบี้...เฮ่อ...ผู้ชายหน้าตี๋ๆ สิวเยอะๆ ชื่อเบบี้...คิดเอาเหอะ..)

	ฉันเลี้ยงลูกบาส...วิ่งผ่านคู่ต่อสู้...ที่ตัวเตี้ยกว่า...
	ได้เปรียบด้วยความสูง 170 เซนติเมตร...พุ่งทะยานสู่จุดมุ่งหมาย.. 


" กี้...ชู้ทเล้ยยยยยยยยยย...กระโดดเกาะห่วงแล้วยัดลูกลงไปเล้ยยยย.."

	คราวนี้เป็นเสียงอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเอง...
	สงสัย...ท่านจะคิดว่าฉันสูงประมาณ ไมเคิล จอร์แดนได้มั้ง...
	หรือไม่...ลีลาของฉันคงใกล้เคียง...ท่านอาจารย์เลยลืมตัว...ตะโกนซะลั่นขนาดนั้น
	เพี้ยนหรือป่าว .... ถึงฉันจะห้าวยังไง ... สูงยังไง...
	ฉันก็เป็นสาวสวย...นะ...ทำแบบนั้นได้ไง ..(อิอิอิ) 


ฉันเลี้ยงลูกผ่านคู่ต่อสู้ไปได้...จนถึงห่วง...
	แต่...เจ้าเบญ (สาวตัวอ้วนๆ ดำๆ ...ป่าวว่านะเพื่อน แค่อธิบายเท่านั้น..)
	มันยืนขวางทางอยู่...ทำหน้าทำตาขึงขัง...
	จนฉันหวั่นว่า..มันจะฆ่าฉันหากฉันยัดลูกลงห่วงได้
	แต่ฉันไม่สน...ยังคงมุ่งสู่จุดหมาย...
	ตาเล็งไว้ที่ห่วง ... พอได้จังหวะ....
	มือจับลูกไว้มั่น...
	
	กระโดด...!!! 

	เฮ่อ..!! ถึงเจ้าเบญจะอ้วน..แต่มันก็ไวนะ..มันปัดลูกจากมือฉันได้
	ก่อนที่ฉันจะทะยานตัวให้สูงพ้นมือมันเสียอีก... 


"เฮ้ยยยยย!!!...ไอ้กี้เอ้ย....สูงซะป่าว...
	 บ่มิไก๊...เฮ่ออออ...ขัดจายยยยยยย..."

	คราวนี้เป็นเสียงเจ้านุช...ซี้ฉันเอง...
	ทุกนัดการแข่งขัน...มันไม่เคยพลาดการเป็นตัวจริง...
	รบในสนามบาสเคียงบ่าเคียงไหล่กับกัปตันทีมอย่างฉันเสมอ...
	แต่คราวนี้...มันต้องยืนหงุดหงิดข้างสนาม...ไม่ได้ลงแข่ง...
	เพราะอะไรน่ะหรอ...มือมันเข้าเฝือกน่ะสิ...
	เป็นผลมาจากการวิ่งเล่นไล่ล่าฆ่ากันกับฉัน...
	จนเอ็นนิ้วโป้งมือขวาฉีก...ต้องเข้าเฝือก...
	ฮ่าๆๆๆๆๆๆ...ให้มันรู้ซะบ้าง...ไผเป็นไผ... 


ความจริง ... เพื่อนๆ ในทีมก็หมดกำลังใจเหมือนกัน..
	ที่เจ้านุชลงไม่ได้...เพราะฝีมือมันเจ๋งน่ะสิ..
	ชู้ทลูกแม่นก็เท่านั้น...ถึงจะอ้วน..แต่มันไวนะ...
	ส่วนกัปตันทีมตัวสูงอย่างฉัน...ถนัดนักในการตัดลูก...
	และรับลูกที่ส่งมาจากเพื่อนยัดลงห่วง...
	แต่ไม่ไวเท่าเจ้านุชน่ะ...ทำให้ทีมเราวันนี้ขาดมือดีไปหนึ่งคน...

	ฉันรู้...เพื่อนๆ ในทีมกำลังหมดกำลังใจ...
	เพราะตอนนี้...เราตามอยู่ เก้า ต่อ ศูนย์...

และเป็นหน้าที่ของกัปตันทีมอย่างฉัน ... 
	ที่ต้องเรียกกำลังใจให้กลับมาสู่ทีม...
	เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการแข่งขันครั้งนี้...

	ฉันพยายามวิ่ง...ทำทุกวิถีทาง...
	ตัดลูกมาได้ ก็ส่งต่อให้เจ้าเล็ก...เฮ่อ...แต่มันก็รับพลาด...
	เป็นเหตุให้ลูกไปเข้ามือเจ้าหงส์ (ฝ่ายตรงข้าม) 
	เจ้าหงส์เลี้ยงลูกไป...กระโดด..ชู้ท....
                     .....สิบ   ศูนย์...

	ฉันรู้ ... เจ้าเล็กมันวิ่งเหยาะแหยะขนาดนั้น...
	หมดกำลังใจไง...

	ฉันขอเวลานอก...เพราะนี่ก็ครึ่งหลังแล้ว...
	เรามีเวลาอีกไม่เกินสิบนาที...
	ในการตีตื้น... 


"เฮ้ย...เพื่อนๆ ...ปัญหาอยู่ตรงไหน..."
	ฉันทำเสียงเข้ม...ในมาดของกัปตันทีม...
	
	.....เงียบ......
	ไม่มีเสียงตอบใดๆ....
	
	มีแต่เสียงสะอื้นกระซี้กระซิก...
	ดังมาจากด้านหลังฉัน...
	
	ใครมาทำอกหัก...เล่นมิวสิคแถวนี้...(ฟะ!!)
	เวลานี้กำลังเครียด...เค้ากำลังเรียกกำลังใจ...
	ดันมาร้องไห้อยู่ได้...!!!

	ฉันเหลือบสายตาหันไปมอง...
	...เจ้านุช!!!...
	มันร้องไห้น้ำตาไหลพราก...

 "เฮ้ย...ร้องทำไม...เป็นอะไร..."  ฉันถาม
	
	"ก็พวกแก...ทำไมวันนี้...เล่นกันห่วยแบบนี้...ฉันจะลง..." 
เสียงโวยวายปนสะอึกสะอื้น...ของเจ้านุช

	"แกจะลงยังไง...มือใส่เฝือกแบบนี้..." 
	เสียง เจ้าโย่ง สูง 170 แต่หนักยังไม่ถึง 50 โลเลย..

	"ไม่รู้อ่ะ...ก็พวกแกเล่นกันแบบนี้...แพ้แน่ๆ ..
	ฉันไม่ยอมให้ทีมเราแพ้หรอก .. สู้กันมาจนรอบชิงชนะเลิศแบบนี้..
	ซ้อมกันทุกวัน..กลับบ้านดึกทุกวัน...เหนื่อยแทบตาย..
	ต้องมาแพ้..เพราะพวกแกห่วยแตก...หมดกำลังใจกันแบบนี้หรอ..
	ทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่า...ฉันไม่ยอมหรอก...
	ถึงฉันจะมือเจ็บ...แต่ใจไม่เจ็บ...กำลังใจฉันเต็มร้อย..
	พวกแกน่ะ...ไม่มีส่วนไหนในร่างกายเจ็บ...ดันเล่นไม่ได้เรื่อง
	ฉันจะลง...ช่างมือมัน..จะหักก็ช่าง...!!!" 

...เงียบ...อึ้ง...
	
	
	ฉันรู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีด...
	ชักโกรธ...ห่วยแตก...!!!
	คำนี้มันก้องในหู...
	
	...ห่วยแตก...!!!
	
	...ปี๊ด...
	เสียงนกหวีดหมดเวลานอก...
	กรรมการเรียกนักกีฬาลงสนาม...

	...เฮ้...สู้...สู้...

	ทีมเราจับมือกันส่งเสียงร้องเรียกกำลัง..ก่อนลงสนาม..
	แต่ฟังยังไง...มันก็ยังกะไม่ได้กินข้าวมางั้นแหละ... 

พวกเราลงสนาม...โดยมีเพื่อนๆ กองเชียร์..จับตัวไอ้นุชไว้...	
	...หาไม่...มันคงกระโดดลงมาจริงๆ ดังปากมันว่านั่นแหละ...
	ไม่เจียมบอดี้เล้ย...

	แต่กัปตันทีมอย่างฉัน..มีแต่คำว่า...ห่วยแตก..ดังก้องหู..
	
	เราเนี่ยนะ...กัปตันทีมห่วยแตก....

	เออ...จะพิสูจน์ให้ดู...
	ว่าคำนั้นไม่มีในพจนานุกรมของน้องกี้...
	(เรียกตัวเองต้องเพราะหน่อย..คนอื่นเรียกไม่เพราะมาพอแล้ว)

ลงสนามได้...น้องกี้...วิ่งเข้าตัดลูก...
	ส่งต่อให้เจ้าเล็ก...โห่เอ้ยยย..!!!
	มันรับไม่ได้อีกละ...
	ไม่เป็นไร...เดี๋ยวน้องกี้ขโมยลูกเขาใหม่ก็ได้..
	มันเป็นความสามารถ ... ทำอีกกี่ครั้งก็ได้..ไม่ใช่ฟลุ๊ค..

	จังหวะดี..เจ้าหงส์(ฝ่ายตรงข้าม) ส่งลูกให้เจ้าเบญ (ฝ่ายตรงข้าม)
	เอาเลย..น้องกี้...ได้เวลาแก้แค้นเจ้าเบญแล้ว...
	น้องกี้วิ่ง..ตัดลูก...คราวนี้ไม่สนใครแล้ว...
	 one  man  เอ๊ย... one girl show...

	เลี้ยงลูก...วิ่ง...รวดเร็วปานขี่พายุ..(เว่อร์ไปมั๊ยเนี่ย??)
	ทะยานมุ่งสู่ จุดหมาย... 

ตาเหลือบเห็นเจ้ามดดำ (ฝ่ายตรงข้าม) ยืนจังก้ากันอยู่หน้าห่วงเป้าหมาย...
	ไม่สน...น้องกี้หุ่นดี..สูงกว่าอยู่แล้ว...
	เลี้ยงลูก...วิ่ง..ด้วยความมั่นใจ...
	ได้ระยะชู้ท...น้องกี้...จับลูกให้มั่น...กระโดด!!!...
	จับลูกยัดลงห่วง...

	เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยย.....

	เสียงกองเชียร์ร้องลั่น...
	เอ....น้องกี้ทำอะไรไปหว่า...???
	ได้สติอีกที ...อ้าว...ลูกตกลงมาจากห่วง..
	ที่เรายัดไปเมื่อกี้นี่นา...

	กรรมการขานคะแนน... สิบ ...หนึ่ง...

...สำเร็จ...
	อย่างน้อยได้มาแล้วหนึ่งคะแนน..
	เจ้าเล็ก...เจ้าโย่ง...ดีใจกันใหญ่...
	
	คราวนี้ตาฝ่ายเราเริ่ม...เจ้าเล็กวิ่งกระฉับกระเฉงมารับลูก..
	...แล้วส่งต่อให้เจ้าโย่ง...
	เจ้าโย่งเลี้ยงลูกผ่านฝ่ายตรงข้าม 
	(ไม่ทันมองว่าใคร..ตอนนี้น้องกี้เลือดเข้าตาเสียแล้ว)
	
	วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...
	ได้จังหวะ...เจ้าโย่ง..จับลูก..กระโดด..ชู้ท...

	สิบ..สอง..

	เย้.....เสียงเชียร์ดังขึ้นอีก...
	เอ...รู้สึกว่าเสียงคนใส่เฝือกจะดังกว่าเพื่อนนะ...น้องกี้ว่า... 

เหลือเวลาอีกสองนาที...
	แปดแต้ม..จะตีเสมอได้หรือป่าวหว่า???
	แต่ไม่สน..ตอนนี้เพื่อนๆ ในทีมวิ่งกันกระฉับกระเฉง..
	กำลังใจมาแล้ว...แพ้ชนะไม่สน..
	ขอแค่ทุกคนสนุกกับการเล่นบาส...
	ก็โอเคแล้ว...

	คราวนี้เจ้าโย่งส่งลูกมาให้น้องกี้...
	เพราะน้องกี้ดันวิ่งเสนอหน้าไปรับ (อิอิ)
	น้องกี้รับลูกด้วยมาดเท่ห์ สไตล์ ..ไมเคิล (หญิง)
	...เลี้ยงลูก...วิ่ง...มุ่งสู่จุดหมาย..
	ผ่านเจ้าเบญ ...เจ้าหงส์ ...
	เอ..แล้วนี่ใครหว่า..?? .. จำชื่อไม่ได้..ช่างมัน..
	น้องกี้ใกล้ถึงระยะชู้ทแล้ว...เจ้าเล็กยืนรอรับลูกต่อ...
	แต่ใครจะส่งให้..หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้...
	ฮีโรอีนมีเพียงคนเดียวเพื่อน...คือน้องกี้คนนี้เท่านั้น... 


ได้จังหวะ...น้องกี้จับลูก..กระโดด..

	โอ๊ย...!!!

	รู้สึกตัวอีกที..น้องกี้ลงมานอนเค้เก้...เพราะดันสะดุดขาเจ้ามดดำ (ฝ่ายตรงข้าม)
	...ลูกกระเด็นหลุดจากมือน้องกี้...
	มองเห็นเจ้าเล็ก รีบวิ่งไปแย่งลูกได้...
	เร็วๆ เพื่อน..เวลาจะหมดแล้ว...เดี๋ยวไม่ชนะ...
	
	เจ้าเล็กเลี้ยงลูกกลับมา...
	หน้าห่วง ...ชุลมุนไปด้วยสองฝ่าย...
	น้องกี้ยังลุกไม่ได้..เพราะมัวแต่หลบ เท้า ที่วิ่งถลามา...
	เฮ่อ..ดันมาล้มหน้าห่วงก็ต้องทำใจแหละ... 

เจ้าเล็กหลบซ้าย ป่ายขวา...มือฝ่ายตรงข้ามมากมาย ยื่นมากันไว้..
	ไม่ให้มันชู้ท...แต่พ้นกำลังใจของเจ้าเล็กเสียเมื่อไหร่...กัน...

	เจ้าเล็กยึกยัก..หมุนซ้าย..หลบขวา..มือจับลูกมั่น...
	ได้จังหวะ...กระโดด...ชู้ท...

	....ปี๊ด....หมดเวลา...
	
	...สิบ...สาม...
	กรรมการขานคะแนน...

	เย้.....
	เสียงกองเชียร์ฝ่ายแพ้..(ฝ่ายเราเนี่ยแหละ..)..ดังลั่น.. 

น้องกี้งง...จะดีใจทำไม..
	แพ้นะเฟ้ย...เข้าใจอะไรผิดหรือป่าว???

	เจ้านุชยิ้มด้วยใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา..
	ทุกคนดีใจ...
	มิใช่เพราะชัยชนะ...

	แต่ทุกคนดีใจ...ที่เรา...สามารถสร้างกำลังใจ...
	ให้แก่ตัวเอง...แก่ทีม...
	แม้กำลังใจนั้น ... จะเริ่มจากคนคนเดียว...
	แต่มันสามารถถ่ายทอดกันได้.. 

ขอบคุณประสบการณ์...ตอนอายุสิบห้า (แหม..อายจัง)
	ที่ยังคงแจ่มชัดในมโนสำนึกจวบจนทุกวันนี้...
	เวลาท้อแท้ครั้งใด...มักจะนึกถึงมันเสมอ...
	
	นึกถึงคำเจ้าคนใส่เฝือก...

 ...ห่วยแตก... 

....ฮ่วย....				
1 มกราคม 2548 08:27 น.

...นิทานของแม่...

keekie

...แม่คะ...

วัน...เวลา...ช่างผ่านไปรวดเร็ว ดังเช่นที่แม่เคยสอนหนูไว้เสมอ...
ว่าหากตั้งใจทำอะไรให้ลงมือทำ...ก่อนที่เราจะล้มตัวลงนอน...
เพราะไม่รู้ว่า ... พรุ่งนี้เราจะตื่นขึ้นมาหรือไม่....

แม่คะ...หนูจำได้...แม่เคยเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้หนูฟัง...
แต่แม่ไม่ได้บอกว่า...ชื่อเรื่องอะไร.. 


".....ชายคนหนึ่งตื่นนอนแต่เช้าตรู่  ธรรมชาติกำลังสงบสงัด...
พระจันทร์เสี้ยว กำลังจะลับเหลี่ยมเขาข้างหน้าอยู่รำไร...

เขารำพึงว่า...........

"อีกสักครู่ พระจันทร์ก็จะลับเหลี่ยมเขาข้างหน้าโน้นแล้ว...
โลกก็จะสว่าง รุ่งอรุณวันใหม่นี้ เราก็จะได้เริ่มทำความดีเสียที..."

ขณะนั้น  งูพิษตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากที่ใดไม่ปรากฎ..

.........กัดเขา....ตาย.........

พระจันทร์เสี้ยวยังไม่ทันลับเหลี่ยมเขาโน้นเลย....." 


แม่จบนิทานไว้แค่นี้...
ตอนนั้น หนูนึกไม่ออกค่ะ...ว่าแม่ตั้งใจจะบอกอะไรหนู
เพราะนิทานสอนเด็กๆ ส่วนใหญ่ ...
มักจะจบลงด้วยประโยคว่า...

...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....

แต่...นิทานของแม่ไม่มีบอกไว้....หนูไม่เข้าใจ แต่ไม่กล้าถาม...
นั่นทำให้หนูจำนิทานเรื่องนี้ได้ดี ... 

มาวันนี้.....หมดปีอีกแล้ว.....
มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่อยู่ในความตั้งใจ....
และมันก็ยังคงอยู่ในที่เดิม....

ตื่นเช้ามาวันปีใหม่นี้...
หนูกำลังส่งอีการ์ดถึงเพื่อนๆ น่ะค่ะ แม่....
หนูแค่อยากส่งความปรารถนาดีถึงทุกๆ คนที่หนูรัก

หนูส่งให้แม่ด้วยนะคะ.... 


เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม
.....ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ.... 
.....และจะเป็นเช่นนั้น...เสมอ .......

ถนนสายนั้นที่ทอดยาว... 
.....คือเรื่องราวของความเป็นจริง ....
.....มีเงาไม้เอาไว้ให้พักพิง... 
.....มีให้เธอเอาไว้ยามอ่อนล้า..... 

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม.. 
.....เห็นเงาของเมฆ .... หรือเปล่า..... 
.....ทะเลสีคราม..ที่ทอดยาว..... 

.....เห็นความรักฉัน...บ้างไหม .....


ขอให้ผู้คนในโลกของเรา....
มีความรัก และความปรารถนาดีต่อกันเพิ่มมากขึ้นทุกนาที


...สวัสดีปีไก่ค่ะ...

ขอให้คุณมีความสุข สมหวัง ดังใจตั้งไว้ในสิ่งดีงาม

และขอให้ทุกเวลา นาที ของคุณ มีค่า มีความหมาย...

                                                ด้วยความปรารถนาดี......
                                                จาก.......กี้.......				
16 ธันวาคม 2547 08:50 น.

ความรักหน้าตาเป็นอย่างไรนะ...

keekie

...ความรัก...หน้าตาน่าจะคล้ายกับความตื่นเต้น...
	ยามที่คุณพบฉัน...คุณรู้ไม๊..หน้าคุณแดงจัง ... หูก็แดง...
	ทำอะไรขัดเขินไปหมด...แขนขาเหมือนเป็นส่วนเกิน..
	เอ...คุณตื่นเต้นทำไมกันนะ...
	สงสัยเพราะเจ้าความรัก...มันสั่งการให้คุณเป็นเช่นนั้นแหง๋เลย... 

เอ...หรือว่า...ความรักคงหน้าตาคล้ายๆ ความห่วงใยนะ...ว่ามะ...
	เพราะดูเหมือนความห่วงใย .. จะแทรกตัวอยู่ในทุกอณูแห่งกระแสน้ำเสียงของคุณ..
	อยู่ในแววตาอันอบอุ่นของคุณ...แม้กระทั่งทุกการสัมผัสจากคุณ...
	เจ้าความห่วงใย...มันจะวิ่งเข้าสู่หัวใจฉัน...พร้อมๆ กับคำจากปากคุณว่า..
	"รักคุณจัง..." เอ...หรือความรัก...คือความห่วงใยนะ...


แต่...ความรักอาจหน้าตาเหมือน ความคิดถึงก็ได้...
	เพราะคุณมักบอกว่า คิดถึงฉันเสมอ...แทบทุกเวลา..นาที..
	บางทีไม่ว่าคุณจะอยู่ไกลแค่ไหน ... คุณก็จะดั้นด้นมาพบฉันจนได้...
	เพื่อจูบฉันเบาๆ ที่หน้าผาก แล้วบอกว่า.. "คิดถึงคุณจัง..." 
	สงสัย...ความรักกับความคิดถึง...หน้าตาเหมือนกันแน่แท้แล้ว... 

สรุปแล้ว...คุณรู้หรือป่าว...ว่าความรัก...หน้าตาเป็นยังไง..
	ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...

	แต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือ... 


ความรักที่คุณมี...
	หน้าตามันคงเหมือนกับความรักที่ฉันมี...

	เพราะ... 

เมื่อฉันพบคุณ...คุณรู้หรือป่าว...
	หัวใจฉันเต้นระส่ำ...เดินขาแทบจะขัดกัน...
	รู้สึกได้เลยว่า เส้นเลือดในร่างกายคนเรา...
	สูบฉีดโลหิตจากเส้นไหนไปเส้นไหนบ้าง...
	
	เอ...อัตราการเต้นของหัวใจของคนปกติ...มันเท่าไหร่นะ..
	สงสัย...หัวใจฉันจะเต้นผิดปกติเสียล่ะมั้ง...


และในยามฉันเห็นคุณไม่สบายใจ...ท้อแท้ใจ...
	รู้ว่าบางที...คุณไม่อยากพูดถึงมัน เพราะมันทำให้ไม่มีความสุข
	ฉันก็จะไม่เซ้าซี้ถามไถ่...
	ฉันแค่อยากบอกว่า...ฉันห่วงใยคุณ...
	ฉันแค่อยากจะมีส่วนช่วยแบ่งเบาเรื่องราวทุกข์ร้อนเหล่านั้นบ้าง

	ในยามคุณไม่สบาย...
	ฉันแค่อยากอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลคุณ...ป้อนข้าว...ป้อนยา..เช็ดตัวให้คุณ
	เพื่อที่จะได้เห็นคุณกลับมาสดชื่น ... ยิ้มสดใส อีกครั้ง

	ยามคุณเหนื่อย...
	ฉันแค่อยากให้คุณนอนหนุนตัก...พักกาย...คลายล้า...
	...หลับซะคนดี...ฉันจะอยู่ตรงนี้ เป็นเพื่อนคุณจนกว่าคุณจะมีพลัง...
	ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งยามคุณตื่น...


ยามที่ฉันไม่ได้พบคุณ...ฉันรู้สึกโหยหา...
	ภาพของคุณวนเวียนอยู่ในห้วงสำนึกตลอดเวลา...
	ฉันนึกถึงกระแสเสียงแห่งความอบอุ่นของคุณได้...
	ฉันนึกถึงสัมผัสจากมืออันอบอุ่นของคุณได้...
	ฉันนึกถึงรอยยิ้มอันแสนมีเสน่ห์ของคุณได้...
	ฉันนึกถึง......
	...ฉันว่า...ทุกอย่างในความเป็นคุณ...
	มันแจ่มชัดและโลดแล่นในความทรงจำของฉันเสมอ....
	
	จนบางครั้ง...ถ้าฉันอดรนทนไม่ได้...
	ฉันก็จะต้องรีบไปหาคุณ...จูบเบาๆ ที่แก้มคุณ
	แล้วบอกว่า..."คิดถึงคุณจัง"

	มันเป็นความรู้สึกเดียวกันไหมนะเวลาที่คุณทิ้งงานคุณ...
	เพื่อมาพบหน้าฉัน...


เฮ่อออ...!!!

	ความรักช่างหน้าตาคล้าย...หลายๆ อย่างเหลือเกิน...
	สรุปแล้ว...หน้าตามันเป็นยังไงนะ...

	ช่างมันเหอะ...!!!

	ถึงมันจะหน้าตาเป็นยังไง...ฉันก็ไม่สน...
	
	เพราะยังไง ...

	ฉันก็รักคุณ...อยู่ดี...

	หรือคุณสน...???				
12 ธันวาคม 2547 14:24 น.

ขอความรักบ้างได้ไหม

keekie

ฉันรักเธอ...ไม่เคยต้องการสิ่งใด
	ฉันรู้ได้...ในยามเขาหยุดปรารถนา
	ไม่เคยสูญเสียเดือนฉาย...ความหมาย...ศรัทธา
	แสงเดือนรู้ว่า...ฉันรักเธอ...อย่างไร...

	ฉันรักเธอ...ไม่เคยรักใครเทียบเธอ
	ถึงแม้จะเก้อ...มีเธอเพียงความฝันใฝ่
	ไม่เคยเรียกร้อง...ขอเป็นเจ้าของหัวใจ
	ฉันรู้ได้...ยามเธอมีคนอื่นปอง

	เดือนรู้ดี...ฉันนี้ขาดสิ่งใดบ้าง
	ทุกสิ่งทุกอย่าง...ใครใครก็เป็นเจ้าของ
	รู้ตัวดี...ชีวีนี้เปื้อนละออง
	หนึ่งคำขอร้อง...ไม่เคยขอรักตอบมา

	แสงเดือนเอย...แสงเดือนนี้แจ้งประจักษ์
	รักบริสุทธิ์...ถึงแม้หยุดปรารถนา
	ไม่เคยสูญเสีย...เดือนฉาย...ความหมาย...ศรัทธา
	แสงเดือนรู้ว่า...ฉันรักเธอ...อย่างไร....



แดน .."เธอพลัดเข้ามาในชีวิตฉัน ...
	แม้จะไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้น...แต่เธอก็เป็นความหวานสำหรับชีวิตฉัน
	ทุกสิ่งสวยสดงดงามในวันที่เราพบกัน...
	และฉันไม่อยากได้ยินเรื่องเศร้าอีกต่อไป

	มันเจ็บปวด...ถ้าสิ่งที่คาดหวังว่าเป็นสิ่งดีงาม...เป็นไฟโชติช่วงกับชีวิตเรา
	กลับต้องกลายเป็นอื่นไม่คาดฝัน...

	ฉันรักเธอมากนะ...ณู...
	และไม่เคยพูดกับใครมาก่อนเลย...
	ผู้หญิงคนอื่น...เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามสำหรับฉันเท่านั้นเอง
	
	.....ฉันไม่อยากให้เธอพลัดพรากหายไปจากชีวิตของฉัน.....

	.....เธอรักฉันบ้างไหม....."


ณู.."ทำไมเธอต้องมั่นใจ.....ทำไมเธอต้องมุ่งหวังที่ตัวฉัน...
	มีอะไรแน่นอนหรือ...
	ถ้าวันนี้....ฉันตอบว่า..ฉันรักเธอ..พรุ่งนี้ก็อาจเปลี่ยนไป
	
	ความรักคือชีวิต...แต่ความรักก็คือความเจ็บปวด...
	และชีวิตก็ต้องเปลี่ยนไป....
	.....ฉันจึงไม่ตอบเธอเลย.....
	
	ไม่มีวันใดก็วันหนึ่ง...ฉันก็ต้องเดินออกไปจากชีวิตเธอ...นั่นเป็นสัจจะที่สุด..
	แม้ว่าจะยังรักใคร่ไม่ยอมพราก...ความตายก็เดินมาเสมอมิใช่หรือ...
	สู้ทำใจให้พร้อมกับความเจ็บปวดมิดีกว่าหรือ...
	
	แต่ฉันจะพยายามนะ...

	เธอรักฉันทำไมนะ...ผู้หญิงที่ระเหระหน....
	และอยากจะเหวี่ยงชีวิตออกไปสุดกู่.....

	เธอเป็นคนอ่อนไหวมาก....ฉันเองก็ปลื้มใจที่เธอรักฉัน...
	แต่ไม่ทราบว่า...จะตอบแทนยังไงให้สาสม....
	ฉันเอง...ไม่ยึดมั่นกับมันเสียด้วย..."



ส่วนหนึ่งจาก...
	ขอความรักบ้างได้ไหม	โดย พิบูลย์ศักดิ์ ละครพล
	เรื่องราวระหว่างความรัก...ความสับสน...แสวงหาของหนุ่มสาว 
	และอารมณ์แห่งอารมณ์ของความรัก...



ได้พบหนังสือเล่มนี้บนแผงหนังสือเก่าข้างถนน 
	เลยซื้อมาในราคายี่สิบบาท.....
	ทำให้ได้พบความสวยงามบนความเจ็บปวด...
	กับมุมมองในอีกองศาหนึ่งของความรัก....
	เลยอยากแบ่งปันกันบ้างค่ะ
	หลายๆ ท่านอาจเคยได้อ่านแล้ว...				
13 ตุลาคม 2547 02:13 น.

...ช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต...รัก...(บทที่สอง)

keekie

...และในที่สุด วันสุดท้ายที่เขาอยู่ที่นี่ก็มาถึง .
เขาบินกลับประเทศเขาแล้ว ส่วนฉันก็จะรอเขาอยู่ทางนี้ ดูรูปที่เราถ่ายคู่กัน
ดูของที่ระลึกที่เขามอบให้โดยเฉพาะ  หมีโพล่า   ของฝากจากแคนาดา 
ฉันนอนกอดมันทุกคืนเพื่อคิดถึงเขา..

แต่แล้ว .มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับชีวิตที่มีความสุขเสมือนเจ้าหญิงของฉัน
 เหมือนสายฟ้าผ่ามาที่ตัวของฉัน เมื่อฉันรู้ความจริง
โดยบังเอิญว่าเขาไม่ได้มีฉันเพียงคนเดียว.เขายังมีผู้หญิงคนอื่นอีก.
เขาบอกผู้หญิงคนนั้นว่าเขารักเธอ 100 เปอร์เซ็นต์  และจะพาเธอคนนั้นไปอยู่กับเขาที่แคนาดา
(เธอบอกกับฉัน)..อะไรนี่.ฉันกำลังพบเจอกับอะไรนี่..

ในสมองฉันขณะนั้น.เพียรถามตัวเองว่า นี่ฉันถูกหลอกหรือ.นี่คืออะไรกัน
ทำไมฉันต้องเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย.เขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกลเพื่อมาหาฉัน
เขาต้องมีความจริงใจให้ฉันซิ........  ทั้งยังขอฉันแต่งงาน  
ความฝันและความหวังมันพังทลาย จากเจ้าหญิง กลายมาเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ 
ที่หัวใจแตกสลาย 
หัวใจที่เป็นสีชมพูก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน มันร้อนรุ่ม มันปวดร้าวทำไมนะ .
พรหมลิขิตระหว่างเราสองคนช่างสั้นเพียงนี้ 

เขาบอกกับฉันว่า..เขาขอโทษที่ทำลายหัวใจฉัน .เขาไม่ได้ตั้งใจโกหก
เพียงแต่ว่าช่วงเวลาหนึ่ง   ที่ฉันเคยบอกกับเขาว่า ฉันไม่สามารถรักผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกันได้ 
และฉันก็ยังคงออกไปไหนมาไหนกับคนรัก ทำให้เขาเริ่มหมดหวัง.
จังหวะพอดีกับเขารู้จักผู้หญิงคนนี้ทางไอซีคิว..แล้วเธอก็รักเขามากเช่นกัน 
(เธอบอกกับฉันอย่างนั้น)แม้ว่าเขาทั้งสองยังไม่เคยพบเจอตัวจริงกันก็ตาม

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ค่อยๆ เงียบหายไป 
ฉันคิดว่าเขาคงจะละอายใจ และมีความรู้สึกผิด 
ทำให้ไม่กล้าพูดคุยกัน มีบางครั้งที่ทักทายกัน ถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้างเป็นบางครา 
เขาได้ส่งโพสการ์ด   และข้อความสั้นๆ ฉันรู้ว่า..เขายังคงคิดถึงฉันเช่นกัน  
 แม้ว่าไม่ได้แสดงออกมาทางคำพูดเท่านั้นเอง.
แต่สำหรับฉัน.ฉันต้องการพูดคุย และมองภาพให้ชัดเจนกว่านี้ 
ว่าฉันควรจะเดินไปทางซ้ายหรือขวาดี 
เพราะทนกับความอึดอัดใจของตัวเองไม่ไหว   
จนกระทั่งวันหนึ่ง.
ฉันตัดสินใจคุยกับเขาอีกครั้งและบอกเล่าความรู้สึกที่ฉันเผชิญตลอดระยะเวลา 1 เดือน เศษๆ 
ว่าฉันอึดอัดและทุกข์ใจเพียงใด  ผลนั้นก็คือ เขานิ่ง เงียบ ปล่อยให้ฉันพูดอยู่คนเดียว 
โดยเขาไม่ตอบไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเขาสักคำ  
 หรือนั่นคือคำตอบ     ฉันพอเข้าใจแล้วล่ะ ว่าอะไรคืออะไร 
ตอนนี้เราเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว 
แม้กระทั่งความเป็นเพื่อน เรายังเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลย
เศร้าใจเหลือเกิน..................

ไม่เป็นไรค่ะ .ถึงแม้คุณจะหมางเมินฉัน  ลืมความสุขที่เรามีให้กัน 
ฉันก็ต้องยอมรับความจริงว่า..วันนี้ไม่มีคุณอยู่เคียงข้างฉันอีกต่อไป 
แม้ทุกวันนี้..ฉันยังคงเห็นคุณออนไลน์อยู่ทุกวัน ก็คงเฝ้าคอยดูอยู่ห่างๆ 
ว่า วันนี้คุณกลับถึงบ้าน ออกจากบ้าน เข้านอนเวลาใด  
ความคิดถึง.ยังคงอยู่ในใจของฉัน 
ภาพของคุณที่ฉันเคยประทับใจ..ยังประทับอยู่ในห้วงลึกของจิตวิญญาณ
ฉันจะไม่ลืมเลยว่า ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน  คุณทำให้ฉันรู้จักคำว่า กิ๊ก เป็นอย่างไร 
รักออนไลน์ เป็นอย่างไร 

ขอบคุณค่ะ.. เอริค ที่รัก ที่ครั้งหนึ่งคุณมอบสิ่งดีๆ  ให้ฉัน เรื่องราวของเรามันน่าจดจำนะ
ตอนนี้สุขภาพของคุณไม่ค่อยแข็งแรงนัก.ฉันขอให้ขาของคุณหายไวๆ  กลับมาแข็งแรงเช่นเดิม
 และทำงานได้ตามปกติ แต่อย่าหักโหมมากนะคะ สุขภาพของเรานั้นสำคัญที่สุด.
อากาศเริ่มหนาวแล้ว  อีกไม่นานนักหิมะก็จะโปรยลงมาจากฟากฟ้าฝั่งคุณ 
ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะคะ


    ยามที่คิดถึงกัน อย่าลืมมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี ..มองพระจันทร์ที่เราเคยบอกกันว่า 


           พระจันทร์เป็นตัวแทนความรักของเรา


                                                                        คิดถึงเสมอค่ะ
						                                                                              .LiLe				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
  keekie
ไม่มีข้อความส่งถึงkeekie