13 ตุลาคม 2547 02:03 น.
keekie
แล้ววันหนึ่งก็มีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน นั่นก็คือ.
ฉันได้เข้าไปในเว็บหนึ่งเกี่ยวกับการเรียน ภาษาจีน ซึ่งฉันกำลังสนใจศึกษาอยู่
ฉันสนุกกับมันมาก ได้เรียนรู้สิ่งที่ฉันต้องการ หาความรู้ใหม่ๆ ใส่สมองขี้เลื่อยของฉัน.
จนกระทั่งฉันได้เข้าไปในห้องแชท ได้คุยและรู้จักกับเพื่อนๆ ที่สนใจภาษาจีนเหมือนกัน ทั่วโลก..
ความตั้งใจของฉันก็คือ.การฝึกฝนภาษาจีนให้เก่งขึ้น
ไม่นานนัก .ฉันก็ได้รู้จักผู้ชายคนนึง เขาชื่อ เอริค
เป็นชาวฮ่องกงแต่ย้ายไปอยู่แคนาดาและถือสัญชาติแคนาดา
เราคุยกันสนุกมาก แบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน
เขายังไม่รู้หรอกนะว่าฉันเป็นผู้หญิง
เราคุยกันได้ 2-3วัน เขาก็ขอ MSN ฉัน แล้วเราก็ออกมาคุยกันนอกเว็บไซด์ภาษาจีนนั้น
เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก หลังจากที่เขารู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง.
คำพูดจากเพื่อนคุยกัน ก็เปลี่ยนมาเป็นคำพูดหวานๆ ใช่แล้ว.
เขากำลังจีบฉัน แล้วฉันก็รู้สึกดีๆ กับเขา
หัวใจของฉันพองโต เหมือนว่าโลกนี้เป็นสีชมพูอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมว่า
การแชทในโลกของอินเตอร์เน็ท อาจจะ มีการหลอกลวง หาความจริงใจไม่ได้
ซึ่งฉันก็คอยระวังอยู่เช่นกัน.
ฉันคุยกับเขาทุกวัน วันละอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เวลาของเราต่างกัน 11 ชั่วโมง
เขานอนตี 2 ตื่น 6 โมงเช้าทุกวัน
ส่วนฉันก็ไม่ต่างจากเขา เราทั้งสองคน ตาเหมือนหมีแพนด้า ไม่รู้ว่าคุยกันไปได้อย่างไร
แล้วเราก็เริ่มมีการแลกเปลี่ยนรูป คุยกันก็ต้องอยากจะรู้จักหน้าตากันเป็นธรรมดา.
แล้วฉันก็ไม่ผิดหวังกับหนุ่มหน้าตี๋คนนี้
เขาคือสเป็คของฉัน ตามด้วยการขอที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์
ตอนนั้นฉันเหมือนเจ้าหญิง เหมือนผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง
ที่มีผู้ชายคนหนึ่ง คอยใส่ใจในเรื่องราวของฉัน ครอบครัวของฉัน
เพื่อนของฉัน และภาษาของฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่นจริงๆ ..
เขาเริ่มที่จะวางแผนอนาคตกับฉัน..
รู้สึกแปลกใจนักคนอะไรยังไม่เคยเจอตัวตนกัน มาพูดเรื่องอนาคตเสียแล้ว..
แต่ฉันก็รู้สึกดี ทั้งๆ ที่คอยปฏิเสธเขาว่า มันเร็วเกินไปที่จะพูดกันเรื่องนี้ และที่สำคัญที่สุด..คือ..
ฉันมีคนรักอยู่แล้ว
และครั้งนี้เองที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่า กิ๊ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฉันต่อต้านพฤติกรรมแบบนี้
แต่.ตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้มันอย่างไม่รู้ตัว
ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่คิดจะหลอกลวงใคร ฉันบอกเขาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขาจีบว่า
ฉันมีคนรักแล้ว.และมีโครงการจะแต่งงานกัน ซึ่งเขาก็เข้าใจ และบอกกับฉันว่า
ตอนนี้คุณยังไม่แต่งงาน ผมยังมีสิทธิ์ ให้ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุด..
ความสัมพันธ์เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาโทรหาฉันบ่อยๆ
และขอร้องให้ฉันส่งข้อความผ่านทางมือถือไปปลุกเขาทุกเช้าเพื่อจะไม่ไปทำงานสาย..
แล้วฉันก็ทำเช่นนั้นทุกวัน.ฉันเริ่มรักเขาแล้วซินะ
หลังจากเราคุยกันทางอินเตอร์เน็ทประมาณ สองเดือนเศษๆ.
เขาก็เดินทางมาหาฉันที่ประเทศไทยจริงๆ
เราได้พบกันแบบเห็นตัวตนกันและกัน ไม่ใช่แค่ข้อความที่เห็นผ่านทางอินเตอร์เน็ท
ฉันรู้สึกดีใจและคิดว่า ....เขามีความจริงใจกับฉันในระดับหนึ่ง
ถึงใช้เวลานั่งเครื่องบิน ต่อเครื่องบิน รวมแล้ว 20 กว่าชั่วโมง เพื่อมาพบฉัน..
ฉันและเพื่อนไปรับเขาที่สนามบิน.
ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อจะได้พบเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
เขาเคยบอกกับฉันว่า เมื่อเขาพบฉันที่สนามบินเขาจะอุ้มฉัน
แล้วก็หมุนฉันแบบในหนัง (ขอนุญาตอมยิ้มนะคะ)
แต่พอเอาเข้าจริง เขากลับเขินไม่กล้า
คำพูดประโยคแรกจากเขาก็คือ คุณดูดีกว่าในรูปซะอีก (ขอยิ้มอีกครั้งนะคะ)
เขาใช้เวลาอยู่ที่เมืองไทย 2 สัปดาห์ เราไปเที่ยวทะเลทางใต้กับเพื่อนๆ ของฉัน
และที่ทะเลนั่นเอง เขาขอฉันแต่งงาน ......
ฉันมีความสุขเหลือเกิน........
เกินจะบรรยายเหมือนโลกนี้มีเพียงเขากับฉัน 2 คน
เขาวางแผนชีวิตคู่ ฉันคล้อยตามไปกับคำพูดของเขา
แต่ก็ยังคงบอกเขาว่า มันเร็วไปค่ะ เราควรจะศึกษากันมากกว่านี้
เขาก็ยินดีและเห็นด้วย และให้ฉันไปถามแม่ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในประเพณีการแต่งงานแบบอย่างของเรา
พิธีการเป็นอย่างไร เขาจะได้กลับไปวางแผนเรื่องงานเพื่อกลับมาสู่ขอ
ถ้าคุณเป็นฉันคุณจะรู้สึกอย่างไรคะ.........
7 ตุลาคม 2547 14:29 น.
keekie
นี่คือนิสัยคนไทย...ที่เป็นอันตรายต่อพ่อค้า...
มนุษย์....ไม่ว่าชาติใด...สังคมใด...
ก็คงจะประกอบไปด้วยบุคคลทั้งผู้ที่มีวิจารณญาณ..
และบุคคลผู้ไร้วิจารณญาณ....
ซึ่งสามารถเลือกเฟ้นเสพย์สื่อที่คิดจะเสพย์....ตามแต่ความต้องการของตน...
บุคคลผู้เรียกตนว่า...กวี...คงแตกต่างจาก...
บุคคลผู้ถูกยกย่องและได้รับคำเรียกขานจากสังคมว่า....กวี..
กวี...ก็ยังคงมีจิตวิญญาณของกวี...
ยังคงสรรค์สร้างงานประพันธ์เพื่อสนองตอบอารมณ์ศิลปินในตน ...
โดยมิสนใจว่าจะได้รับการยกย่องหรือไม่...
พ่อค้า......ก็ยังคงมีจิตวิญญาณของการพาณิชย์...
เขาอาจเป็น......พ่อค้า...ในชุดหรูของ...กวี...
หรือ...บางทีเขาอาจเป็น...กวีในคราบของพ่อค้า
และอีกบางที...เขาเรียกตนว่า...กวี....
กับอีกบางครั้ง...เขาอาจคือ...พ่อค้า....
คงมิมีใครสามารถก้าวก่ายความปรารถนาในใครได้.....
และคงมิมีใครกล่าวหาความเป็นตัวตนของใครได้.....
ปรารถนา สิ่งใด ใจของฉัน
จะเสพย์มัน ให้ติด คิดเองได้
จะประเคน ใส่พาน สุวรรณใด
ถ้าหัวใจ ไม่รับ ก็อับจน
ฉันหาใช่ นางฟ้า จากสวรรค์
ฉันก็มัน เดินดิน ใช่ใหญ่ล้น
แม้ไม่ใช่ กวี ที่เด่นดล
ฉันก็คน เลือกได้ อะไรต้องการ
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_57224.php
ได้รับแรงบันดาลใจจากงานคุณเรไรค่ะ...
ขออนุญาตนำมาลิ้งค์นะคะ...
2 กันยายน 2547 12:56 น.
keekie
"ส้วม"
ข้าพเจ้ารู้ดี
มันเป็นระบบชีวภาพของมนุษย์
ที่กินเข้าไปแล้วต้องขับถ่ายของเสียออกมา
รู้ทั้งรู้ แต่รังเกียจของเสียที่ผลิตออกมาจากตัวเองทุกครั้ง
ข้าพเจ้าก็ได้กินแต่ของดีดี
(ถึงอาจไม่ดีที่สุด แต่ดีเสมอสำหรับข้าพเจ้า)
แล้วทำไมของเสียที่ร่างกายของข้าพเจ้าขับออกมา
กลิ่นมันถึง......รัญจวนใจขนาดนี้
อาจเป็นเพราะ มันเป็นของเสีย
ข้าพเจ้าแอบคิดไปว่า.....
ถ้าข้าพเจ้ามีตังค์ ข้าพเจ้าก็จะได้กินของที่ดีกว่านี้
คุณภาพของกลิ่นจะด้อยลง
ข้าพเจ้าแอบคิดไปว่า...
ถ้าข้าพเจ้ามีตังค์ ข้าพเจ้าจะได้นั่งในส้วมที่ดีกว่านี้
แบบว่า.....ส้วมฝังเพชรขลิบทอง.....
อย่างน้อยข้าพเจ้าก็ไม่ต้องปวดหัวเข่าในการนั่งยองๆ
ไม่ต้องให้จมูกสูดดมกลิ่นไม่น่าพิสมัยอย่างดูดดื่ม
มันเป็นเพียงความคิดที่พยายามเรื่องคิดกลบกลิ่น
ข้าพเจ้าต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับกลิ่นที่ตัวเองผลิตออกมา
แม้จะไม่คุ้นเคยซักที
เพราะข้าพเจ้ารู้ดีว่า
ตัวเองไม่มีปัญญาหาของกินที่ดีกว่านี้
หาส้วมที่ดีกว่านี้มานั่ง
ข้าพเจ้าเลยไม่รู้ว่าการได้กินของดีดี นั่งส้วมหรูหรู
จะช่วยให้กลิ่นของเสียที่ถูกร่างกายขับออกมา
มีคุณภาพของกลิ่นเป็นอย่างไร...
ใครก็ได้.....ที่ได้กินของดีดี...นั่งส้วมหรูหรู
บอกข้าพเจ้าทีว่ากลิ่นนั้นเป็นยังไง?
............................................................................
ที่มา : "ผมคือใคร...ใครคือผม...งงชิบเป๋ง"
การ์ตูนเขลา เบาปัญญา แต่เสริมสร้างความแข็งแรงในสมอง
ของ คุณอาทิตย์ นวพรภักดี
...เห็นเป็นเรื่องดีดีที่น่าอ่าน เลยเอามาฝากชาวโพเอมค่ะ
เป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่ได้มาจากร้านหนังสือเจ้าประจำค่ะ
ขอให้อร่อยล้ำกับอาหารมื้อต่อไปของคุณนะคะ...อิอิอิ....
โอ้...มนุษย์...มนุษย์...หนอมนุษย์
ในที่สุด...จุดแตกต่าง...คืออย่างไหน
จนแสนจน...รวยแสนรวย...แล้วอย่างไร
สุดท้ายไซร้...หนีไม่พ้น...กงกรรมเกวียน...
10 มิถุนายน 2547 14:37 น.
keekie
เส้นทางชีวิตอันหลากหลาย...
แล้ว...เส้นใดเล่า......
ที่...ใช่...
ความเคว้งคว้าง...ว่างเปล่า... ที่มองไปทางใด
ก้อจะพบเจอแต่คำว่า "รอคอย" ช่างสร้างความว้าวุ่น...
สับสน..ในจิตใจ...มือไม้เปะปะความหาที่จับยึด...
เพื่อเป็นเป้าหมาย..ในการก้าวเดินไปสู่ทางใดทางหนึ่งอย่างจริงจัง
การลงมือทำอะไรในตอนนี้..เต็มไปด้วยความลังเลว่า...
"ใช่หรือ?..นี่หรือคือสิ่งที่เราปรารถนา?..."
พาลพาให้หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเพิ่งเริ่มต้น และ ...
อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามาในจังหวะชีวิตช่วงนี้...
ไขว้เขว.. ไม่ลงตัว ..และสั่นคลอน.. จนเรารู้สึกถึง..
ความไม่แน่นอน...ไม่แน่วแน่...และไม่เด็ดขาด...
เพ่นพ่านวนเวียนอยู่ในใจของเราเต็มไปหมด...
จนทำลาย..สมาธิ...และสติสัมปะชัญญะ...
ที่เราเคยมีอย่างเปี่ยมล้น...ให้ร่อยหรอ..เหลือเพียงน้อยนิด
ดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างใจลอย บางครั้งก้อร้อนรน..เร่งรีบ..
เพราะความตั้งใจหาทางเลือกที่มีมากมาย เพื่อจับยึดเป็นหนทาง..
ที่เราจะก้าวเดิน .. โดยการไขว่คว้าทางเลือกต่างๆ ให้มากที่สุด
ด้วยความหวังที่ว่า..จะสามารถค้นหา "..ทางเอก.." ของเรา
ได้โดยเร็ว.. เพื่อทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดที่มีอยู่..ในการก้าวเดิน
ไปบน "...ทางเอก.." เส้นนั้น
ในวันนี้..เราก้อยังไม่สามารถจะค้นพบ "..ทางเอก.."
เส้นนั้นได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก้อคือ ..พยายามสงบจิต..
สงบใจ.. รอคอยต่อไป .. สร้างความว้าวุ่นให้ใจเป็นอันมาก
จนต้อง คว้าปากกา เพื่อรวบรวมสมาธิ เขียนลงบนกระดาษ..
ให้ความว้าวุ่นทั้งหมดลงมาอยู่ในกระดาษ.. เพื่อจิตใจจะได้..
รวมเป็นหนึ่งเดียว และ มุ่งมั่น .. ค้นหา..........
"...ทางเอก..." เส้นนั้น .... ต่อไป .....
10 มิถุนายน 2547 14:22 น.
keekie
ความเคว้งคว้าง...ว่างเปล่า... ที่มองไปทางใด
ก้อจะพบเจอแต่คำว่า "รอคอย" ช่างสร้างความว้าวุ่น...
สับสน..ในจิตใจ...มือไม้เปะปะความหาที่จับยึด...
เพื่อเป็นเป้าหมาย..ในการก้าวเดินไปสู่ทางใดทางหนึ่งอย่างจริงจัง
การลงมือทำอะไรในตอนนี้..เต็มไปด้วยความลังเลว่า...
"ใช่หรือ?..นี่หรือคือสิ่งที่เราปรารถนา?..."
พาลพาให้หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเพิ่งเริ่มต้น และ ...
อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามาในจังหวะชีวิตช่วงนี้...
ไขว้เขว.. ไม่ลงตัว ..และสั่นคลอน.. จนเรารู้สึกถึง..
ความไม่แน่นอน...ไม่แน่วแน่...และไม่เด็ดขาด...
เพ่นพ่านวนเวียนอยู่ในใจของเราเต็มไปหมด...
จนทำลาย..สมาธิ...และสติสัมปะชัญญะ...
ที่เราเคยมีอย่างเปี่ยมล้น...ให้ร่อยหรอ..เหลือเพียงน้อยนิด
ดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างใจลอย บางครั้งก้อร้อนรน..เร่งรีบ..
เพราะความตั้งใจหาทางเลือกที่มีมากมาย เพื่อจับยึดเป็นหนทาง..
ที่เราจะก้าวเดิน .. โดยการไขว่คว้าทางเลือกต่างๆ ให้มากที่สุด
ด้วยความหวังที่ว่า..จะสามารถค้นหา "..ทางเอก.." ของเรา
ได้โดยเร็ว.. เพื่อทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดที่มีอยู่..ในการก้าวเดิน
ไปบน "...ทางเอก.." เส้นนั้น
ในวันนี้..เราก้อยังไม่สามารถจะค้นพบ "..ทางเอก.."
เส้นนั้นได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก้อคือ ..พยายามสงบจิต..
สงบใจ.. รอคอยต่อไป .. สร้างความว้าวุ่นให้ใจเป็นอันมาก
จนต้อง คว้าปากกา เพื่อรวบรวมสมาธิ เขียนลงบนกระดาษ..
ให้ความว้าวุ่นทั้งหมดลงมาอยู่ในกระดาษ.. เพื่อจิตใจจะได้..
รวมเป็นหนึ่งเดียว และ มุ่งมั่น .. ค้นหา..........
"...ทางเอก..." เส้นนั้น .... ต่อไป .....