25 พฤษภาคม 2549 21:48 น.
keekie
ข้าจะยื้อยุดไว้ซึ่งความคิด
ไม่รู้ถูกหรือผิดแต่ไม่สน
ข้าจะมีจุดยืนของตัวตน
เพื่อวันหนึ่งจะหลุดพ้นซึ่งความทุกข์
ข้าจะคงมั่นไว้ซึ่งตัวข้า
ถึงแม้ใครจะว่าบ้าข้าก็สุข
แม้นหกล้มซมซานข้าจะลุก
หัวเราะทั้งที่ล้มคลุกเปื้อนโคลนดิน
ข้าจะยังยึดไว้ซึ่งอัตตา
ความเป็นตัวของข้าดังแผ่นหิน
แกร่งกล้าสามารถอาจทมิฬ
แม้ได้ยินใครว่าข้าดื้อดึง
ข้าจะคงมั่นไว้ซึ่งตัวข้า
มิสนคำนินทาที่มาถึง
ไม่ยินคำทักท้วงที่รัดรึง
มิคำนึงถึงใครที่ไหนเลย
17 พฤษภาคม 2549 23:32 น.
keekie
ฉันมีดอกไม้ให้หนึ่งดอก
แทนใจบอกถึงความงามตามเธอฝัน
มอบแด่เธอปักไว้ในแจกัน
เพื่อโยงใยผูกพันฉันและเธอ
นั่นเห็นไหมดวงดาวพราวระยับ
มอบไว้ให้เพื่อประดับชั่วกัปป์เสมอ
ส่องนำทางให้เราได้พบเจอ
ยามคิดถึงพร่ำเพ้อถึงกันและกัน
ฉันมีหนึ่งดวงจันทร์อันผ่องใส
แสงนวลใยนวลตาบนฟ้านั่น
ขอเพียงเธอแหงนมองแสงผ่องพรรณ
จะเห็นสุขบนนั้นนานเท่านาน
เก็บไว้เถิดสิ่งดีดีที่มีมอบ
มิต้องตอบมอบกลับเพียงรับสาร
ที่สื่อตรงถึงเธอชั่วกัปป์กาล
มันคงมั่นยืนนานตราบนิรันดร์ ..
12 พฤษภาคม 2549 12:00 น.
keekie
อยากจะเอ่ยถึงฝนยามหล่นฟ้า
ใครบอกว่านั่นน้ำตาฟ้าใช่ไหม
ริ้วฝนร่วงจากฟ้าหรือจากใจ
หยดน้ำใสรินรดจรดดิน
ฝนพรั่งพรูสู่พื้นดินชื่นฉ่ำ
ใจเจ้ากรรมกลับทำท้อถวิล
เสียงบ่นหนาวจากใจใครได้ยิน
ยามฝนรินใจร่ำเฝ้าคร่ำครวญ
ฝนเอ๋ยฝนหล่นร่วงจากรวงฟ้า
หวังพลิกฟื้นชีวาพาคืนหวน
ใจเอ๋ยใจดังติดอยู่คู่โซ่ตรวน
คอยไหลทวนกลับสู่ความเศร้าตรม
ฝนหล่นฟ้าไม้นานาช่างสดชื่น
หากหนึ่งใครกลับกล้ำกลืนความขื่นขม
อยากจะปลดโซ่ตรวนครวญระทม
เอาฝนพรมห่มฟ้ามาปลอบใจ
9 พฤษภาคม 2549 23:16 น.
keekie
ใช้ฟ้าแดนแบ่งฟ้านภากาศ
ขีดเส้นวาดคั่นกลางหว่างเราไว้
คนหนึ่งคนอยู่ฟากฟ้าอีกฝั่งไกล
จากหนึ่งคนอีกฝั่งให้ห่างไกลกัน
เขียนลงบนแผ่นฟ้านภากาศ
ว่ามิอาจข้ามเส้นดั่งเช่นฝัน
หากแดนฟ้าฟากโน้นคือกลางวัน
อีกดินแดนฟากฝั่งนั้นเป็นกลางคืน
จารึกบนแผ่นฟ้านภากาศ
จำให้มั่นสะพานลาดมิอาจฝืน
จงอย่าก้าวล่วงล้ำแม้กล้ำกลืน
ต้องหยัดยืนอยู่ได้ในฝั่งตน
ห่างแค่นี้พอไหม? .. แค่ฟ้ากั้น ..
เป็นเส้นคั่นแบ่งไว้ไม่สับสน
ฟากฝั่งโน้นและฝั่งนี้มิปะปน
แบ่งดินแดนคนสองคนสองหนทาง ...