26 ธันวาคม 2549 12:24 น.
keekie
ลมหนาวพัดมาอีกระลอก ..
ส่งกลิ่นอับอันฉมฉุนของปุ๋ยลอยเข้าจมูก ..
ฉันห่อไหล่ .. กระชับหมวกที่ใส่เพื่อกันน้ำค้างยามเช้า
เดินสวนทางกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่กลับจากการจ๊อกกิ้ง
เพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกของการเป็นนกตัวแรกที่ออกหาหนอนในตอนเช้า ..
อืมมม .. ความรู้สึกมันหอมหวานเช่นนี้นี่เอง ..
ใครนะช่างว่า .. ว่าฉันตื่นเช้าไม่เป็น ..
รูปถ่ายเหล่านี้คงพิสูจน์ได้ว่า ฉันตื่นก่อนไก่โห่ได้เหมือนกันล่ะน่า .. (เช๊อะ!!!)
ฉันกลับขึ้นรถ .. และมุ่งหน้าต่อไป
ทางเริ่มลาดชันเลาะไหล่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ
ประกอบกับมีการทำถนนใหม่ ทำให้เริ่มลังเลในการลุยต่อไปข้างหน้า ..
ฝุ่นแดงตลบอบอวลตามท้ายรถบรรทุกคันหน้า ..
ทำให้ฉันมองไม่เห็นทางเข้าน้ำตกแก่งซอง ..
ขับรถเลยไปจนได้ ..
และต้องเลยไปอีกไกลเชียวกว่าจะหาที่เหมาะที่พอจะกลับรถได้ ..
และเพราะถนนเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ .. ทำให้ฉันชักหวั่นๆ .. กลับดีกว่ามั้ง ..
ขืนขับเพลินอีกหน่อยคงเลยเข้าเพชรบูรณ์ และต่อไปถึงชัยภูมิแน่ .. (ยิ่งมีคนยุให้เลยไปชัยภูมิอยู่ด้วย)
ฉันกลับรถและขับกลับมาตามทางเดิม ..
มองเห็นเพิงข้างทางขายข้าวหลาม ..
ข้าวหลามกระบอกเล็กกินได้สองคำก็คงหมด พวกพยาธิ์ในท้องคงร้องกันระส่ำระสายเพราะยังไม่อิ่ม ข้าวหลามที่นี่มีใส่สังขยาซะด้วย ..
ตาลก็ต้นเดิมกับที่เห็นเมื่อตอนขับมา ..
หากแต่บรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไป ..
คราวนี้มันดูขึงขังตั้งใจกับการชูใบรอรับแสงอาทิตย์
คลอโรฟิลด์ในตัวมันคงฉีดพล่านกระหายการสังเคราะห์แสงเพื่อการดำรงชีวิตอยู่
ที่สำคัญมันคงต้องหาอาหารไว้เพื่อออกดอกสร้างผลด้วยล่ะมั้ง ..
ชีวิตมันก็ต้องเป็นไปตามครรลอง ..
ฉันขับรถมุ่งหน้ากลับสู่ตัวเมืองพิษณุโลก ..
ผ่านวัดเขาสมอแคลง (http://www.tat.or.th/travelplacedet.asp?prov_id=65&id=1083)
มีป้ายบอกว่าเชิญสักการะเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ..
แต่เมื่อเห็นทางเข้าวัด ..
ก็ต้องถอดใจ เพราะเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาที่ค่อนข้างลาดชัน ..
ฉันขับรถเอื่อยๆ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ..
จนเห็นป้ายวัดค่อนข้างใหญ่สะดุดตา .. วัดคลองเรือ ..
มองเข้าไปตามทางเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดตึกสองถึงสามชั้น ..
แต่ด้วยความที่ประสาทรับการสั่งงานที่เท้าทำงานได้ดีกว่าประสาทรับการสั่งงานของหัวใจ
ทำให้ฉันขับรถเลยทางเข้าวัดไป ..
แต่ในที่สุดฉันก็พ่ายแพ้แก่เสียงเรียกร้องของหัวใจ
ต้องกลับรถวกมาที่จุดเดิม และเลี้ยวรถมาตามทางเข้าวัดคลองเรือ
ถนนราดปูนซีเมนต์กว้างขนาดรถสองคันสวนกันได้พอดิบพอดี
แต่ไม่มีคันกั้นตลอดสองข้างทาง หากมัวเพลิดเพลินกับทุ่งนาด้านซ้ายมือที่มีชาวนากำลังไถพรวน รถคงได้หัวทิ่มลงไปในคูนา หรือหากว่ามัวลุ้นการเย่อปลาของชาวบ้านด้านขวามือ ..
ฉันและรถคงได้ลงไปลุ้นกันอยู่ในบึงน้ำนั่นแน่ๆ ..
ฉันขับรถผ่านประตูทางเข้าวัด ..
เริ่มรู้สึกชอบวัดนี้อย่างไม่มีเหตุผล ..
ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรถยนต์หรือแม้แต่มอเตอร์ไซด์จอดในบริเวณวัด
24 ธันวาคม 2549 17:59 น.
keekie
ฉันเดินหลบความวุ่นวายเข้าไปตามทางที่มีป้ายเขียนว่า ..
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช
เราสองคนเดินชมดอกไม้และพระพุทธรูปในบริเวณพิพิธภัณฑ์อย่างสบาย
เพราะไม่มีใครอื่นอีก ..
ในที่สุด ..
ความสวยงามแห่งพระพุทธศาสนามีมุมแห่งความสงบ ..
ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะค้นหามัน ..
เราคงได้พบ ..
23 ธันวาคม 2549 16:34 น.
keekie
พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร
สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก
ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา
"โห่เอ๊ย .. ไปพิษณุโลกทั้งทีซื้อข้าวหลามมาฝาก แทนที่จะซื้อกล้วยตาก"
เสียงบ่นเมื่อได้รับข้าวหลามของฝากจากฉัน
บ่นทั้งๆ ที่ข้าวหลามหน้าสังขยายังอยู่ในปากนั่นแหละ ..
แล้วกินทำไม (ฟระ)?
ฉันเพิ่งมานั่งหาข้อมูลจังหวัดพิษณุโลกจากเวบไซต์
หลังจากกลับมาจากเมืองสองแคว
จึงเพิ่งรู้ว่าคนรับของฝากมันบ่นทำไม ..
อ๋อ .. ก็เพราะกล้วยตากเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่นั่นเอง ..
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกนึกอยากรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใดๆ
ปกติก็ไปหาเอาข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นที่พัก แหล่งท่องเที่ยว
แม้กระทั่งว่า ไอ้จังหวัดที่จะไปเนี่ยไปทางไหน ..
ก็ไปตายเอาดาบหน้าทั้งนั้น .. มันส์ดี
กลับมาแล้วก็แล้วกัน ไม่เคยคิดอยากจะรู้จักมากกว่าที่ได้รู้จัก ได้เห็นกับตา
แต่ครั้งนี้มันต่างไป ..
รู้สึกอยากรู้จักพิษณุโลกให้มากขึ้น ..
แล้วก็จะกลับไปอีก .. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? ..
เลยลองดูรูปถ่ายที่ติดอยู่ในกล้อง ..
เผื่อจะรู้สาเหตุ ..
เริ่มจาก .. รูปนี้เลย ..
เราได้พบกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
หลังเลี้ยวซ้ายจากทางหลวงหมายเลข 1 (สายพหลโยธิน)
เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซีย)
ฉันจอดรถใต้ร่มไม้ใหญ่ นั่งซดอาราบิก้าเย็นแก้วโต ..
พลางเหลือบมองบรรยากาศรอบข้าง พลันสายตาก็ปะทะกับ ..
11 ธันวาคม 2549 19:06 น.
keekie
บ่ายแก่วันหนึ่ง ..
ท้องฟ้าใส ..
อากาศโปร่ง ..
เอสเปรสโซ่แก้วเล็กที่จิบได้นานนับชั่วโมง
เคล้าบทสนทนาเรื่องทั่วๆ ไป ..
เรื่องส่วนตัว งาน ดินฟ้าอากาศ ..
อืมม .. ดินฟ้าอากาศ ..
ฉันนึกกังวลในฉับพลัน ..
วันนี้ฝนจะตกอีกหรือป่าวหนอ?
ฉันจำได้ ..
เมื่อวันนั้นขณะเรากำลังกินอาหารเย็นและคุยกันเพลินๆ ..
ฝนกระหน่ำดั่งฟ้ารั่ว
โต๊ะที่เรานั่งเปียกปอน ..
จนเราต้องหยุดกิน จ่ายเงิน และกลับบ้าน ..
เรากางร่มคนละคันมารอรถลากเทียมมอเตอร์ไซด์มารับ (ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร?)
เพื่อไปส่งเราที่รถของคุณ ..
น้ำท่วม ..
เราเปียกกันเล็กน้อยเพราะละอองฝน ..
คุณถอดหมวกแก๊ปที่คุณใส่อยู่ 'วาง' บนหัวฉัน ..
น่าจะเรียกว่า 'โยน' ซะล่ะมั้ง .. ๕๕๕๕
กว่าจะขึ้นรถได้ เราก็เปียกกันพอประมาณ ..
คุณขับรถมาส่งฉันที่จอดรถ ..
มีรถจอดขวางหน้ารถฉันอยู่
คุณลงมาจากรถเพื่อเข็นรถคันที่จอดขวางรถฉัน ..
คราวนี้เราเปียกมะล่อกมะแล่กกันทั้งคู่ ..
คุณรู้ไหม? ..
หมวกแก๊ปที่คุณอุทิศให้ มันกันฝนให้ฉันไม่ได้ ..
.. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม?
.....
...
.
"ไปกันเถอะ .. " เสียงคุณดึงฉันออกจากภาพความทรงจำในวันนั้น
เราขับรถตามกันไปยังร้านอาหารที่คุณเลือก
ดีหน่อยที่คราวนี้เราจอดรถหน้าร้านได้เลย
ไม่ต้องนั่งรถลากเทียมมอเตอร์ไซด์เข้าไปอีก ..
ฉันก้าวลงจากรถ ..
แหงนหน้ามองท้องฟ้า ..
นึกภาวนาในใจว่า ..
อย่าตกเลยนะฝน ..
หยุดตกสักวันเถอะนะ ..
1 ธันวาคม 2549 20:01 น.
keekie
เป็นอีกครั้งแล้วที่ฉันมาเหยียบผืนแผ่นดินบรรพบุรุษ
ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน
หลายสิ่งหลายอย่างต่างไป
สิ่งเดียวในโลกสมมติใบนี้ที่คงความเป็นนิรันดร์
นั่นคือความเปลี่ยนแปลงล่ะมั้ง