4 มิถุนายน 2548 22:56 น.
keekie
มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่ง และบอกกับเขาว่า
"ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน
ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน"
วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว
และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป
อย่างน้อยที่สุด เขาได้รู้ว่าสิ่งที่พ่อกำลังพยายามบอกกับเขา
ก็คือการรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ
ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น
จนเขาไม่ต้องไปตอกตะปูที่รั้วหลังบ้านแล้ว ..
เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว
ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า
"ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆ ครั้ง
ที่เจ้าสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้
ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว"
วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว
จาก 1 เป็น 2 ... จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา
เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า "ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!"
พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน
และบอกกับลูกว่า "ทำได้ดีมากลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ
เห็นไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น ....
จำไว้นะลูก.. เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล ..
เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน
ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด
ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ "
สิ่งที่เราทำไป
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจำไว้เสมอว่า
"คำขอโทษ"
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม
แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือรอยที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ ..
ริ้วรอยทรายรายรอบขอบทะเล
ยามคลื่นเหซัดสาดอาจเลือนหาย
แผ่วพริ้วลมโชยพัดสะบัดปลาย
อาจจะคลายความหนาวเย็นที่เป็นไป ..
ริ้วรอยร้าวคราวระทมตรมนักหนา
วอนคลื่นพาพัดหายคลายหวั่นไหว
สาดซัดมันลอยล่องจากห้องใจ
อยากขับไสไล่ส่งจงถมมัน ...
ริ้วรอยแผลเจ็บจำน้ำคำลวง
มิเคยหวงห่วงหาพาแสบสันต์
วอนลมโปรดพัดพาร่ำลากัน
ให้มีอันเจือจางแล้วจากไป ...
รอยในใจยากนักจักลบเลือน
เป็นเสมือนตราบาปประทับไว้
พยายามกลบรอยฉีกที่ปีกใจ
ยิ่งนานไปรอยยิ่งชัดเหมือนจัดวาง ..
31 พฤษภาคม 2548 15:54 น.
keekie
มอเตอร์ไซด์พ่อพุ่งทะยานด้วยความเร็วพอๆ กับดีกรีแอลกอฮอล์ที่มีในตัวพ่อล่ะมั้ง ..
ฉันกอดพ่อแน่น .. คงหลับไม่ลงแม้จะง่วงเพียงใด ..
มีวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซด์สองคัน .. ปาดหน้ารถพ่อ ..
พวกเขาคงเข้าใจว่า .. เป็นนักซิ่งเหมือนกัน .. จึงทำท่าเหมือนท้าประลอง ..
มอเตอร์ไซด์สองคันนั้นปาดหน้ารถพ่อ แล้วก็พุ่งไปด้วยความเร็ว ..
พ่อบิดคันเร่งตาม .. ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ..
ฉันกลัวจับหัวใจ .. แต่ยังคงไม่ปริปากร้อง ..
จำได้ว่า .. ตอนนั้นรู้สึกว่ามีพ่ออยู่ทุกอย่างจะเรียบร้อยและปลอดภัย .. แม้พ่อจะเมาก็ตาม
พ่อขี่มอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ..
แม่นั่งรออยู่ด้วยความเป็นห่วง ..
วันนั้นฉันกลับถึงบ้านปลอดภัย ..
คงเป็นเพราะพ่อเก่ง .. แม้จะขับรถด้วยความเร็วและความเมาสักเท่าใด ..
พ่อ .. ยังคงพาฉันกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ..
ภาพพ่อ .. ลุงโกศล .. ลุงจำรัส .. และลุงโพธิ์ .. นั่งล้อมวงดื่มเหล้า .. สูบบุหรี่
สนทนากันสนุกสนาน .. แจ่มชัดในมโนภาพของฉันเสมอ ..
เพราะมันเป็นภาพที่เห็นจนเจนตา ...
นึกถึงครั้งใด ... กลิ่นบุหรี่จะลอยมาแตะปลายจมูกฉันเสมอ ..
ขวดเหล้า .. ควันบุหรี่ ..
ฉันมองลุงโพธิ์ ที่บัดนี้อายุ 65 ปีแล้ว .. ลุงโพธิ์ผ่านการบายพาร์สหัวใจเมื่อสามปีก่อน ..
วันนี้หูข้างซ้ายของลุงโพธิ์ไม่ได้ยิน .. เนื่องจากเคยหกล้มเพราะเส้นเลือดหัวใจที่ไปเลี้ยงสมองตีบ
การหกล้มครั้งนั้น .. ทำให้เส้นประสาทบางส่วนเสื่อม หูจึงไม่ได้ยิน ..
พ่อของฉัน .. เคยเข้ารับการบอลลูนเส้นเลือดหัวใจเช่นกัน .. เมื่อห้าปีก่อน ..
และเคยหกล้มเพราะหัวใจเต้นผิดปกติ .. มีผลให้ร่างกายรับไม่ไหว ..
ต้องเข้ารักษาตัวฉุกเฉินที่สัตหีบเมื่อต้นปีที่แล้ว ..
ต่อมาปลายปีที่ผ่านมา .. พ่อก็ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการเดียวกันอีก ..
ลุงโกศล .. บัดนี้นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล .. สายยางระโยงระยาง ..
รอฉีดสี .. เพื่อรับการรักษาเรื่องหัวใจและหลอดเลือดต่อไป ..
ฉันยังคงมองรอยแผลเจาะที่คอลุงศล .. มันจะทรมานมากแค่ไหนหนอ ..
โชคดีที่พ่อยังไม่ต้องถึงขั้นนี้ ..
แน่นอน .. ลุงโพธิ์ .. พ่อ .. และลุงโกศล .. ถูกสั่งห้ามเรื่องเหล้าและบุหรี่อย่างเด็ดขาด ..
พ่อของฉันเลิกบุหรี่มาหกปีแล้ว .. ตอนนี้ถ้าพ่อเจอเด็กรุ่นหนุ่มสูบบุหรี่ ..
พ่อจะเล่าเสมอว่า .. เหตุใด .. วันนี้พ่อสูบบุหรี่ไม่ได้ ..
และวันนี้พ่อได้รับความทรมานที่เป็นผลมาจากการสูบบุหรี่อย่างไร
ฉันไหว้ลาพ่อ .. ลุงโพธิ์ .. และลุงโกศล .. เพื่อขอตัวกลับไปสะสางงาน ...
.. แล้วหนูจะมาเยี่ยมลุงใหม่นะคะ .. ฉันยิ้มเป็นกำลังใจให้ลุงศล ..
ฉันเปิดประตูห้อง 1106 ออกมา .. พบลุงจำรัส .. ยืนอยู่ริมหน้าต่าง .. หน้าวอร์ด ..
.. ลุงจำรัสคะ .. หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ .. ฉันยกมือไหว้ลาลุงจำรัส ..
.. เออ ๆ .. โชคดีหลาน .. ลุงจำรัสโบกไม้โบกมือพร้อมอวยพรให้ฉัน ...
ฉันหันหลังเดินออกมาหน้าลิฟท์ .. ทิ้งควันบุหรี่ที่พ่นออกจากปากลุงจำรัสไว้เบื้องหลัง ...
วันนี้ ... สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ...
คงทำให้ลุงจำรัสกำลังคิดว่า จะเลิกสูบบุหรี่ด้วยวิธีไหนอยู่กระมัง ..
ลุงคงเครียด จึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบตามความเคยชิน ..
ควันบุหรี่ลอยอบอวลหน้าวอร์ด ..
.. เอ่อ .. คุณคะ .. ตรงนี้ห้ามสูบบุหรี่นะคะ ..
เพราะควันบุหรี่ที่คนข้างๆ คุณ สูดเข้าไป จะเป็นอันตรายมากกว่าที่คุณสูบเองอีกนะคะ
.. ดับซะเถอะค่ะ .. เพื่อตัวคุณเอง .. และคนใกล้ตัวที่คุณรัก ... ก่อนจะสายเกินไป ..
เสียงพยาบาลมาเตือนลุงจำรัสให้ดับบุหรี่ .. แว่วเข้าหูฉันก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดลง ...
31 พฤษภาคม 2548 14:10 น.
keekie
"ชั้น 11 ค่ะ .. ขอบคุณค่ะ" ฉันบอกพนักงานกดลิฟท์
วันนี้ฉันมาเยี่ยมลุงโกศล ที่ถูกหามขึ้นเครื่องบินมาจากเกาะสมุยตั้งแต่เมื่อคืนวาน
เพื่อมารักษาตัวในโรงพยาบาลหรูย่านซอยศูนย์วิจัย ...
ลุงโกศลหมดสติเกือบล้มศีรษะฟาดพื้น .. พี่ปิยะต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลบนเกาะ ..
แต่คุณหมอให้ความเห็นว่า ..เครื่องมือไม่พร้อม ..ควรเข้ามาให้แพทย์เฉพาะทางรักษาดีกว่า
"ชั้น 11 แล้วค่ะคุณ.." พนักงานกดลิฟท์บอกฉัน
.. หอพักผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ..
ป้ายหน้าวอร์ดบอกชัดว่า ..ฉันมาถูกชั้นแล้ว ..
ฉันผลักประตูห้อง 1106 เข้าไป
"สวัสดีค่ะ ป้าผัน .. ลุงจำรัส .. ลุงโพธิ์.."
"ไหว้พระเถอะหลานสาว.." บรรดาลุงและป้าของฉันรับไหว้ด้วยประโยคเดียวกันเป๊ะ ..
"พ่อมานานแล้วหรือคะ.." ฉันหันไปถามพ่อเป็นคนสุดท้าย ..
"สักพักแล้วลูก.." พ่อตอบ
วันนี้สีหน้าพ่อไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจเป็นเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมานี่งานมากมายเหลือเกิน
"สวัสดีค่ะ ลุงศล .. เป็นยังไงบ้างคะ..แต่หนูว่าลุงหน้าตาสดใส ไม่เหมือนคนป่วยเลย"
ฉันยกมือไหว้ลุงโกศลพร้อมถามไถ่อาการ .. ปนให้กำลังใจเล็กๆ
.. ฉันมองสายออกซิเจนที่เสียบไว้ปลายจมูกลุงศล .. ผ้าก๊อตปิดที่ลำคอ ..
คงจะเจาะคอเพื่ออะไรสักอย่าง .. ฉันยังไม่ทราบแน่ชัด .. ไว้ถามพ่อแล้วกัน
เสาข้างเตียง มีถุงยาสี่ถุง .. กับถุงน้ำเกลืออีกหนึ่งถุง .. แขวนไว้ ...
มีสายระโยงระยาง .. ปลายสายมารวมกันอยู่ที่ข้อมือซ้ายของลุงศล ..
"ก็ดีขึ้นแล้วล่ะหลาน .. "
ลุงโกศลบอกด้วยเสียงอู้อี้ แทบจับใจความไม่ได้ อาจเป็นเพราะ .. แผลที่เจาะคอ ..
"หมอบอกว่า อาจมีเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบ .. ต้องฉีดสีดูว่าเป็นเส้นไหนบ้าง
หากมากนักก็คงต้องผ่าตัด แล้วก็ต้องเจาะคอเพราะหายใจไม่ได้น่ะหลานเอ๊ย"
ป้าผันเมียลุงโกศลบอกอาการ
"เฮ่อ .. " เสียงพ่อฉันถอนหายใจ
"สมัยเราหนุ่มๆ ..วันทั้งวันนั่งทำงาน .. พอตกเย็นงานเลิก ก็เฮละโลกันไปกินเหล้า ..
..ไปเที่ยว .. ไม่ต้องนอนยังได้ ..กลับถึงบ้านเช้า อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่อ ..
แล้วดูพวกเราวันนี้ซิ.." พ่อฉันระลึกถึงอดีต
ลุงโกศล ..ลุงโพธิ์ ..และลุงจำรัส .. นิ่ง ... คงคิดตามคำพูดของพ่อฉัน ...
27 พฤษภาคม 2548 12:31 น.
keekie
To ... My dear BUDDY!!!
How come? That i'm now thinking you are my buddy.
ดูราวกับว่าเวลา 1 ปี 8 เดือนที่อยู่ด้วยกัน .. (แทบตลอดเวลา .. ยิ่งกว่าแฟนอีกว่ะ)
มันช่างเป็นเวลาที่ดูเหมือน 10 ปี หรือนานกว่านั้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์นะ
ที่เวลาเพียงแค่นั้น สามารถทำให้คนสองคน มีอิทธิพลต่อกันได้ขนาดนั้น
แม้แต่คนที่เรารู้จักหรืออยู่กับเค้าตั้งแต่เกิด เช่น พี่ - น้อง ก็ยังไม่มีสายสัมพันธ์พิเศษนี้
(แต่มีความสัมพันธ์เพราะสายเลือด) ..
บางทีหรือหลายทีเหมือนกัน ที่เราคุยกันไม่รู้เรื่อง ... ไม่ได้คุยกัน .. แต่จิตสัมผัสกันได้ ..
ตอนนี้สิ่งที่อยากเห็น .. อยากรู้ .. อยากให้เกิดคือ .. ในวันที่พี่ตาย ..
(ซึ่งอาจจะเป็นคืนนี้ .. พรุ่งนี้ .. หรืออาจจะอีกสี่สิบปีข้างหน้า)
.. you จะยังอยู่ข้างๆ พี่มั๊ย? ..
.. สายสัมพันธ์ของเราจะยาวนานแค่ไหน? ..
แต่อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะฉะนั้น
... JUST LET IT BE ...
เพราะได้เท่าที่ผ่านมาก็ถือว่าโชคดีแล้ว ..
.. เท่าที่จำได้หรือรู้สึกได้ ..
... เราไม่เคยเอาเปรียบกัน ...
... ทุกครั้งที่ทำได้ และมีโอกาส .. เราจะเสียสละให้กันเสมอ ...
(แม้ว่าบางครั้งต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นชัดเจน)
... เราทำงานหนักไม่น้อยไปกว่ากัน ... (เพียงแต่คนละด้านเท่านั้น) ...
... คุยกันทุกเรื่อง โดยมีความไว้ใจ ไม่มีความแคลงใจ หรือต้องระวังอะไร ...
... ที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ มีเขาเหมือนกัน ( .. โง่ .. พอกัน 5555)
Life is so funny!!!
อะไรที่เห็นอยู่กับตา .. (จ้องอยู่ตั้งนาน) ..
มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงๆ ... ภาพลวงตาหรือป่าววะ????
18 พฤษภาคม 2548 01:08 น.
keekie
นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณไสย .. หรือมนต์ดำ .. อะไรหรอก ..
ไม่ได้เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งใคร .. ไม่ต้องสะดุ้ง ...
แต่เป็นเรื่องของแมลงสาบ (cockroaches) ตะหากล่ะ ..
ไม่เคยคิดเหมือนกัน .. ว่าจะต้องมานั่งเขียนถึงเจ้าสัตว์ชนิดนี้ ..
ถ้าไม่กลัวฟอร์มตก .. เสียสโลแกน .. กีกี้ - ลูกผู้หญิงใจป้ำ .. ล่ะก็ ...
ฉันไม่มีทางเขียนถึงมันเป็นอันขาด ..
ถ้ามีใครถามฉันว่า .. ฉันรักสัตว์ชนิดใดเป็นพิเศษ .. ฉันคงตอบไม่ได้ ..
เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรักตัวอะไรมากเกินไปกว่าตัวเอง ..
แต่ถ้ามีใครถามฉันว่า .. ฉันขยะแขยงสัตว์ชนิดใด ล่ะก็..
ฉันตอบได้แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่า .. ก็เจ้าแมลงสาบไงล่ะ
อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง .. ฉันโตมาในบ้านชั้นเดียวขนาดสี่สิบสองตารางวา
ที่มีคนอาศัยอยู่ในบ้านทั้งหมดสิบหกคน ..กับหมา ไก่ นก ปลาอีกสารพัดชนิด ..
บ้านจึงค่อนข้างรก .. และมีของเยอะแยะไปหมด ..
เป็นที่ชื่นชอบของเจ้าแมลงสาบเป็นอย่างยิ่ง ..
ฉันได้เห็นเจ้าแมลงพวกนี้ อาศัยอยู่เกือบทุกซอกทุกมุมในบ้าน
มีทั้งชนิดที่เค้าว่ากันว่า ..เป็นพันธุ์อเมริกัน ..
ก็เจ้าตัวสีน้ำตาล ..ตัวใหญ่ .. บินเก่งๆ นั่นไง ..
เจ้าพันธุ์นี้มันขยันออกไข่นัก ..ฉันเคยไปค้นเจอไข่มันตามซอกตามมุม ..
ออกไข่ครั้งนึงหลายสิบฟองเชียว ..หยึยยย ...
กับอีกพันธุ์ ..เค้าว่ากันอีกเหมือนกันว่า มันคือแมลงสาบพันธุ์เยอรมัน ..
เจ้าพันธุ์นี้ ตัวมันจะแข็งออกลายๆ ที่สำคัญตัวมันเหม็นชะมัด ..
แล้วมันก็ชอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าเสียด้วย ..
แค่เริ่มบรรยายถึงมัน ก็ชักจะแย่เสียแล้ว .. ต้องก้มมองพื้นที่ปลายเท้าเสียหลายรอบ
ตอนแรก ฉันก็ไม่ได้กลัวมันนักหนาหรอก .. ยังคงจับมันเล่นได้ตามประสาเด็กซนทั่วไป
จนวันหนึ่ง ..วันนั้นฉันเป็นไข้ตัวร้อนจัด ..นอนอยู่ในห้องนอน ..
แม่ห่มผ้าให้ฉัน .. ปิดตั้งแต่คอลงไปจนถึงปลายเท้า ..
ตอนนั้น .. จำได้ว่าฉันสลึมสลือเพราะพิษไข้ ..
ประเดี๋ยวร้อนประเดี๋ยวหนาว .. พอห่มผ้าก็ร้อน จนเหงื่อโทรม ..
ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรยุกยิกอยู่ที่คอ .. เข้าใจว่าคงเป็นเหงื่อไหล .. จึงเอามือไปปาด ..
เอ .. อะไรหว่า? .. แข็งๆ .. ไม่ใช่เหงื่อนี่ ..
ฉันหยิบมัน แล้วก็เอามาไว้ตรงหน้า .. ลืมตาดู ..
เท่านั้น .. ฉันร้องลั่นบ้าน .. แทบจะหายไข้ ..
ยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นตัวอะไร .. เห็นแต่ขายุบยั่บกับช่วงท้องอันน่าขยะแขยงของมัน
เฮ่อ .. เขียนมาถึงนี่ .. แค่จินตนาการภาพที่ได้เห็นในวันนั้น ..
ก็พะอืดพะอมเสียแล้ว .. อยากจะกรี๊ดอีกสักรอบ ..
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา .. ฉันกับเจ้าแมลงสาบก็ไม่อาจอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้อีก ..
ฉันแทบจะพกกระป๋องไบก้อนติดตัว .. หากพบมันที่ไหน .. อย่าหวังว่าจะรอด ..
คิดแล้วก็บาปเหมือนกันแฮะ ..
ยัง .. ยังไม่หมด ..
มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง ชั่วโมงวิทยาศาสตร์ อาจารย์สั่งว่า .. ให้นักเรียนทุกคนจับแมลงสาบใส่ถุงมาด้วย ..
อาจารย์จะให้ทำการทดลอง ..
ฉันแทบจะบ้า .. แมลงมีเป็นร้อยชนิด .. ทำไมต้องเป็นแมลงสาบด้วย ..
ให้ฉันจับแมลงสาบหรอ .. ฝันไปเหอะ ..
แล้วจะให้เจ้าตัวเหม็นนั่นมันมานอนเล่นอยู่ในกระเป๋านักเรียนฉันหรอ .. เมินซะเหอะ ..
ฉันยอมโดนหักคะแนนดีกว่า ..
วันนั้น .. จำได้ .. เพื่อนๆ ตื่นเต้น เอาแมลงสาบที่จับมา ..อวดกันใหญ่ ..
ประกวดกันว่า แมลงสาบของใครจะตัวใหญ่กว่ากัน ..
มีรูปร่างที่สวยสดงดงามสมชาติตระกูลมากกว่ากัน ..
ฉันไม่พูดไม่จา .. ไม่สุงสิงกับใครอย่างไม่มีเหตุผล
จาก ..เจ้ากี้.. ที่ทักทายเฮฮากะเพื่อนๆ ไปทั่ว ..
เจ้ากี้วันนี้ .. ปลีกวิเวก ..
เพื่อนๆ ถือถุงแมลงสาบเดินเข้ามาหาฉัน ..
"เฮ้ย ..กี้ .. ดูให้หน่อย .. ตัวของเราหรือของ ไอ้บี้สวยกว่ากัน.."
เจ้าโจยื่นถุงแมลงสาบของมันและของเจ้าบี้มาแทบจะทิ่มตาฉัน ..
ฉันลุกหนี .. อยากจะร้องกรี๊ด .. แต่ต้องอดทนไว้ ..
รู้ไปถึงไหน .. อายไปถึงนั่น .. สาวห้าวอย่างกีกี้กลัวกระทั่งแมลงสาบ ..
"เฮ้ย ..ดูให้หน่อย ..แค่นี้ทำให้เพื่อนไม่ได้?" เจ้าโจยังเดินตามมาอีก ..
ฉันสั่นหัว ...หุบปากสนิท .. ไม่กล้าอ้าปาก .. กลัวเสียงกรี๊ดจะหลุดออกมาด้วย ..
เจ้าโจเดินถือถุงแมลงสาบ ..ย่างสามขุมเข้ามาหาฉัน ..
ตาฉันมองเจ้าตัวน่าเกลียดนั่นไม่กระพริบ ..
มันใกล้เข้ามา .. ใกล้เข้ามา ...
โอ๊ยยยยยยย ... ไม่ไหวแล้ว .. เผ่นดีกว่า!!! ..
"อ้าว..จะไปไหน?.." เจ้าโจตะโกนถาม ..
"เฮ้ย..หรือกี้มันกลัวแมลงสาบ?" เจ้าบี้ออกความเห็น ..
เสร็จมัน .. มันรู้จุดอ่อนฉันเสียแล้ว ..
เท่านั้น .. ทั้งเจ้าโจและเจ้าบี้ถือถุงแมลงสาบวิ่งไล่ตามฉันอย่างสนุกสนาน
และฉันวิ่งหนีมันสุดความสามารถ ..
ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเหมือนกันว่าฉันจะวิ่งได้เร็วขนาดนั้น ..
กว่าจะได้เข้าชั่วโมงวิทยาศาสตร์ก็ตกบ่าย ..
อาจารย์เตรียมกิ่งพู่ระหงมาทดลองให้พวกเราดูว่า ..
ในกิ่งพู่ระหงมีสารระเหยที่เป็นพิษกับแมลงสาบ
เวลาแมลงสาบได้กลิ่น ..มันจะคลื่นเหียนวิงเวียน .. เดินโซซัดโซเซ ..
โอย .. งั้นฉันคงแพ้สารระเหยในตัวมันสินะ แค่นึกถึงมันฉันก็คลื่นเหียนวิงเวียน พะอืดพะอม ..
ยังไม่หมด .. มีเรื่องระหว่างฉันกับเจ้าแมลงสาบมากมาย ..
ครั้งหนึ่งฉันทุ่มจานทั้งกองที่อยู่ในมือทิ้ง .. ในงานทำบุญบ้านญาติ ..
เพราะเจ้าแมลงสาบมันดันบินมาจากไหนไม่รู้ .. บินตรงมาหาฉัน ..
ฉันลืมตัว ..ทุ่มจานทั้งกองที่อยู่ในอ้อมแขนใส่มัน .. เพล้งงงงงงงง !!!
คนทั้งงานหันมามองฉันเป็นตาเดียว .. อายชะมัด ..
พอแค่นี้ก่อนดีกว่า...
สุภาษิตว่าไว้ว่า .. เข้าป่าอย่าถามถึงเสือ ลงเรืออย่าถามถึงจระเข้ ..
ขอเล่าถึงเจ้านั่นไว้เท่านี้ก่อนแล้วกัน .. ด้วยเกรงว่าจะเป็นการถามถึงมัน ..
เชื่อโบราณ ไม่บานบุรีแน่นอน .. สงสัยคงต้องไปอาเจียนก่อนนอนซักรอบ ..
สุดท้ายนี้ .. ขอฝากข่าวจาก กีกี้ - ลูกผู้หญิงใจป้ำ ...
ถึง .. คุณตุ๊กแก - ลูกผู้ชายจริง กระทิงแดง ...
ว่า ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ... และจะรอดูว่า คุณตุ๊กแกจะยังคงสโลแกน ..
ลูกผู้ชาย .. ฆ่าไม่ได้ หยามได้ .. เอ๊ย .. ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ..
จริงหรือป่าว? หรือว่า ..ราคาคุย .. 555 ..
ฝันดี .. ราตรีสวัสดิ์ .. จะฝันถึงแมลงสาบหรือป่าวหว่า? ..