18 มิถุนายน 2549 19:43 น.

เรื่องเล่าในคืนหนาว..

judas

ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้..

เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันในอาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่

ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน

แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน

รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก..

คืนหนาว ใบไม้ร่วง ต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้านตัดกับพระจันทร์เสี้ยวด้านหลัง ทำให้อากาศดูเหมือนจะยิ่งหนาวมากกว่าที่มันเป็นอยู่..

ประสาทสัมผัสของมนุษย์มักถูกทำให้เบี่ยงเบนด้วยอารมณ์

ผมได้ยินเสียงกรีดร้องจากริมถนนฝั่งตรงข้าม เหลือบตาขึ้นดู เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมเหมือนเด็กจรจัด ผู้ชายอีกคน หนวดเคราเฟิ้มแต่งตัวไม่ต่างกัน กำลังบีบคอแม่หนูน้อย บีบจนแน่น กดร่างนั้นไว้กับพื้นฟุตปาท

ผมหยุดยืนมอง

แม่หนูน้อยพยายามดิ้นรน แต่ดูเหมือนว่าจะอ่อนแรงลงทุกที ทุกที..

เฮือกสุดท้ายของลมหายใจแม่หนูน้อยหันมองมาทางผม ด้วยสายตาวิงวอน สิ้นหวัง..

ผมยังคงยืนเฉย มองดูเด็กหญิงขาดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา

จากนั้นผมก็สาวเท้าออกเดินต่อ..

.
.
ถ้าเป็นเมื่อสักหลายวันก่อน ผมคงเข้าไปช่วย
.
.

ขยับกระเป๋าโน้ตบุคบนบ่าให้เข้าที่ จากป้ายรถเมล์ไปบ้านที่จริงก็ไม่ไกลเกินไปนัก แต่อาจเพราะด้วยน้ำหนักของกระเป๋าโน้ตบุคและลมหนาว จึงทำให้มันดูไกลเหมือนไม่รู้จักถึง..

เอี๊ยด..โครม กลางถนนด้านหน้า รถเก๋งสีขาว ดูจากรุ่นน่าจะสักยี่สิบสามสิบปีก่อน หากแต่ยังใหม่ พุ่งเข้าเสยเสาไฟฟ้าริมถนน ห่างออกไปด้านหน้าผมไม่เกิน 5 เมตร

ผมเดินไปหยุดดูตรงริมกระจก คนขับยังหายใจพะงาบๆ ลำตัวอัดเข้ากับพวงมาลัย กระจกแหลมเสียบเข้าไปในตา ท่าทางจะลึก เลือดปุดๆออกมาเหมือนเวลาท่อน้ำใต้ถนนแตก

นี่แหละน๊า รถรุ่นเก่า กระจกยังไม่เป็นกระจกนิรภัยก็แบบนี้แหละ

ผมออกเดินต่อไป โดยไม่รอให้ชายในรถขาดใจตาย 

ผมรู้..ว่ายังไงเขาก็ตายแน่ๆ


.
.


เดินต่อมาได้อีกนิด ขณะกำลังผ่านร้านขายเครื่องเขียน ผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมไม่ได้เดินอยู่คนเดียว แต่เมื่อเหลียวหันกลับไปมองก็ไม่เห็นใคร

.
.

อีกสักสิบก้าวตรงด้านหน้ามีถังขยะ ตรงมุมมืดของถัง มีเด็กทารกแรกเกิดนอนร้องไห้จ้า ร่างเขียวเป็นจ้ำๆอมม่วงถูกไต่ด้วยมดแดงจำนวนนับร้อย คงถูกแม่ใจยักษ์เอามาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว

ใบไม้แห้งปลิวผาดผ่านฟุตปาท ภายใต้แสงจันทร์จางๆ เสียงร้องไห้ดูน่าเวทนาจนวังเวง

ผมไม่แม้แต่จะคิดอุ้มเด็กคนนั้นขึ้น

เพราะผมรู้ ว่าเด็กคนนั้นตายไปนานแล้ว..

.
.

คุณคิดว่าคนเราตายแล้วดวงวิญญาณจะไปไหน?

นรก-สวรรค์ มีจริงหรือเปล่าผมไม่รู้ ผมรู้เพียงแต่ว่าบางดวงวิญญาณ ไม่ได้ไปไหน เขายังไม่ยอมรับว่าตัวเองตายไปแล้ว ยังคงยึดติดอยู่กับสถานที่สุดท้ายที่จดจำได้ วนเวียนทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ เหมือนกับหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่มันเคยเป็น

แต่แล้วสุดท้าย มันก็จบลงเหมือนเดิม

เด็กหญิงในชุดสกปรก ชายคนขับในรถเก๋งสีขาว เด็กทารกข้างถังขยะ เขาเหล่านั้น คงจะตายบนถนนสายนี้ ในต่างกรรม ต่างวาระ และยังคงวนเวียนอยู่ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ผู้คนมักจะมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง

แต่ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี

.
.

ตรงตึกสูงด้านหน้าก่อนเลี้ยวเข้าซอยบ้านที่ผมเช่า เดี๋ยวจะมีผู้หญิงในชุดนอนสีชมพูตกลงมาตาย..

ตุ้บ ร่างนั้นตกคลาดหลังผมไปนิดเดียว หน้ายุบไปครึ่งซีก แขนขาหักหมดทุกข้างกลางลำตัวมีรอยไหม้เป็นแถบยาวสองสามแถบ คงหล่นมาพาดกับสายไฟแรงสูง

รายละเอียดทั้งหมดนี่ผมบอกคุณโดยไม่ต้องเหลียวไปดูด้วยซ้ำ

ทำไมน่ะเหรอ..

หึ.. ผมเห็นมันมาทุกคืนนั่นแหละ

.
.
ผมเลี้ยวเข้าซอย บ้านเช่าอยู่ไม่ไกลเกิน 30 เมตร

เฮ้อ..ถึงบ้านซะที จะได้นอนพักให้เต็มตื่น พรุ่งนี้ค่อยไปเริ่มงาน งานใหม่ ชีวิตใหม่
.
.

เสียงฝีเท้าด้านหลังผมดังชัดขึ้น

ผมเหลียวกลับไปดู แต่ยังหันไม่ทันเสร็จก็ได้ยินเสียง พลั่ก หนักๆ ปวดแปลบที่ท้ายทอย รู้สึกว่าเข่าลงไปแตะพื้น แล้วก็ได้ยินเสียง พลั่ก อีกที..
.
.
.
.
.
.
.
....................................................................................

ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้..

เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่

ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน

แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน

รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


				
Lovers  0 คน เลิฟjudas
Lovings  judas เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟjudas
Lovings  judas เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟjudas
Lovings  judas เลิฟ 0 คน
  judas
ไม่มีข้อความส่งถึงjudas