12 ธันวาคม 2546 18:15 น.
JoyLek
ปากนายคนเดียว หยวนบ่นพึมระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ
พอกันนั่นแหละ อริยะกอดอกและหลับตา ยัยกวางพลอยโกรธกันไปด้วย
คราวหน้าจะชดเชยให้
คงมีครั้งต่อไปหรอก เพื่อนกระแทกเสียง ขยับตัวซ้ายทีขวาทีแสดงว่าว่าไม่สบอารมณ์
อยู่นิ่งๆ ซะที รำคาญ!
ฮึ! หยวนเงียบไปกระทั่งถึงมอเตอร์เวย์
นายพักที่กรุงเทพฯ หรือจะกลับ
กลับ จะตีตั๋วต่อที่หมอชิต พวกนายกลับยังไง
นายเหรียญมารับ
อริยะหน้าบึ้งเมื่อได้รับคำตอบ เขาไม่นึกถูกชะตากับน้องชายของเพื่อนนัก
หมอนั่น มาคอยอยู่แล้วเมื่อไปถึง ทักทายเขานิดๆ พอเป็นพิธีแล้วหันไปทำตัวเป็นสุภาพบุรุษช่วยหิ้วกระเป๋าให้สองสาวและทำท่าพูดคุยถูกคอกันเสียจนเขาและไอ้หยวนกลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลย
...จากที่ตั้งใจว่าจะซื้อตั๋วกลับสระบุรี อริยะจึงเปลี่ยนใจเดินทางไปพร้อมกับคณะเสียอย่างนั้น
มันมีสิทธิ์อะไรขับรถไปรับส่งแฟนเขา ถึงจะไปกันหลายคนก็ตามที แต่ยัยกวางนั่นก็แฟนไอ้หยวนพี่ชายมัน...เขาเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ ว่า เจ้านั่น จะไม่มีจุดหมายอื่นแอบแฝง...
ดูรึ...ขนาดมีเขาอยู่ตรงนี้หมอยังทำเหมือนเขาเป็นหัวหลักหัวตอ...ถึงหน้าตาจะจืดๆ ตี๋ๆ หล่อน้อยกว่าเขา แต่เรื่องแบบนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน คารมหมอก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่...เขาไว้ใจแฟนเขา แต่เขาไม่ไหวหมอนั่นเลยจริงๆ
คืนนั้นเขาใช้บริการห้องพักในโรงแรมเช่นเคย ไอ้หยวนชวนไปพักบ้านมันเหมือนกัน แต่เขาหยิ่งเพราะหมั่นไส้น้องชายมัน...
...ตั้งใจว่าจะอยู่กรุงเทพฯ ต่อสักวันสองวัน...กลางวันไปเฝ้าคลินิกช่วยไอ้ทิน บ่ายแก่ๆ ไปอยู่กับไอ้หยวนที่มหาวิทยาลัย และจะแกล้งเอาหน้าหล่อๆ ไปเตร็ดเตร่แถวภาคคอมพ์ฯ ทรมานใจคนเล่นเป็นครั้งคราว...
***********************
คนไข้ ของคุณหมอทินกรมีมาเป็นระยะ เขาก็กล้อมแกล้มช่วยไป ทั้งที่ไม่อยากทำ...ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่เขาไม่รู้สึกเอ็นดู คนไข้ ที่มารับการรักษาเท่านั้นเอง
...เห็นเจ้าหน้าขนพวกนี้ทีไร คันมือคันไม้อยากดึงหนวด ดึงหู หรือตบหัวไปเสียทุกครั้ง ยิ่งตัวไหนหน้ามันกวนโอ๊ยหรือเจ้าของทำท่าหวงนักก็แทบอยากจะเตะเอาเลยทีเดียว
เขามันประเภทมือไม้หนัก ต้องรักษาสัตว์ใหญ่จำพวกช้าง ม้า วัว ควาย นั่นแหละจึงจะเหมาะ
บ่ายเอาไง ทินกรถามคล้อยหลัง คนไข้ ตัวสุดท้าย
ว่าจะไปหาไอ้หยวน
ที่เดียว คนถามเลิกคิ้วไม่ค่อยเชื่อ
เออน่ะ ไม่ต้องสู่รู้
รู้เรอะเขาอยู่ไหน น้ำเสียงถามออกจะสมเพชนิดๆ
ไม่ยาก
แน่ใจ นายไม่เจอเขานั่นแค่ไหน
หมายความว่าไง อริยะมึน...มันแกล้งไซโคเขาหรือเปล่า
อยากรู้ต้องช่วยกันจนถึงเย็น แล้วค่อยไปกันจะไปด้วย
คลินิกนายหล่ะ
ไม่เป็นไร พ่อกันรวย
ไอ้บ้า เขาทำงานในเวลาราชการกว่ากันจะไปถึงเขาก็หนีขึ้นหอไปแล้ว
ตามใจกันบอกนายแล้วนะ
ถามไอ้หยวนก็ได้ นายรู้คนเดียวเสียเมื่อไหร่
มันคงบอกหรอก เคืองนายอยู่แบบนั้น เจ้าของคลินิกดักคอ
จริงสิ...หมอนั่นยังงอนเขาอยู่ มันอาจจะไม่ยอมบอกเขาก็ได้...
แน่ใจ
เออสิ... ทินกรรับคำ
ไป...โน่นคนไข้พิเศษมาแล้ว นั่น ลูกแซนดี้ สุดสวาทของคุณนายอารียาแกทีเดียว รักษาดีๆ ถ้าได้ยินเสียงร้องสักแอะสัญญาเป็นอันยกเลิก
อริยะขนลุกแค่ดูท่าทางคนไข้และเจ้าของก็พอรู้แล้วว่าไม่ธรรมดา...เจ้าขนปุยพุดเดิ้ลสีขาวมองหน้า หมอ ด้วยท่าทางเมินๆ เชิดๆ
เขาอ่านชาร์ทคนไข้อยู่หลายรอบก็ไม่รู้ว่าจะรักษาโรคอะไรให้ คุณแซนดี้ เธอดี เพราะเธอเพิ่งรับการฉีดวัคซีนป้องกันสารพัดโรคไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว...ปลายสัปดาห์ก่อนก็มาอีก...
เขาแทบหลุดก๊ากเมื่อเห็นประวัติการรักษาครั้งสุดท้าย...
ไอ้หมอทินกรชาร์จค่าวิตามินไปสามพันบาท!!
มันกะซื้อเบนซ์เดือนละคันเลยนะนี่...วิตามินนั่นเขาตีราคาแพงสุดขีดก็ไม่น่าจะเก็บถึงขวดละแปดสิบบาทด้วยซ้ำ...
ช่วยจับน้องแซนดี้นิดนะครับ อริยะบอกคุณนายอารียาเมื่อคุณแซนดี้รักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเช่นเดียวสัมผัส
ผู้ช่วยประจำคลินิกทำท่าจะเข้ามาช่วยตามหน้าที่
อ๊ะ! ไม่ต้องค่ะคุณน้องขา ลูกแซนดี้ขวัญอ่อนเจอคนแปลกหน้าเยอะๆ แล้วจะไม่ค่อยสบาย ไม่ยอมทานอะไร เซื่องซึม จนดิฉันต้องพามาให้คุณหมอตรวจนี่แหละค่ะ
อ้อ เหรอครับ คุณหมอเออออตามพยักหน้าให้ผู้ช่วยออกไป
แล้วมีอาการอื่นอีกไหม
ก็ดูเหงาๆ เดินคอตก เจ้าขอเริ่มเล่าอาการขณะที่มือจับคอน้องแซนดี้เริ่มลูบขนหยองๆ นั่นไปมา
ไม่ยอมกินอะไรอยู่หลายวัน ทำตัวเหมือนคนอ้างว้างว้าเหว่ ต้องการความรัก ความเอาใจใส่มากๆ เล่าไปมือก็ขยับมาลูบๆ ไล้ๆ อยู่บนแขนคุณหมอซะอย่างนั้น
ดิฉันจะทำยังไงดีค่ะ ถามเสียงหวานพร้อมกับทำตาเยิ้มส่งมาอีกล็อตใหญ่
เอ่อ...คือ... หมอหนุ่มอึกอักหน้าแดงเมื่อมือนั้นขยับลูบสูงขึ้นมาตามแขน
เอา...เอ่อ...เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับ ผมทราบแล้วละครับว่าน้องแซนดี้เป็นอะไร กว่าจะขยับหลุดออกมาได้ก็เหงื่อท่วมตัว
เชิญที่เคาน์เตอร์จ่ายยาเลยนะครับ คุณหมอไม่รอช้าเปิดประตูได้ก็แทบจะพุ่งกระโจนออกนอกประตูคลินิก
...เขารู้แล้วว่าทำไมวิตามินขวดนั้นมันจึงแพงนัก!!
********************
ห้าโมงเย็น เขามาถึงห้องพักของอาจารย์หยวนพร้อมกับ ไอ้เจ้าของคลินิกตัวแสบ
ฮ่าๆ หยวนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อฟังเหตุการณ์ระทึกขวัญจบ
จำไว้เลยไอ้ทิน
ดีนะที่กันไม่ได้เสียงร้อง
อ้อ...เสียงร้องที่นายว่า หมายถึงของน้องแซนดี้หรือเสียงร้องของกันว่ะ
ทั้งนั้นแหละ ทินกรยอมรับแก้มตุ่ยเพราะหัวเราะยังไม่เสร็จ
...สมน้ำหน้ามัน อยากสะเออะมาลบเหลี่ยมเขาดีนัก อย่างไอ้เจ็ทต้องโดนแบบนี้จึงจะสาสม...เรื่องปลายฟ้าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็หาใหม่ คนอย่างนายทินกรบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นได้ทุกชั่วโมงอยู่แล้ว
ไปกันได้รึยัง อริยะหน้ามุ่ยที่เพื่อนๆ ไม่ยอมขยับกันสักที
ไปสิ ไปๆ
อริยะนึกไม่ถึงว่าที่ๆ เพื่อนพามาจะเป็นสระว่ายน้ำ
มาทำไมที่นี่ เอาไว้เวลาอื่นเถอะ วันนี้กันรีบ
ตามมา อย่าบ่น สองคนนั่นลากเขามานั่งบนอัฒจันทร์รอบสระจนได้
โน่นไง อยู่ฝั่งโน้น ชุดว่ายน้ำสีน้ำเงินน่ะ
เขาเกือบช็อคกับภาพเบื้องหน้า...เหมียวจริงๆ ด้วยกำลังขึ้นจากสระและมีกวางตามขึ้นมาติดๆ สองคนนั่นเอียงหน้าคุยอะไรกันไม่รู้แต่ไม่นานก็เห็นสวมเสื้อคลุมและเก็บกระเป๋า
เฮ้ย! หลบกำลังจะเดินมาทางนี้แล้ว ชายหนุ่มทั้งสามรีบวิ่งลงบันไดขึ้นลงที่อยู่ใกล้ๆ
รอข้างล่างนี่แหละ มีห้องน้ำตรงโน้นที่เดียว ทินกรให้ข้อมูลทางเจ็ท
เดี๋ยวกันมา รู้สึกจะเจอเนื้อคู่ว่ะ ประโยคท้ายหันไปบอกทั้งคู่ แล้วเดินเก๊กหล่อไปยังโต๊ะเจ้าหน้าที่สาวที่อยู่โต๊ะประชาสัมพันธ์ ปล่อยให้เพื่อนทั้งคู่หาวิธีงอนง้อแฟนกันเอง
********************
ฉันสะดุดกึกเมื่อกระเป๋าถูกดึงไว้จากด้านหลัง ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าห้องน้ำ
มีความสุขจริงนะ เขาทักรวนๆ
ก็ค่ะ มีความสุขดี เมื่อเห็นว่าเป็นใครแล้วฉันก็รวนกลับไปเช่นกัน
ว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่
นานแล้วจำไม่ได้ หลังจากไปงานเลี้ยงส่งพี่ตี๋มั้ง
ได้ผล...เขาโกรธเมื่อถูกกระทบเรื่องในอดีต
ใครสอน เจ็ทข่มใจถามต่อ
เยอะแยะ"
"ใคร"
"พี่ทินกับพี่หยวน
คราวนี้เจ็ทโกรธจนตาลายเผลกระชากไหล่ฉันและบีบแรงๆ
กีฬาอย่างอื่นไม่มีให้เล่นหรือไง ทำไมชอบโชว์หุ่นอวดชาวบ้านเขานัก เป็นไงมีคนมาจีบกี่คนแล้ว
บ้าแล้วเหรอ เค้าเจ็บนะ ปล่อย! แทนที่จะปล่อยเขายิ่งแกล้งเขย่าแรงขึ้น
ก็อยากให้เจ็บจะได้จำ ถ้าเห็นใส่ชุดว่ายน้ำมาอ่อยผู้ชายอีกน่าดู
คิดอกุศล คนจะเล่นกีฬาก็มองเป็นอ่อยเหยื่อ
ไม่รู้หล่ะ ไม่ชอบ! เขาตะโกนลั่นเหมือนเด็กๆ
มีสิทธิ์อะไรมาห้าม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตัวเป็นใครก็ไม่รู้ เรารู้จักกันเมื่อไหร่เนี่ย โอ้ย! มุขปัญญาอ่อนทักคนผิดแล้ว ฉันสะบัดจนหลุดหรือเขาปล่อยเองก็ไม่แน่ใจ
โธ่โว้ย! เขายกมือกุมหัวทั้งสองข้างเหมือนเจ็บปวด
ใช่...ตอนนี้เขากำลังปวดหัวอยากได้ยาสักเม็ดเพื่อบรรเท่าอาการปวดตุ๊บๆ ที่เป็นอยู่...ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน...เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ รู้สึกใจสั่นเหมือนจะเป็นลม...
อุ๊บ! อริยะอุดปากแน่นมองหาห้องน้ำเลิ่กลั่ก แต่ไม่มีแรงจะขยับ
ฉันรีบเข้าไปประคองเพราะเห็นเขาทำท่าจะทรุด สุดท้ายก็ล้มกองตรงนั้นทั้งคู่
กวาง! กวาง! ช่วยที
พี่ทินกับพี่หยวนวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมๆ กับยัยกวาง
มีเสียงโอ้กอ้ากตามมาอีกพักใหญ่...และสุดท้ายก็สรุปกันว่าต้องนำส่งโรงพยาบาล...หมอผู้ตรวจรักษาขอให้คนไข้อยู่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการสักพัก
ขบวนญาติผู้ใหญ่ของเขาซึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ ป้าและลุงมากันพร้อมหน้าหลังได้รับทราบข่าวไม่ถึงสองชั่วโมง...ฉันและเพื่อนเขาหน้าจ๋อยพอๆ กัน ฉันรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาไม่สบาย
หมอมาตรวจอาการอีกครั้งและวินิจฉัยว่าเป็นโรคลำไส้อักเสบอาการไม่น่าวิตกนัก รอให้น้ำเกลือหมดกระปุกก็รับยาและกลับบ้านได้
คืนนั้นพี่หยวนและพี่ทินอาสาอยู่เป็นเพื่อนคนไข้...ฉันและกวางกลับหอพัก ส่วนญาติของเขาเข้าพักโรงแรมเพื่อรอรับเขากลับบ้านตอนเช้า
*******************
โปรดติดตามตอนที่ 8
9 ธันวาคม 2546 15:21 น.
JoyLek
เช้านี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา...อริยะตื่นตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง แต่จะว่าไปเขาแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ...เขาลุกมาจากที่นอนขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่กระดิกตัว...
ขาก้าวไปเรื่อยๆ ตามหาดทรายสีขาวที่ทอดยาว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปถึงไหน รู้เพียงว่าอยากจะเดินไปจนสุดโค้งกว้างนั่น...
ร่างใครคนหนึ่งผ่านเข้ามาทางหางตา...จนกระทั่งเดินมาใกล้...เขาไม่หยุดรอเพราะคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในเมื่อเดินมาหาเขาเองก็ควรจะตามให้ทัน
ตื่นเช้าจัง
รอยยิ้มที่ดวงตาลดวูบลงเมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่ เหลือเพียงเสียงในลำคอแสดงว่าเขาได้ยินแต่ไม่ประสงค์จะตอบเท่านั้น...ไม่มีเสียงใดๆ เอ่ยออกมาอีกเป็นนาน นอกจากเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเคียงคู่กันไป
...เขาเดินคนเดียวต่างหาก...เสียงหนึ่งค้านในใจ...
หาดนี้ออกกว้างทุกคนมีสิทธิ์เดินตรงไหนได้ทั้งนั้น ส่วนใครจะมองว่าเขาออกมาเดินเล่นกับปลายฟ้าก็ช่วยไม่ได้
วันนี้เขาจะไปเที่ยวไหนกันพี่เจ็ทรู้ไหม
อริยะเฉยเหมือนไม่ได้ยิน แต่กลับขยับตัวทันทีเมื่อมือเรียวบางของหล่อนแตะที่แขน...
...พ่อหนุ่มเนื้อทอง!
ปลายฟ้าเม้มปากแน่น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมา เมื่อรู้ชัดว่าเขาไม่ปรารถนาจะให้หล่อนถูกเนื้อต้องตัว...สายตาที่มองมาอีก แม้จะไม่พูดแต่มันก็ทำให้หล่อนต้องถอยห่างออกมา
...เช้าใกล้ได้ แต่ห้ามแตะ!...
ไม่เห็นใครพูดอะไร
น้ำเสียงที่ตอบนั้นแห้งแล้งจนคนฟังหมดอารมณ์จะถามต่อ
ฟ้าจะกลับบ่ายนี้
เขาชะงัก แต่แล้วก็ก้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรที่จะหยุดการเดินของเขาได้
...อยากจะกรี๊ดให้ลั่นทะเล...เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ...เขาทำราวกับหล่อนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไร้ค่าเหลือเกิน ทั้งที่หล่อนมั่นใจว่าเจอกันครั้งแรกเขาให้ความสนใจหล่อนไม่น้อย...กาลเวลาน่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
...แต่กลับไม่ใช่! อริยะทำให้หล่อนรู้สึกเบื่อจนบอกไม่ถูก เบื่อสิ่งต่างๆ เบื่อคนรอบข้าง...
เมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อน เขาคือ ผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์และโดดเด่นเหนือคนอื่น
แต่คราวใดที่อยู่คนเดียว เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีโลกส่วนตัว ซึ่งโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงหนาหลายชั้น ยากที่จะฝ่าเข้าไปถึง...ยิ่งวิ่งไล่ตามเขาก็ยิ่งเหมือนห่างออกไปทุกที...
ปลายฟ้านิ่งคิดทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและอริยะตั้งแต่ต้น...
จำเป็นหรือเปล่าที่หล่อนต้องลดศักดิ์ศรีลงมาเพื่อวิ่งตามผู้ชายที่เฉยชาคนนี้
...แคร์ฉันบ้างไหม...
เวลาที่แกล้งหายเงียบไปอย่างนี้
เคยคิดถึงหรือห่วงใยบ้างไหมคนดี
ว่าฉันคนนี้จะเป็นตายอย่างไร
...บอกสักนิดจะได้รู้...
ถ้าไม่มีฉันอยู่เธอจะรู้สึกอะไรไหม
หรือว่าเปล่าเลยเพราะไม่เคยใส่ใจ
ฉันจะอยู่หรือจะไปอะไรๆ ก็เหมือนเดิม
***************************
ไปไหนมา หยวนทักทันทีที่เขาเดินเข้าบ้านพัก
เดินเล่น
เดินบ้าอะไรตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ ปลายฟ้าขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งแล้วนะ
อริยะขมวดคิ้ว หล่อนพูดเองนี่นาว่าจะกลับช่วงบ่าย
พวกนายไปส่ง เขาถาม
เจ็ท หยวนเรียกเสียงเข้ม
นายรู้ใช่ไหมว่าไอ้ทินต้องตามปลายฟ้าไป
อริยะยักไหล่เดินเลี่ยง แต่ยังมีเสียงตามมา
นายตั้งใจพาเขามาที่นี่เพื่อจะทำให้ทุกคนเห็นใช่ไหมว่า ปลายฟ้าก็แค่ผู้หญิงใจโลเลคนหนึ่งเท่านั้นเอง เรื่องที่ผ่านมานายไม่ใช่คนผิด
เกี่ยวอะไรกับนาย เจ็ทหันมาเผชิญหน้า
นายคือความทุเรศที่สุดในชีวิตของกันเลยเพื่อน หยวนชี้หน้า
เขาคบอยู่กับไอ้ทินดีๆ นายก็ไปให้ความหวัง รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงต้องเลือกนาย เพราะอะไรเจ็ท การที่นายคบกับเหมียวมาหลายปี นายเป็นคนดีมาตลอด ผู้หญิงสวยกว่านี้ก็เคยเข้ามาให้เลือกแต่นายไม่เคยสนใจ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนายเบื่อการเป็นคนดีแล้วหรือ เสียงหยวนบอกว่าสะเทือนใจยิ่งนักกับการกระทำของเขา
กันรู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้ คนอย่างนายรับผู้หญิงที่เคยมีแฟนมาแล้วไม่ได้แน่ นายมันคนสะอาดทุกสิ่งทุกอย่างต้องดีที่สุด ไร้ตำหนิ แม้กระทั่งแฟน นายเลือกเหมียว ไม่ใช่เพราะรักหรอก แต่เพราะเขาสะอาดทั้งตัวทั้งหัวใจ
...กับปลายฟ้านายมองเขาเป็นแค่ของสกปรกชิ้นหนึ่งที่ผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ ชีวิตนายไม่เคยสัมผัสมันจึงเป็นความตื่นเต้นท้าทาย แต่พอนายรู้แล้วว่าสิ่งนั้นไม่เหมาะ ไม่ใช่ นายก็ไม่มีปัญญาจัดการต้องยืมมือคนอื่น...ขี้ขลาด! ไอ้เด็กอมมือ!
กรามของอริยะบดกันแน่น สองมือกำไว้ข้างลำตัว เกือบจะชกหน้าผู้สู่รู้ไปแล้ว หากไม่เห็นน้ำตาของ คนด่า เสียก่อน
ไอ้หยวนร้องไห้...มันบ้า...ยืนด่าเขาอยู่ปาวๆ แล้วร้องไห้...ผู้ชายประเภทไหนของมัน...
แต่ที่มันพูดก็ถูก รู้ใจเขาไปหมดราวกับเป็นเมียเขาซะอย่างนั้น...
...เขาเริ่มคบกับเหมียวเพราะเห็นว่าหล่อนน่ารัก นิสัยดี แต่ก็ไม่ได้คิดรักอะไรมากมาย
ระหว่างที่เป็นคบกัน เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงอื่นอีกเลย ไม่ใช่เพราะเป็นคนดีหรือซื่อสัตย์อะไร แต่เพราะจิตใจมุ่งไปทางด้านเรียนและกีฬาที่ชอบจนไม่มีเวลาจะใส่ใจเรื่องอื่น
แล้วตอนนี้เล่าทำไมเขาดึงปลายฟ้าเข้ามาในชีวิต เขาเริ่มหาคำตอบให้
ตัวเอง
...เหงา...เบื่อ..และสุดท้ายอยากจะหาอะไรที่สร้างสีสันให้กับชีวิตก็เท่านั้น...
เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่รับปลายฟ้าไปงานเลี้ยงส่งไอ้ตี๋ ทำไม
ทุกคนจึงเห็นเป็นเรื่องใหญ่นัก ตอนนี้เขาก็พาปลายฟ้ามาคืนไอ้ทินแล้วไง...
ไอ้ทินมันขี้หลีเป็นกิจวัตร อกหักทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ การที่มันจะได้เป็นแฟนปลายฟ้าหรือเปล่า เขาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญเสียหน่อย...
ปลายฟ้าน่ะกันไม่ว่าหรอก เพราะเขาอ่อนไหวไม่หนักแน่น แต่เหมียวสินายเอาเขาไว้ตรงไหน นายเคยคิดไหมเขาจะรู้สึกยังไงที่จู่ๆ ก็เจอนายไปควงกับคนอื่น นายบอกเลิกเขาหรือยัง นายผูกเขาไว้กับคำว่า แฟน บ้าๆ นั่นอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่นายไม่เคยคิดจะรักษา
อริยะหน้าซีด...
...ภาพเมื่อคืนบนรถประจำทางที่หญิงสาวสองคนกอดคอกันร้องไห้ยังเด่นชัดในความรู้สึก...หนึ่งในสองที่ร้องไห้จนตาบวมนั่นเป็นแฟนเขาไม่ใช่หรือ
ไอ้หยวนที่เป็นคนอื่นแท้ๆ มันยังลุกขึ้นมาปกป้องหล่อน...
นี่เขาทำอะไรลงไป!!
แฟนเขาก็งี่เง่าอีก...เขาพาปลายฟ้ามาส่งให้เพื่อนต่างหาก หล่อนช่างไม่รู้ใจเขาเสียเลย...ไอ้หยวนนี่ก็น่าเตะ มันรู้แผนเขาอยู่ตลอดเวลาแทนที่จะช่วยกัน แต่กลับกีดกันเขาเสียอีก
ร้องไห้ทำไมว่ะ ทุเรศ!
คราวนี้อาจารย์หนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา อารมณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นก็เริ่มเขิน เมื่ออริยะจ้องเอาๆ
ไม่รู้โว้ย! มันอิน กลัวแฟนทิ้งนี่หว่า
ใครแฟนใคร
หยวนเล่นตัวทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ
อะไรเล่าคนจะล้างหน้า อายเหมือนกันนะโว้ย
นายว่าอะไรพูดใหม่สิ
ใจอยากจะรวนคนเล่นสักหน่อย แต่หน้ามันแล้วใจอ่อน ทำบุญทำทานเพื่อนโง่ๆ สักคนเถอะ
แฟนข้าสั่งให้มาด่าเอ็ง ยัยกวางน่ะ...อย่าเข้าใจผิด และฝากบอกให้เอ็งรีบไปบอกเลิกยัยเหมียวซะ ตอนนี้มีหนุ่มมาจีบเขาหลายคน พวกข้ากำลังดูๆ อยู่ ถ้าเข้าตาก็จะยุยัยเหมียวมีแฟนใหม่สักที จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป
กันจะตามอาละวาดให้เละ ไอ้เพื่อนเฮงซวย แฟนกันนะโว้ย!
ถุย! แฟนแมวๆ อย่างนายกันกับไอ้ทินเดินเก็บอยู่ข้างทางมาให้ยัยเหมียวเฉดหัวทิ้งได้วันละเป็นร้อย หยวนปรามาสก่อนปิดประตูห้องน้ำโครม
ลองดูสิ! ใครกล้ามาจีบกันจะแฉให้หมด คบกันมา 5 ปี 3 เดือน ถูกกันกอดกี่ครั้ง ถูกกันหอมกี่ที จะดูไอ้หน้าไหนอยากรับเป็นแฟนอีก
อริยะทุบประตูไม่ยอมให้จบง่ายๆ จนเพื่อนทนไม่ไหวเปิดประตู้ห้องน้ำมาฉะกันใหม่
จะตะโกนหาสวรรค์อะไร! เขากลับมาได้ยินก็...เอ่อ... พูดไม่ทันจบก็ต้องปากค้าง เมื่อเห็นคนที่ถูกพาดพิงถึงหิ้วข้าวของพะรุงพะรังยืนอยู่กลางห้อง...อริยะไม่เห็นเพราะหันหลังให้ประตูหน้าบ้าน แต่เขาหันหน้าออกไปทางนั้นพอดี...เห็นเต็มๆ
********************
โปรดติดตามตอนที่ 7
8 ธันวาคม 2546 18:02 น.
JoyLek
ฉันกลับกรุงเทพฯ ตอนเย็นวันอาทิตย์พร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาที่ต่างต้องกลับมาทำงานตามปกติในวันจันทร์
ฉันได้รับการติดต่อให้เป็นผู้ช่วยนักวิจัยของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งรับงานมาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงทำให้ฉันไม่มีเวลาว่างมากนัก
การติดต่อของพี่เจ็ทเริ่มห่างหาย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน
วันเสาร์สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนตุลาคมมีงานแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีระหว่างพี่ปี 2 และน้องปี 1 ฉันได้รับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานและดูแลเรื่องอาหารเครื่องดื่มตลอดการแข่งขันพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
เหมียว นั่นเหมียวใช่ไหม เสียงเรียกไม่คุ้นหูทำให้ฉันต้องหันไปมอง
เดี๋ยวตามไป ฉันบอกเพื่อนที่อยู่ในทีม และแยกข้าวกล่องมาถือไว้เองบางส่วน
สวัสดีครับ
ฉันยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งคู่ทั้งข้าวกล่องนั่นแหละ
ไม่เจอกันนานดูโตขึ้น
จะไปไหนกันคะ ฉันนึกหาคำสนทนาทั้งที่ขำคำทักทายที่ราวกับฉันเป็นเด็กเล็กๆ
ผมจะชวนไอ้อาจารย์หยวนไปกินข้าวเย็นน่ะ พี่ตี๋บอกและถือโอกาสชวนต่อ
ไปด้วยกันไหมครับ มีนายทินกรอีกคนเท่านั้นเอง
เนื่องในโอกาสพิเศษหรือเปล่าค่ะ ไปกันพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันไม่ตอบรับ เพราะยังรู้สึกว่าไม่สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น
ผมสอบชิงทุนได้เลยอยากอวด พี่ตี๋พูดหน้าชื่น
อ้อ ฉันทำเสียงรับรู้ ยินดีด้วยค่ะ
นายเจ็ทไปด้วยนะ พี่อยากให้เหมียวไปเซอร์ไพรส์มันหน่อย พี่หยวนคงจะรู้ว่าฉันปฏิเสธแน่จึงพูดถึงอีกคนที่จะตามมาสมทบในช่วงเย็น
...ไม่เจอกันหลายเดือน ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ...
...คิดถึงเขาเหลือเกิน...
ตกลงไปนะ พวกพี่จะไปรับ เหมียวพักแถวไหน
อืม... ฉันนิ่งไปนานเริ่มลังเล
เจอหน้าประตู 2 แล้วกัน นัดกันกี่โมงคะ
โอเค ประตู 2 เหมียวมารอสัก 6 โมงเย็น ตอนนี้ไปส่งข้าวกันก่อน มาพี่ช่วย
****************************
ฉัน พี่ตี๋ และพี่ทิน นั่งคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อยเปื่อยขณะรอสมาชิกคนสุดท้าย
นายเจ็ทน่ะ โทรจากหมอชิต อาจารย์หยวนรายงานเพื่อนๆ หลังยุติการคุยโทรศัพท์
ถึงแล้วสิ เบื่อจริงๆ พวกกินอุดมการณ์นี่ ตี๋บ่น
ฉันอมยิ้ม นึกถึงคนที่กำลังถูกเพื่อนนินทา...
... เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ จะใช้รถยนต์และมือถือเฉพาะเวลาที่ต้องเข้ามาเพื่อติดต่องานให้ป้าเท่านั้น แต่ถ้ามาธุระส่วนตัว เขาจะมารถโดยสารประจำทางและจะใช้โทรศัพท์สาธารณะ...โดยให้เหตุผลกับเพื่อนๆ ว่า เขายากจนต้องประหยัด...
ฉันยิ้มเมื่อมองเห็นร่างที่ปรากฏอยู่หน้าประตูทางเข้า บอกไม่ถูกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน...
...รอยยิ้มของเขาที่ส่งให้เพื่อนเจื่อนลงเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในโต๊ะด้วย
ฉันไม่เข้าใจนักกระทั่งเห็นร่างของปลายฟ้าเขามายืนเคียงคู่
ฉันงงไปพักใหญ่...จากนั้นก็เริ่มชาไปทั้งตัว!
...เจ็บที่หัวใจจนแทบจะหายใจไม่ออก...
ทุกคนดูจะเงียบกันไปหมดเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะ เขาทรุดตัวลงนั่งถัดจากพี่หยวนที่นั่งข้างๆ ฉัน และปลายฟ้านั่งข้างพี่ตี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม...
ส่วนพี่ทินนั่งหน้าซีดไม่ต่างจากฉัน...
การสนทนาเริ่มต้นขึ้นใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากล่าวทักทายฉันสั้นๆ
...และเราไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยกระทั่งงานเลี้ยงมื้อนั้นสิ้นสุดลง... ขากลับพี่ทินขับรถตามไปส่งฉันด้วยอีกคน นอกจากพี่ตี๋และพี่หยวนที่เป็นคนไปรับ
...หน้าฉันชาจนไร้ความรู้สึกกับเหตุการณ์วันนั้น...ฉันนอนร้องไห้ตาบวมอยู่ 3 วันเต็มๆ กว่าจะทำใจได้...
ตั้งแต่นั้นพี่หยวนก็เริ่มเป็นแขกประจำหอพักของฉันเพราะยัยกวางเป็นเหตุ...พี่หยวนถูกศรรักปักอกเข้าอย่างจัง เขาเพียรพยายามอยู่หลายเดือนยัยกวางแต่ปัจจุบันยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก เพราะยัยกวางให้เหตุผลอยากดู สันดาน กันไปนานๆ ก่อน...
พี่หยวนเล่าว่า...พี่ตี๋บินไปเรียนต่อแล้ว...
...พี่ทินหนุ่มผู้พ่ายรักรายวัน ปัจจุบันกำลังเล็งเจ้าของหมาที่พามาฉีดวัคซีนที่คลินิกของเขาอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ...
...ส่วนฉันมีชีวิตอยู่ไปวันๆ กับงานและการเรียนที่เริ่มหนักขึ้น และยังกิจกรรมอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาคือ การหัดว่ายน้ำ
ฉันไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก แต่ทนเสียงรบเร้าของพี่หยวนไม่ไหวจึงยอมให้ยัยกวางสอน...
เรื่องมีอยู่ว่า... พี่หยวนชวนยัยกวางไปเที่ยวเกาะช้างในช่วงซัมเมอร์ที่จะมาถึง แต่ยัยกวางตั้งข้อแม้ว่าต้องมีฉันและพี่ทินไปด้วย
พี่หยวนคงกลัวยัยกวางจะคอยเป็นห่วงฉันจนไม่มีเวลาสวีทกัน จึงพยายามอ้อนวอนและทำทุกวิถีทางให้ฉันหัดว่ายน้ำ
แต่เหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครรู้คือ ฉันยังไม่ลืม 'ใครบางคน' ที่เคยคะยั้นคะยอให้ฉันหัดว่ายน้ำเสียเหลือเกิน
วันนี้ไม่มีเขา แต่ฉันก็ยังอยากเก็บเกี่ยวความทรงจำทุกเรื่องราวทุกเสี้ยววินาทีที่มีร่วมกัน แม้เขาไม่มีโอกาสเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม...
และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาฉันกับยัยกวางก็ต้องเริ่มหัดตีเทนนิส สาเหตุเพราะพี่ทินแวะไปหาที่สระว่ายน้ำแล้วเหลือบไปเห็นนิสิตรุ่นน้องซ้อมเทนนิสอยู่สนามติดกัน...
...เท่านั้นแหละพี่แกเลยเกิดอาการอยากเป็น 'ภราดร' ขึ้นมาทันทีทันใด ถึงขั้นลงทุนซื้อแร็กเก็ตมาแจกเพื่อให้พวกเราร่วมมือกับความรักครั้งนี้ของแก...พวกเราต่างก็ได้แต่ภาวนาให้พี่ทินสมหวังเสียที เพราะแขนขวาชักจะโตกว่าแขนซ้ายเข้าไปทุกทีแล้ว...
ถึงเดือนเมษายนพี่หยวนได้ไปเที่ยวเกาะช้างสมใจ พวกเราตกลงจะไปขึ้นรถที่หมอชิตแทนการขับรถไปกันเอง
...หัวใจฉันเต้นแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อเห็นชายหญิงที่นั่งรออยู่ที่นั่งพักผู้โดยสาร...
ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนชวน แต่ตอนนี้ฉันอยากร้องไห้เต็มที...
สบายดีหรือ เขาทักทายฉันเป็นประโยคแรกระหว่างที่ปลายฟ้าไปเข้าห้องน้ำ
ค่ะ ฉันตอบสั้นๆ กลัวจะร้องไห้ต่อหน้าเขา
จะไม่ถามพี่บ้างเหรอว่าสบายดีหรือเปล่า
สบายดีไหม ฉันพูดตาม
เขาหัวเราะกับคำถามทื่อๆ ของฉัน
หิวไหม คราวนี้เขาถามด้วยประโยคเดิมๆ ที่คุ้นเคย
ฉันส่ายหน้า...น้ำตาพาลจะไหล
เตรียมยามาครบหรือเปล่า เขายังไม่ยอมหลีกทาง
ต้องถามกวาง เขาเป็นคนเตรียม
เขาทำหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ถามต่อเพราะหยวนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินมาแทรกตรงกลาง...ฉันเลี่ยงไปนั่งข้างยัยกวางที่นั่งมองอยู่ตั้งแต่ต้น
...พอขึ้นรถโดยสาร ฉันนั่งคู่กับกวาง พี่หยวนนั่งคู่กับพี่ทิน และเขานั่งคู่กับปลายฟ้า...
...คืนนั้นฉันกับยัยกวางกอดกันร้องไห้ไปตลอดทางจนถึงตราด...
******************************
โปรดติดตามตอนที่ 6
3 ธันวาคม 2546 09:37 น.
JoyLek
ฉันนั่งรอที่ชุดรับแขกของหอพักอยู่นานจนแน่ใจว่าเขาไม่มาแล้ว จึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง ยามที่เคาน์เตอร์ทำหน้างงๆ เมื่อจู่ๆ ฉันก็ลุกขึ้นมาเฉยๆ หลังจากที่นั่งสบตากับแกอยู่เป็นนาน
เพื่อนไม่มาแล้วหรือครับ
คงงั้น ฉันตอบเซ็งๆ
เคาะประตูห้องอยู่นาน รูมเมทก็ลุกงัวเงียมาเปิดประตู
กลับเร็วนี่ คิดว่าจะดึก
ยังไม่ได้ไป
ห๊า! แล้วตัวไปไหนมาตั้งนาน
ฉันหิ้วรองเท้าคู่สวยที่อุตส่าห์บรรจงเลือกสำหรับนัดวันนี้ทิ้งไว้ระเบียงหลังห้อง แล้วกลับมาทุ่มตัวลงเตียง ชุดยับก็ช่างเถอะไม่สนใจแล้ว
ใต้หอ
ตัวกินอะไรรึยัง กวางเดินมามองฉันข้างๆ เตียง คงนึกสมเพชเต็มทน
ฉันหลับตาเสียอย่างนั้น...เหนื่อยกับความรัก...เหนื่อยกับความน้อยใจ...
ยามโทรศัพท์แจ้งว่ามีแขกมารอพบเมื่อตอน 2 ทุ่มเศษ ฉันนั่งตรองไม่ตกว่าควรจะลงไปหรือปล่อยให้เขารออยู่อย่างนั้น กวางนั่งมองฉันนิดๆ แต่ไม่กล้าซักไซ้หรือให้ความเห็น ดูท่าทางอึดอัดไม่ต่างจากฉันเท่าใดนัก
หิวไหม ซื้อราดหน้ามาฝาก ไม่มีคำขอโทษและเหตุผลสำหรับเรื่องเมื่อบ่าย
ยังร้อนๆ เขาชูห่อราดหน้าในมือให้ดูเหมือนจะอวด ฉันไม่อยากกินราดหน้า แต่อยากรู้ว่าเขาหายไปไหนมามากกว่า
ร้านไหน อร่อยถึงกับซื้อมาฝากเชียว
เขายิ้มที่ฉันให้ความสนใจราดหน้าห่อนั้น
ใกล้ร้านไอ้ทินอร่อยนะ ซื้อมา 2 ห่อฝากรูมเมทด้วย
ฮื่อ เขายิ้มกว้างขึ้นเมื่อฉันรับของฝากมา
ขณะที่ฉันนั่งรอเขาตั้งแต่บ่าย 2 จนกระทั่ง 2 ทุ่ม แต่เขาไปเที่ยวกับเพื่อนโดยไม่บอกสักคำ
...น้อยใจรึเปล่า...ฉันเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
คำตอบคือ...ไม่...ไม่น้อยใจสักนิดเดียว แต่มันมากกว่านั้น
เมื่อก่อนแทบจะทนไม่ได้ แต่ปัจจุบันฉันยังมีชีวิตและยังมีลมหายใจ มีกำลังที่จะอยู่บนโลกนี้ แต่ล้าเหลือเกิน หรือฉันเล่นตามกติกาของผู้ใหญ่ไม่เป็น จึงทำให้ฉันรู้สึกเคว้งคว้างอย่างนี้
มีใครสักคนเคยบอกไว้...คนเราเกิดมาพร้อมกับปีก 1 ข้าง เพื่อจะเสาะหาอีกคนที่มีปีกเท่ากับเรา ตอนนี้ฉันเจอปีกอีกข้างของฉันแล้ว แต่ฉันไม่มีแรงขยับปีกเพื่อจะบิน...
พรุ่งนี้พี่จะกลับ
เดินทางปลอดภัย ฉันยิ้มให้แต่มันคงดูฝืนเต็มทน
จัดกระเป๋าไว้นะจะพาไปเที่ยว เขาหันมาบอกทั้งที่เดินไปเกือบจะถึงประตู
กี่โมง
คงสายหน่อย
ฉันไม่มีโอกาสถามอะไรต่อเพราะร่างสูงเดินจากไปแล้วทิ้งฉันไว้กับราดหน้าที่เขาหอบหิ้วมาฝาก
+++++++------+++++++
ฉันมาถึงมวกเหล็กในตอนสายของวันรุ่งขึ้น หลังจากถูกแนะนำให้รู้จักกับลุงและป้าของเขาได้ไม่นาน เพื่อนๆ ของเขาก็มาถึง ดูเหมือนทุกคนจะเคยมาที่นี่กันทั้งนั้น ยกเว้นฉันคนเดียวที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก
พี่หยวน พี่ตี๋ พี่ทิน เพื่อนกลุ่มเดิมของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และมีสาวสวยอีกหนึ่งคน ชื่อ ปลายฟ้า นัยว่ากำลังดูใจกับกับพี่ทินติดตามมาด้วย
ฉันและปลายฟ้าพักบ้านใหญ่รวมกับลุงและป้าของเขา ส่วนชายหนุ่มที่เหลือถูกจัดให้พักบ้าน รีสอร์ทที่อยู่ถัดไป
บ่ายเราจะไปเที่ยวน้ำตกเตรียมตัวไว้นะ เขากระซิบบอกก่อนฉันจะเข้าห้องพัก
ผื่นหายหรือยัง
ฉันก้มดูร่องรอยจางๆ ที่เหลือจากการโดนแดดเผาเมื่อวาน
มียาทารึเปล่า
มี
บ่ายแดดจัดเตรียมหมวกไปด้วยนะ
ฉันยิ้มนึกดีใจที่เขาแสดงความห่วงใยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อย่าทำหน้าบึ้งบ่อยนักสิ ไม่สวย ต้องยิ้มแบบนี้ถึงจะน่ารักรู้ไหม มือแข็งแรงเอื้อมมาบีบแก้มฉันเบาๆ
พี่จะไปดูเขาลงต้นไม้ไปด้วยกันไหม
ไกลหรือเปล่า
ด้านหน้าที่เรานั่งรถผ่านมาไง
ฉันและเขามาถึงบริเวณด้านหน้าของรีสอร์ทด้วยรถจักรยาน โดยเขาปั่นและมีฉันซ้อนท้าย นั่งดูคนงานลงต้นไม้ได้ไม่นาน เขาก็ทนไม่ไหวลงมือพรวนดินร่วมกับคนงานเสียเอง
เหมียวปลูกด้วยคน
อย่าเลย ขี้เกียจพาไปหาหมอ นั่งดูเฉยๆ ดีแล้ว
งั้นช่วยรดน้ำ ฉันจับบัวรดน้ำเทราดๆ ไปตามต้นไม้ดอกที่ลงไว้ก่อนหน้านี้
เปื้อนดินหมดแล้ว
ระวังน้ำกระเซ็นใส่เสื้อผ้า
ขยับไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ฝุ่นเยอะ
ฯลฯ
เสียงเขาเตือนมาเป็นระยะๆ ขณะที่ฉันหัวเราะที่แกล้งป่วนเขาได้
ปลายฟ้าปั่นจักรยานตรงมาหยุดอยู่ไม่ห่างและไม่นานก็ขอร่วมวงด้วย อริยะยื่นพลั่วเล็กให้หล่อนและบอกให้คนงานยกไม้ดอกที่จะปลูกไปไว้ใกล้ๆ
ตลอดเวลาที่ปลายฟ้าขุดหลุมและปลูกต้นไม้จะมีอริยะคอยดูอยู่ใกล้ๆ และดูเหมือนความสนิทสนมกันมากขึ้นทุกที...
ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับบัวรดน้ำในมือ มองดูภาพตรงหน้าและยิ้มตอบเมื่อทั้งคู่เงยหน้าเพื่อมองและส่งยิ้มให้...ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเริ่มเป็นส่วนเกินหรือเปล่า...
/โปรดติดตามตอนที่ 4
2 ธันวาคม 2546 11:43 น.
JoyLek
กันจะลงมาดูหน้าอยู่เชียวไอ้หน้าไหนกล้าเอารถญี่ปุ่นผุๆ มาจ่อท้าย อริยะก้าวลงจากรถคันแพง หน้าตายังซีดเผือดกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่
แล้วเสือกเหยียบหนีทำไม กลัวตามไม่ทันกันก็จ่อตูดเข้าให้สิ รถกันถูกได้เสียดสีบีเอ็มสักครั้งถือเป็นวาสนา ชายหนุ่มผู้ขับรถราคาถูกล็อครถแล้วเดินอ้าแขนทำท่าจะถลามาซบอก หากไม่เจอเท้าเพื่อนยกขึ้นกันไว้เสียก่อน
ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เท้าวางบนพื้นเป็นปกติ แต่พร้อมจะยกขึ้นได้ทุกเมื่อหากฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีไม่น่าไว้ใจ
นายมากรุงเทพฯ เมื่อไหร่
เมื่อวาน
มาทำอะไรในมอ หาอีหนูเอ๊าะๆ ไปช่วยเลี้ยงม้ารึไง
ทำงานสิว่ะ ถามหมาๆ
กันนัดกับไอ้ตี๋ไอ้ทินไว้บ่ายครึ่ง นายเสร็จธุระหรือยัง
เรียบร้อย
งั้นจะรอช้าอยู่ไยพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้ต้องฉลอง
ไปรถใคร
รถกันจอดไว้นี่แหละ นายนี่รวยดีแท้เพื่อน น่าคบหา
ยืมมาโว้ย ไม่ใช่ของกัน
หนุ่มขับรถญี่ปุ่นเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งคู่ ขย่มก้นขึ้นลงบนเบาะนุ่มๆ 3-4 ที
วุ้ย! ว้าว! ถอยใหม่เลยสินี่ น่าเอาไปเสยสิบล้อเล่นสักที
รถกระตุกพรืด...
ไอ้หยวน มึงจะไปกับพ่อไหม๊ลูก
หยวน หรือ ประทับ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขนชะงักการขย่มเบาะ
มิใช่เพราะเสียงของเพื่อน หากแต่เพราะสายตาของนิสิตสาวที่เดินผ่านไปมานอกรถนั่นเอง...
...หยุดเก๊กหล่อแข่งกับไอ้เจ็ทสักนิดเถอะ...
นายมาป้วนเปี้ยนอะไรในนี้
ส่งแฟน แล้วมาดูกีฬา นัดกันร้านไหน
ร้านเดิมรัตนาธิเบศ เลี้ยวขวาออกประตูฝั่งงามวงศ์วาน ผู้โดยสารบอกทางเมื่อถึงแยกก่อนพ้นรั้วมหาวิทยาลัย
คนเดิม
เออสิ อริยะตอบเสียงห้วน
จะรู้เรอะ กันเลิกไปตั้งสอง กี่ปีแล้วหว่า หยวนขมวดคิ้วก้มลงนับนิ้วมือสลับไปมาไม่ต่างอะไรกับเด็กปัญญาอ่อน
5 มั้ง หรือ 6 คนตอบชักไม่แน่ใจ
เราจบนี่ 3 ปี ว่าแต่ลูกแมวของนายจบยัง
ต่อโท
ด้านไหน
คอมพ์มั้งหรืออะไรทำนองนี้แหละ
ตอบแล้วก็ใจหาย...เขาไม่เคยใส่ใจหรือจดจำอะไรที่เกี่ยวกับแฟนสาวได้อย่างชัดเจนสักครั้ง...
ปีไหนวะ
ปีหนึ่ง...ถามทำไม อริยะชักสีหน้าเมื่อเพื่อนยังถามซอกแซก
แต่อย่างน้อยยังพอนึกเข้าข้างตัวเองได้บ้างว่า เขายังดูแลเอาใจใส่แฟนสาวดีอยู่ ก็เขาจำได้แม่นหล่ะว่าหล่อนเรียนปีหนึ่ง
งั้นคงเป็นคนเดียวกับที่น้องชายกันพูดถึง
อริยะละสายตาจากถนนมองเพื่อนผู้กล่าวถึงแฟนของตนชั่วครู่
นายเหรียญเป็นรุ่นพี่ปี 2 แต่มันสะเออะไปรับน้องด้วย มันยังเอารูปแฟนนายมาให้กันดูนะ แต่กันไม่ได้สนใจไม่คิดว่าจะเป็นคนรู้จักนี่หว่า ได้ยินมันพูดเหมียวๆ แมวๆ เล่าไปมองคนขับรถไป กลัวใจมันเหมือนกัน แต่เจ้าตัวไม่ยักจะโต้ตอบ งั้นเล่าต่อเหอะ
แบบแอบถ่ายน่ะ เพื่อนมันเอากล้องไปกันหลายคน อย่างว่าไอ้พวกขี้หลี
ตรงไปใช่ไหม
หือ...เออ ... เออตรงไป หยวนปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
นั่นซ้ายมือ โรงพยาบาลสัตว์แยกแครายนั่นของไอ้ทิน เปิดเมื่อต้นปี
แล้วไง
ก็รีบฉีดแมว ตอนหมาไปสิวะ สัตวแพทย์ในกรุงเทพฯ จะให้ทำคลอดวัวรึไง คนตอบชักยัวะ
เปล่า น้องนาย
ไอ้คนปากแข็ง จะถามถึงแฟนตัวเองยังฟอร์ม
กลุ่มผู้ชายเค้าว่าจะโหวตให้เป็นมิสไอทีกันก็รู้เท่านี้
มีใครถึงร้านหรือยัง
ไม่รู้สิ กันก็มากับนาย เขายักไหล่
...ตูน้อยใจแล้วนะโว้ย!...
เหลือบมองคนถาม...พยายามเดาใจมัน...อยากเล่าอ่ะ แต่มันไม่ถาม
คงยังมั้ง
สั่งเลยกันหิว ว่าเสร็จก็โยนมือถือให้
ประทับเกาหัวแกร็ก ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน...กูอยากจะเล่า มันก็ไม่สน ทีกูไม่เล่า มันก็ถาม แล้วมันโยนมือถือมาให้ทำไม...ของกูก็มี!
/โปรดติดตามตอนที่ 3