3 ธันวาคม 2546 09:37 น.
JoyLek
ฉันนั่งรอที่ชุดรับแขกของหอพักอยู่นานจนแน่ใจว่าเขาไม่มาแล้ว จึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง ยามที่เคาน์เตอร์ทำหน้างงๆ เมื่อจู่ๆ ฉันก็ลุกขึ้นมาเฉยๆ หลังจากที่นั่งสบตากับแกอยู่เป็นนาน
เพื่อนไม่มาแล้วหรือครับ
คงงั้น ฉันตอบเซ็งๆ
เคาะประตูห้องอยู่นาน รูมเมทก็ลุกงัวเงียมาเปิดประตู
กลับเร็วนี่ คิดว่าจะดึก
ยังไม่ได้ไป
ห๊า! แล้วตัวไปไหนมาตั้งนาน
ฉันหิ้วรองเท้าคู่สวยที่อุตส่าห์บรรจงเลือกสำหรับนัดวันนี้ทิ้งไว้ระเบียงหลังห้อง แล้วกลับมาทุ่มตัวลงเตียง ชุดยับก็ช่างเถอะไม่สนใจแล้ว
ใต้หอ
ตัวกินอะไรรึยัง กวางเดินมามองฉันข้างๆ เตียง คงนึกสมเพชเต็มทน
ฉันหลับตาเสียอย่างนั้น...เหนื่อยกับความรัก...เหนื่อยกับความน้อยใจ...
ยามโทรศัพท์แจ้งว่ามีแขกมารอพบเมื่อตอน 2 ทุ่มเศษ ฉันนั่งตรองไม่ตกว่าควรจะลงไปหรือปล่อยให้เขารออยู่อย่างนั้น กวางนั่งมองฉันนิดๆ แต่ไม่กล้าซักไซ้หรือให้ความเห็น ดูท่าทางอึดอัดไม่ต่างจากฉันเท่าใดนัก
หิวไหม ซื้อราดหน้ามาฝาก ไม่มีคำขอโทษและเหตุผลสำหรับเรื่องเมื่อบ่าย
ยังร้อนๆ เขาชูห่อราดหน้าในมือให้ดูเหมือนจะอวด ฉันไม่อยากกินราดหน้า แต่อยากรู้ว่าเขาหายไปไหนมามากกว่า
ร้านไหน อร่อยถึงกับซื้อมาฝากเชียว
เขายิ้มที่ฉันให้ความสนใจราดหน้าห่อนั้น
ใกล้ร้านไอ้ทินอร่อยนะ ซื้อมา 2 ห่อฝากรูมเมทด้วย
ฮื่อ เขายิ้มกว้างขึ้นเมื่อฉันรับของฝากมา
ขณะที่ฉันนั่งรอเขาตั้งแต่บ่าย 2 จนกระทั่ง 2 ทุ่ม แต่เขาไปเที่ยวกับเพื่อนโดยไม่บอกสักคำ
...น้อยใจรึเปล่า...ฉันเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
คำตอบคือ...ไม่...ไม่น้อยใจสักนิดเดียว แต่มันมากกว่านั้น
เมื่อก่อนแทบจะทนไม่ได้ แต่ปัจจุบันฉันยังมีชีวิตและยังมีลมหายใจ มีกำลังที่จะอยู่บนโลกนี้ แต่ล้าเหลือเกิน หรือฉันเล่นตามกติกาของผู้ใหญ่ไม่เป็น จึงทำให้ฉันรู้สึกเคว้งคว้างอย่างนี้
มีใครสักคนเคยบอกไว้...คนเราเกิดมาพร้อมกับปีก 1 ข้าง เพื่อจะเสาะหาอีกคนที่มีปีกเท่ากับเรา ตอนนี้ฉันเจอปีกอีกข้างของฉันแล้ว แต่ฉันไม่มีแรงขยับปีกเพื่อจะบิน...
พรุ่งนี้พี่จะกลับ
เดินทางปลอดภัย ฉันยิ้มให้แต่มันคงดูฝืนเต็มทน
จัดกระเป๋าไว้นะจะพาไปเที่ยว เขาหันมาบอกทั้งที่เดินไปเกือบจะถึงประตู
กี่โมง
คงสายหน่อย
ฉันไม่มีโอกาสถามอะไรต่อเพราะร่างสูงเดินจากไปแล้วทิ้งฉันไว้กับราดหน้าที่เขาหอบหิ้วมาฝาก
+++++++------+++++++
ฉันมาถึงมวกเหล็กในตอนสายของวันรุ่งขึ้น หลังจากถูกแนะนำให้รู้จักกับลุงและป้าของเขาได้ไม่นาน เพื่อนๆ ของเขาก็มาถึง ดูเหมือนทุกคนจะเคยมาที่นี่กันทั้งนั้น ยกเว้นฉันคนเดียวที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก
พี่หยวน พี่ตี๋ พี่ทิน เพื่อนกลุ่มเดิมของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และมีสาวสวยอีกหนึ่งคน ชื่อ ปลายฟ้า นัยว่ากำลังดูใจกับกับพี่ทินติดตามมาด้วย
ฉันและปลายฟ้าพักบ้านใหญ่รวมกับลุงและป้าของเขา ส่วนชายหนุ่มที่เหลือถูกจัดให้พักบ้าน รีสอร์ทที่อยู่ถัดไป
บ่ายเราจะไปเที่ยวน้ำตกเตรียมตัวไว้นะ เขากระซิบบอกก่อนฉันจะเข้าห้องพัก
ผื่นหายหรือยัง
ฉันก้มดูร่องรอยจางๆ ที่เหลือจากการโดนแดดเผาเมื่อวาน
มียาทารึเปล่า
มี
บ่ายแดดจัดเตรียมหมวกไปด้วยนะ
ฉันยิ้มนึกดีใจที่เขาแสดงความห่วงใยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อย่าทำหน้าบึ้งบ่อยนักสิ ไม่สวย ต้องยิ้มแบบนี้ถึงจะน่ารักรู้ไหม มือแข็งแรงเอื้อมมาบีบแก้มฉันเบาๆ
พี่จะไปดูเขาลงต้นไม้ไปด้วยกันไหม
ไกลหรือเปล่า
ด้านหน้าที่เรานั่งรถผ่านมาไง
ฉันและเขามาถึงบริเวณด้านหน้าของรีสอร์ทด้วยรถจักรยาน โดยเขาปั่นและมีฉันซ้อนท้าย นั่งดูคนงานลงต้นไม้ได้ไม่นาน เขาก็ทนไม่ไหวลงมือพรวนดินร่วมกับคนงานเสียเอง
เหมียวปลูกด้วยคน
อย่าเลย ขี้เกียจพาไปหาหมอ นั่งดูเฉยๆ ดีแล้ว
งั้นช่วยรดน้ำ ฉันจับบัวรดน้ำเทราดๆ ไปตามต้นไม้ดอกที่ลงไว้ก่อนหน้านี้
เปื้อนดินหมดแล้ว
ระวังน้ำกระเซ็นใส่เสื้อผ้า
ขยับไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ฝุ่นเยอะ
ฯลฯ
เสียงเขาเตือนมาเป็นระยะๆ ขณะที่ฉันหัวเราะที่แกล้งป่วนเขาได้
ปลายฟ้าปั่นจักรยานตรงมาหยุดอยู่ไม่ห่างและไม่นานก็ขอร่วมวงด้วย อริยะยื่นพลั่วเล็กให้หล่อนและบอกให้คนงานยกไม้ดอกที่จะปลูกไปไว้ใกล้ๆ
ตลอดเวลาที่ปลายฟ้าขุดหลุมและปลูกต้นไม้จะมีอริยะคอยดูอยู่ใกล้ๆ และดูเหมือนความสนิทสนมกันมากขึ้นทุกที...
ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับบัวรดน้ำในมือ มองดูภาพตรงหน้าและยิ้มตอบเมื่อทั้งคู่เงยหน้าเพื่อมองและส่งยิ้มให้...ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเริ่มเป็นส่วนเกินหรือเปล่า...
/โปรดติดตามตอนที่ 4
2 ธันวาคม 2546 11:43 น.
JoyLek
กันจะลงมาดูหน้าอยู่เชียวไอ้หน้าไหนกล้าเอารถญี่ปุ่นผุๆ มาจ่อท้าย อริยะก้าวลงจากรถคันแพง หน้าตายังซีดเผือดกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่
แล้วเสือกเหยียบหนีทำไม กลัวตามไม่ทันกันก็จ่อตูดเข้าให้สิ รถกันถูกได้เสียดสีบีเอ็มสักครั้งถือเป็นวาสนา ชายหนุ่มผู้ขับรถราคาถูกล็อครถแล้วเดินอ้าแขนทำท่าจะถลามาซบอก หากไม่เจอเท้าเพื่อนยกขึ้นกันไว้เสียก่อน
ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เท้าวางบนพื้นเป็นปกติ แต่พร้อมจะยกขึ้นได้ทุกเมื่อหากฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีไม่น่าไว้ใจ
นายมากรุงเทพฯ เมื่อไหร่
เมื่อวาน
มาทำอะไรในมอ หาอีหนูเอ๊าะๆ ไปช่วยเลี้ยงม้ารึไง
ทำงานสิว่ะ ถามหมาๆ
กันนัดกับไอ้ตี๋ไอ้ทินไว้บ่ายครึ่ง นายเสร็จธุระหรือยัง
เรียบร้อย
งั้นจะรอช้าอยู่ไยพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้ต้องฉลอง
ไปรถใคร
รถกันจอดไว้นี่แหละ นายนี่รวยดีแท้เพื่อน น่าคบหา
ยืมมาโว้ย ไม่ใช่ของกัน
หนุ่มขับรถญี่ปุ่นเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งคู่ ขย่มก้นขึ้นลงบนเบาะนุ่มๆ 3-4 ที
วุ้ย! ว้าว! ถอยใหม่เลยสินี่ น่าเอาไปเสยสิบล้อเล่นสักที
รถกระตุกพรืด...
ไอ้หยวน มึงจะไปกับพ่อไหม๊ลูก
หยวน หรือ ประทับ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขนชะงักการขย่มเบาะ
มิใช่เพราะเสียงของเพื่อน หากแต่เพราะสายตาของนิสิตสาวที่เดินผ่านไปมานอกรถนั่นเอง...
...หยุดเก๊กหล่อแข่งกับไอ้เจ็ทสักนิดเถอะ...
นายมาป้วนเปี้ยนอะไรในนี้
ส่งแฟน แล้วมาดูกีฬา นัดกันร้านไหน
ร้านเดิมรัตนาธิเบศ เลี้ยวขวาออกประตูฝั่งงามวงศ์วาน ผู้โดยสารบอกทางเมื่อถึงแยกก่อนพ้นรั้วมหาวิทยาลัย
คนเดิม
เออสิ อริยะตอบเสียงห้วน
จะรู้เรอะ กันเลิกไปตั้งสอง กี่ปีแล้วหว่า หยวนขมวดคิ้วก้มลงนับนิ้วมือสลับไปมาไม่ต่างอะไรกับเด็กปัญญาอ่อน
5 มั้ง หรือ 6 คนตอบชักไม่แน่ใจ
เราจบนี่ 3 ปี ว่าแต่ลูกแมวของนายจบยัง
ต่อโท
ด้านไหน
คอมพ์มั้งหรืออะไรทำนองนี้แหละ
ตอบแล้วก็ใจหาย...เขาไม่เคยใส่ใจหรือจดจำอะไรที่เกี่ยวกับแฟนสาวได้อย่างชัดเจนสักครั้ง...
ปีไหนวะ
ปีหนึ่ง...ถามทำไม อริยะชักสีหน้าเมื่อเพื่อนยังถามซอกแซก
แต่อย่างน้อยยังพอนึกเข้าข้างตัวเองได้บ้างว่า เขายังดูแลเอาใจใส่แฟนสาวดีอยู่ ก็เขาจำได้แม่นหล่ะว่าหล่อนเรียนปีหนึ่ง
งั้นคงเป็นคนเดียวกับที่น้องชายกันพูดถึง
อริยะละสายตาจากถนนมองเพื่อนผู้กล่าวถึงแฟนของตนชั่วครู่
นายเหรียญเป็นรุ่นพี่ปี 2 แต่มันสะเออะไปรับน้องด้วย มันยังเอารูปแฟนนายมาให้กันดูนะ แต่กันไม่ได้สนใจไม่คิดว่าจะเป็นคนรู้จักนี่หว่า ได้ยินมันพูดเหมียวๆ แมวๆ เล่าไปมองคนขับรถไป กลัวใจมันเหมือนกัน แต่เจ้าตัวไม่ยักจะโต้ตอบ งั้นเล่าต่อเหอะ
แบบแอบถ่ายน่ะ เพื่อนมันเอากล้องไปกันหลายคน อย่างว่าไอ้พวกขี้หลี
ตรงไปใช่ไหม
หือ...เออ ... เออตรงไป หยวนปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
นั่นซ้ายมือ โรงพยาบาลสัตว์แยกแครายนั่นของไอ้ทิน เปิดเมื่อต้นปี
แล้วไง
ก็รีบฉีดแมว ตอนหมาไปสิวะ สัตวแพทย์ในกรุงเทพฯ จะให้ทำคลอดวัวรึไง คนตอบชักยัวะ
เปล่า น้องนาย
ไอ้คนปากแข็ง จะถามถึงแฟนตัวเองยังฟอร์ม
กลุ่มผู้ชายเค้าว่าจะโหวตให้เป็นมิสไอทีกันก็รู้เท่านี้
มีใครถึงร้านหรือยัง
ไม่รู้สิ กันก็มากับนาย เขายักไหล่
...ตูน้อยใจแล้วนะโว้ย!...
เหลือบมองคนถาม...พยายามเดาใจมัน...อยากเล่าอ่ะ แต่มันไม่ถาม
คงยังมั้ง
สั่งเลยกันหิว ว่าเสร็จก็โยนมือถือให้
ประทับเกาหัวแกร็ก ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อน...กูอยากจะเล่า มันก็ไม่สน ทีกูไม่เล่า มันก็ถาม แล้วมันโยนมือถือมาให้ทำไม...ของกูก็มี!
/โปรดติดตามตอนที่ 3
1 ธันวาคม 2546 13:43 น.
JoyLek
ฉันกับโค้ก 1 กระป๋องบนอัฒจรรย์เชียร์กีฬา...ในสนามกำลังแข่งกีฬาอะไรฉันไม่ใส่ใจ เพราะกำลังหงุดหงิดกับสิ่งรอบตัว
...อากาศร้อนอบอ้าว...
...กลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวของผู้คน...
เสียงเชียร์ เสียงกรี๊ดแสบแก้วหู...
กระทั่งกีฬานั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...วันหยุดที่ฉันควรจะใช้เวลาอ่านหนังสือหรือพักผ่อนบนหอพัก ไม่ใช่มานั่งกลางแดดแบบนี้
...ร้อนจนแสบผิว แต่เขาคงไม่รู้สึกเพราะกำลังสนุก...หมวกใบเดียวนี่มันช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ ฉันอยากกลับ!
ดูอะไรอีกไหม
จะกลับห้อง ฉันตอบขณะก้าวยาวๆ หลบหลีกผู้คนที่กำลังทยอยลงมาเช่นกัน
มีแข่งบาสไม่อยากดูเหรอ
กินข้าวก่อนไหม หืม...จะบ่ายโมงแล้ว เขาทำเสียงตกใจหลังจากก้มดูนาฬิกาข้อมือ
เบื่อ....เซ้ง!
ถ้าไม่จบเกมเขาก็คงจะไม่มีกระจิตกระใจจะชวนกินข้าวกระมัง หงุดหงิดจนไม่อยากจะมองหน้า...เดินหนีเถอะ...
มือแข็งแรงนั้นเอื้อมมาคว้าแขนฉันจากด้านหลัง
ทำไมแขนแดงขนาดนี้
ฉันหยุดและหันกลับ เห็นเขาหน้าเสียขณะก้มมองแขนฉันอย่างจริงๆ จังๆ
เข้าในร่มก่อนได้ไหม
ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ
ส่งเหมียวก่อน แล้วพี่จะไปดูกีฬาก็ไปเถอะ
ไม่หิว ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
เหมียวอาบน้ำก่อนก็ดี พี่จะแวะกลับโรงแรม อีกชั่วโมงจะไปรับ
พยักหน้าตอบส่งๆ ไป เพราะน้อยใจจนน้ำตาจะไหล
งั้นซื้อขนมรองท้องก่อนนะ นานๆ เจอกันที อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ
จู่ๆ น้ำตาก็ทะลักล้นออกมามากมาย มือป้ายส่งๆ ไปกลัวคนอื่นเห็น
ว้า!...ขี้แยจังแฟนเรา
/ โปรดติดตามตอนที่ 2