31 ตุลาคม 2545 16:06 น.
jinny_
@ กลอนนั้นหรือ คืออะไร ในชีวิต
คือความคิด คือความรัก คือความฝัน
คือสายใย คือสายใจ คือสายสัมพันธ์
บรรจงกลั่น จากสมอง ถึงสองมือ
@ ทั้งยามทุกข์ ทั้งยามสุข สนุกเศร้า
รวมคละเคล้า บรรยาย ด้วยลายสือ
ไม่วาดหวัง ชื่อเสียงใด ให้ระบือ
หวังเพียงสื่อ ความนัย หทัยตน
@ ครั้นนั่งคิด พิจารณา น่าแปลกใจ
บางคราไห้ ทุกข์ตรม ซมหมองหม่น
หากเขียนกลอน กลับมีสุข สนุกปน
พาใจพ้น ทุกข์ร้าย สบายคืน
@ อาจเป็นเพราะ ได้นั่งคิด จิตทบทวน
กลอนกระบวน จึงรักษา พาใจชื่น
สนุกเสียง สำเนียงคำ ลำนำกลืน
สติตื่น เกิดปัญญา ปัญหาคลาย
28 ตุลาคม 2545 23:59 น.
jinny_
รุกเร้า รุนแรง ลีลา ตีฝ่า จมมิด สนิทหาย
เร็วรวด หวดหัน อันตราย ยักย้าย ซ้ายขวา หน้าหลัง
แรงเบา ตบหยอด สอดสลับ พลิกกลับ โด่งเลียด เสียดตั้ง
ลุ่มลึก ร้อนร้าย ส่ายสั่ง ผ่านพัง แฝงฝ่า น่าเกรง
คือ ภราดร ศรีชาพันธ์ ยี่สิบสามปี บากบั่น ขยันจนเก่ง
ให้โลกรู้ ไทยก็หนึ่ง ซึ้งใจเอง ใช่อวดเบ่ง อวดเท่าที่ มีดีโชว์
ครั้งแรกใน แคว้นแดนนี้ สวีเดน บอลก็เล่น พิชิตชัย ใช่คุยโอ่
สามสิบAces ให้คนไทย ได้ชัยโย ร่วมสุขโข ภาคภูมิใน เลือดไทยเรา
28 ตุลาคม 2545 13:01 น.
jinny_
@ ไม่เข้าใจ ว่าเป็น เช่นเหตุไร
ไม่มีค่า เลยหรือใย ใจอยากถาม
ทั้งที่รู้ แจ้งจำนง กระทงความ
ยังมาพล่าม เขียนถึง คนึงหา
@ อยากเข้ามา คบหา ก็เข้ามา
อยากหนีหน้า ลาที ก็หนีหน้า
ช่างกระไร ทำเหมือนเรา เป็นผักปลา
ไอ้เสียหน้า ไม่เท่ากึ่ง ซึ่งเสียใจ
@ ก็แค่คน หนึ่งคน บนหนทาง
ไม่น่าทำ เราหมองหมาง อย่างนี้ได้
เขานึกอยาก ทิ้งเรา เขาก็ไป
เรายังมี เยื่อใย ทำไมกัน
@ ทั้งคิดถึง ทั้งคิดแค้น แน่นในอก
ทักอยากชก ทั้งอยากทัก หนักใจนั่น
เพื่อนก็มี มากหน้า สารพัน
เพื่อนคนเดียว เท่านั้น บั่นไม่ลง
@ อยากเขียนบอก ให้รู้เห็น เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนสัมพันธ์ จะสลาย คล้ายฝุ่นผง
หากเปลี่ยนแปลง กันได้ ดั่งใจจง
จงขอคง ความเป็นเพื่อน ไม่เลือนลา
@ แต่ก็รู้ ไม่อาจเป็น อย่างเช่นคิด
จึงลิขิต พจนาจ วาดภาษา
เราดีใจ ที่ได้พบ คบกันมา
จะตรึกตรา ผนึกไว้ ในใจนิรันดร์
@ ขออำนวย อวยชัย ให้โชคดี
ขอไพรี ภัยร้าย คลายเหหัน
ขอให้สุข สนุกสบาย ได้ทุกวัน
ขอให้ฝัน เพื่อนเป็นจริง ทุกสิ่งฝัน
@ เราอาจเป็น เพื่อนที่เธอ ไม่เสียดาย
หากสูญหาย หากเสียไป ใจไม่สั่น
ลาแล้วนะ ถึงบอกไป คงไม่สำคัญ
หากเรานั้น เพื่อนน้ำมิตร ไม่คิดลืม......
13 ตุลาคม 2545 15:40 น.
jinny_
( อิทรวิเชียรฉันท์ 11 )
@ ฟ้ายามทิวาวาร สุริย์ฉานกำแหงแสง
เดือนเพ็ญสิสำแดง รติกาลณนานมา
@ ห้องมิดสนิทมืด ก็สว่างชวลาห์
ใจพร่างสว่างพร่า สิก็ด้วยหทัยสนอง
@ หากแม้มิชี้ชัด ปฏิพัทธ์ฤดีปอง
ใจคอยละห้อยหมอง ทวิโยกกำโศกแสน
@ หากแม้ผิว่ารัก ดนุภักดิหนักแน่น
วานเอ่ยเฉลยแล่น พจนาสิว่ารัก
@ หากแม้มิมีใจ ก็จะได้กระจ่างจักษ์
แต่คงจะสุดหัก ฤดิคิดอนิจจา
@ โอ้ว่ากระไรรัก มิสมัครก็มักมา
ทำให้ฤทัยข้า ระอุร้อนมิผ่อนคลาย
@ สอนให้คะนึงครวญ อุระหวนบ่ห่อนหาย
ห่วงหาบ่รู้วาย มนะเจ็บระทมตรม
@ บางคราสิหวามหวาน ฤดิซ่านสุขารมณ์
ปรีด์เปรมเกษมสม ดุจะสถิตวิมานสถาน
@ บ้างร่าระเริงรื่น ขณะชื่นประโลมกานต์
บ้างเศร้าทวีสาน พิศะแผลงเพราะแรงรัก
@ เช่นนี้ก็ยังยอม จิตะพร้อมจะทุกข์หนัก
ไม่หวงสิห่วงนัก และจะแน่มิแปรไป
11 ตุลาคม 2545 15:41 น.
jinny_
เกิด.......ความทุกข์ สุดเศร้าแค้น แสนสาหัส
เป็น.......เครื่องมัด รัดใจ ให้มัวหมอง
ควัน.......อารมณ์ คุมจิตช้ำ น้ำตานอง
บาง.......คนครอง ควันอยู่ มิรู้รา
บาง.......คนรู้ เท่าทันจิต จะคิดได้
แล้ว.......มุ่งไป แน่วแน่ แก้ปัญหา
จาง.......ควันร้าย ทุกข์ทวี ที่บีฑา
ไป.........เสาะหา ความสดใส ให้ชีวิต
รู้...........ว่าทุกข์ ทุกข์ได้ อย่าให้นาน
แก้.........บ่วงมาร วังวน ตรงที่จิต
ไข.........ปัญหา นานาคลาย ได้สมคิด
ใจ..........พิชิต ใจตน เป็นคนจริง
ทุกข์.......เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
สุข.........เกิดได้ ตั้งอยู่ รู้ทุกสิ่ง
มิ...........ยอมให้ อารมณ์ใด ได้มาสิง
คลาย.....ปลดทิ้ง ดั่งควันบาง ที่จางไป