11 กรกฎาคม 2545 12:19 น.
jasmine
ใกล้สอบกลางภาคอีกแล้ว ใกล้ถึงฤดูการสอบแต่ละครั้งนักศึกษาก็จะหามุมสงบเงียบ เพื่อเตรียมอ่านหนังสือสอบแบบไฟลนก้น ไฟที่หอพักนักศึกษาเปิดแทบทุกห้อง ส่วนไฟห้องที่ไม่ได้เปิดเดาได้เลยว่าเจ้าของห้องคงลงมาอ่านหนังสือที่ใต้หอพัก ไม่ว่ามองไปที่ไหน ผู้คนก็ออกมาอ่านหนังสือกัน นี่แหละนะฤดูการสอบใกล้มาถึง
บางคนก็หอบเอาผ้าห่ม หมอน และเสบียงติดตัวกันมาอย่างเป็นกอบเป็นกำ แม้อากาศล่างหอพักจะหวานจนเจ็บเข่ากระดูกก็ตาม แต่ทั้งแม่ฮูก พ่อนกฮูกก็ไม่หวั่น ขนหนังสือมาอ่านขนเช้า
ไม่ว่าฤดูการสอบที่ไหนก็คงเป็นอย่างนี้
ไอ้ วิทย์ เร็วๆหน่อย เดี๋ยวโต๊ะก็เต็มหรอก ชักช้าอยู่ได้ เสียงดังของเติ้ล ที่ตะโกนอยู่นอกห้องแทบทำเอานักศึกษาบนหอพักชายที่หลับอยู่ตื่นกันทั้งหอ
เดี๋ยวๆหาชีตส์อยู่ เสียงดังเดี๋ยวคนอื่นก็ขว้างหนังสือมาหรอก วิทย์กุลีกุจอออกมาจากห้องเพราะรู้ว่าเพื่อนรออยู่นานมาก
เติ้ลและวิทย์เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 1 การสอบกลางภาคเรียนครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงอยากไปสำผัสกับการอ่านหนังสือโต้รุ่งที่รุ่นพี่พูดถึงกันนักหนา เขาเดินเตร็ดเตร่หามุมสงบเงียบ เพื่อเริ่มอ่านหนังสือ
ไปอ่านใต้อาคารเรียนรวมเถอะ ไกลดี ท่าทางจะไม่ค่อยมีคนไปอ่าน เติ้ลออกความเห็นหลังจากที่เดินหาที่อ่านหนังสือไม่ได้เนื่องจากถูกจับจองเอาไว้หมดแล้ว
เอ้ย..วันนั้นรุ่นพี่บอกว่า ที่นั่นเฮี้ยนจะตาย หาที่อื่นดีกว่าว่ะ วิทย์ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเติ้ลเพราะยังจำเรื่องผีที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังตอนมารับน้องได้ขึ้นใจ
ไม่เห็นมีอะไรเลย พี่ก็โกหกไปอย่างนั้นแหละ เชื่อก็บ้าแล้ว เติ้ลไม่ค่อยกลัวกับเรื่องที่รุ่นพี่เท่าไหร่ยังคงเดินดุ่มๆตรงไปที่อาคารเรียนรวม หรือว่า แกกลัว เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้เพื่อนเกิดทิฐิ
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้วิทย์เดินตรงไปที่อาคารเรียนรวมอย่างมุ่งมั่นราวกับว่าไม่เคยได้ยินอะไรเลยทั้งที่เคยกลัวเรื่องที่รุ่นพี่เล่าเอาไว้มาก พอถึงที่ใต้อาคารเรียนรวมไม่มีคนมาอ่านหนังสือแถวนั้นเลย บรรยากาศเงียบสงัด ชวนขนลุกยิ่งกว่าอากาศที่หนาวเหน็บของคืนนั้นเสียอีก เติ้ลวางหนังสือที่หนักอึ้ง ถึงอ่านทั้งคืนก็คงอ่านไม่หมด และเริ่มต้นอ่านหนังสือ
อาการเย็นยะเยือกเวลาที่ลมประทะ ผิวกายเหมือนมีคนเอามือมาลูบที่ผิว วิทย์พยายามตั้งใจอ่านหนังสือไม่คิดถึงเรื่องไหน เสียงลมปะทะใบไม้เหมือนแสงกรีดร้องของโหยหวน ถึงอากาศมันหนาวชวนขนลุก แต่ทว่าวิทย์ขอลุกไม่ใช่เพราะอากาศแต่เพราะบรรยากาศที่วังเวงนั่นเอง แต่ก็พยายามเก็บไม่บอกให้เพื่อนรู้
หลังจากอ่านหนังสือไปได้ไม่นานนัก วิทย์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ และปิดหนังสือที่อ่าน เติ้ลมองตามขึ้นไป
จะไปไหน อีกละ เติ้ลถามวิทย์เพื่อนที่อ่านหนังสือด้วยกัน เพราะเห็นท่าทาง
ไปห้องน้ำเดี๋ยวมา
เออ รีบไปรีบมาแล้วกัน กลับมาจะได้มาอธิบายเรื่องที่จะสอบฟังด้วย งงว่ะ
หลังจากที่วิทย์เดินออกกไป เติ้ลก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ต่อไป แต่ทันใดก็ได้กลิ่นแปลกๆ ไม่อยากคิดเลยว่ามันเป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมมากๆ จนเรียกว่าเหม็น เขาพยายามไม่คิดอะไร แต่ในใจก็ภาวนาให้เพื่อนกลับมาเสียที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หมาที่อยู่แถวนั้นถึงได้ส่งเสียงหอน โอดครวญเหมือนเห็นบางอย่าง เขาแทบไม่อยากจะมองไปรอบๆตัวเพราะกลัวจะเห็นสิ่งที่คิดเอาไว้ แต่ก็หันไปเพราะความอยากรู้ ไม่เหHนอะไร!! เขาเอามือจับบริเวณหน้าอก ถอนหายใจยาว แล้วพลันลุกไปตามเพื่อนที่หายไปเกือบ 15 นาที
ไอ้วิทย์ อยู่ไหม เติ้ลร้องถามหาเพื่อนที่หายไปนานจนผิดสังเกตไม่รู้เพราะว่าห่วงเพื่อนหรือกลัวที่จะต้องนั่นอยู่คนเดียว แต่กลับไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย ลมพัดแรงจนประตูห้องน้ำห้องแรกเปิดออก เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ
เอ้ย
เขามองเข้าไปในห้องน้ำ โชคดีที่ยังไม่เจออะไรแปลกๆ
ไอ้วิทย์ อยู่หรือป่าวโว้ย เขาชักเสียงดังขึ้นเพราะความหวาดระแวงสิ่งที่เกิดขึ้น
เสียงตอบอย่างช้าๆ ของเพื่อนเหมือนกับตัวยังอยู่มนห้องน้ำ อ.ยู่นี่เรี.ย.กทำไม
เสียงของวิทย์ยืดยาวจนเขาไม่ค่อยมั่นใจว่าเป็นเพื่อน
อยู่ไหนล่ะ ? เติ้ลพยายามหาเพื่อนตามเสียงที่ได้ยิน พลางเอามือเปิดประตูห้องน้ำทีละห้องอย่างช้า
เหลืออีก 2 ห้อง !!!
ไอ้วิทย์ เร็วจะกลับแล้วโว้ย เติ้ลไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปเพราะว่าบรรยากาศรอบข้างไม่เป็นใจ ทันใดก็มีเสียงเพลงแว่วมาเบาๆๆ ไม่รู้ว่าแมวเดินมาจากไหน เดินผ่านหน้าประตูห้องน้ำ บรรยากาศยังคงเงียบสงัด
ทำอะไรอยู่วะ เติ้ลใจคอไม่ดี อยากจะกลับไปนอนที่หอ
เดี๋ย..ว.ก่.อ..น ..กู..อ..อก.ไ.ม่..ไ ..ด้ เสียงของวิทย์ยืดยาว ช้าๆ แต่ใจของเติ้ลเต้นถี่ เหงื่อออกท่วมกาย
ทำไมมึงออกไม่ได้ เติ้ลไม่รู้ว่าถามว่าอะไร จึงพูดออกไปแบบนั้น
กู..อ..อ..ก..ไ.ม่ไ.ด้ไ..ม่..มี.ทิ..ชชู่
+++++++++++++++++++++++ ไม่มีอะไรหรอกจ้า+++++++++++++++++++++++++++++++
9 กรกฎาคม 2545 19:08 น.
jasmine
"โธ่! แม่แค่ไปเที่ยวผับ ตี2 เดี๋ยวก็กลับแล้ว" ป้อม พยายามอ้อนวอนเพื่อที่จะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ป้อมพยายามขอแม่แบบนี้หลายครั้งแล้วแต่แม่ก็ยังยืนกรานว่าไม่ให้ไปเหมือนเดิมทุกครั้ง
"จะไปได้ยังไง มันอันตรายเกิดเค้าเอาอะไรให้เรากินเราจะรู้ไหม รักหรอกนะถึงได้ห้าม" แม่พูดแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ทุกครั้งป้อมก็ไม่ค่อยชอบคำตอบแบบนี้สักเท่าไหร่
"แม่ป้อมโตแล้วนะ แม่เพื่อนเค้ายังไม่หวงลูกขนาดนี้เลย" เสียงของป้อมเริ่มดังขึ้น เหมือนเป็นการจุดชนวนให้เริ่มการทะเลาะ
"ก็เค้าไม่หวงงัย เพื่อนเรามันถึงได้ดีๆกันทั้งนั้น เดี๋ยวก็พาเราไปเสียคนจนได้" แม่เริ่มเสียงดังขึ้นถึงจะดังไม่เท่าเสียงห้าวของป้อมลูกชายคนเดียว แม่ไม่เคยตามใจป้อมเลยโดยเฉพาะเรื่องแบบนี้
ป้อมเป็นคนรักเพื่อนรักสนุก แต่ก็คงไม่ต่างอะไรไปกับเด็กวัยรุ่นทั่วไป ส่วนแม่ก็มองในมุมของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์และมองการณ์ไกลมากกว่า ความเห็นของแม่และป้อมจึงไม่ค่อยลงรอยกันนักในหลายๆเรื่อง
"ทำไมแม่ถึงว่าเพื่อนป้อมแบบนี้ล่ะ ไม่อยากอยู่บ้านแล้ว ถึงแม่ไม่ให้ไป ป้อมก็จะไป" ป้อมหยิบกุญแจรถเครื่องคันโปรดใหม่เอี่ยมที่แม่เพิ่งซื้อให้เพราะสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยได้ เสียงสตาร์ทรถ ปื้น.....ปื้น.....มันเสียดแทงเข้าไปให้หัวใจของผู้เป็นแม่ ที่ยืนพิงประตู ควันสีขาวที่ออกมาจากท่อไอเสียไม่บอกก็รู้ว่าคนขับกำลังโกรธ
"ป้อมจะไปไหน ป้อม.....ป้อม......ป้อม" แม้จะเห็นเพียงด้านหลัง เลือนลางเนื่องจากมีควันรถมากมาย แต่ก็ยังจดจำเสื้อผ้าของป้อมได้ดี แม่ทรุดตัวลงข้างๆประตูอย่างช้า ทบทวนคำพูดที่เพิ่งพูดกับลูกชาย สายตามองออกไปที่ถนนอย่างไม่มีจุดหมาย น้ำตาของแม่เอ่อล้นออกมา ทั้งที่พยายามกลั้นเอาไว้ขณะอยู่ต่อหน้าป้อม ลึกๆแล้วแม่เองก็เสียใจที่พูดแรงกับป้อมไปเหมือนกัน
ป้อมเป็นเด็กเรียนดี เพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัย เป็นที่ชื่นชมของอาจารย์ ถึงแม้ว่าพ่อของป้อมจะเสียจะเสียไป 5- 6 ปีแล้วก็ตาม ป้อมเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ค่อยสนิทกับญาตินักเพราะญาติส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ป้อมจึงสนิทกับเพื่อนมากกว่า
ด้วยความโกรธที่ประทุมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ป้อมขับรถเรื่อยๆไม่ได้มองว่าตอนนี้ขับรถเร็วเกินไปแล้ว จริงๆป้อมก็อยากกลับบ้านแต่คิดๆไปแล้วไหนๆออกมาก็น่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนซะเลย ความเร็วของรถเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น โดยที่คนขับไม่รู้เลยว่ากำลังขับรถเร็วอยู่ ป้อมถอดหมวกกันน็อคออก ปล่อยให้ลมแรงปะทะกับใบหน้า........มันก็สะใจดี
เสียงโครม.....ดังสนั่นกลางสี่แยกไฟแดง ป้อมขับรถมาไม่ทันระวังสัญญาณไฟว่าให้หยุดรถ รถของป้อมชนกับรถยนต์คันหนึ่งอย่างแรง รถของป้อม หมุนไปหลายรอบส่วนป้อมกระเด็นออกจากรถ เหมือนลอยออกไปกลางอากาศ ความรู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้มันเกิดอย่างช้า ช้า ร่างของป้อมกระเด็นไปถูกขบถนนอย่างแรง ส่วนรถยนต์คันนั้นแรงของรถเครื่องที่ชนทำให้กระบะด้านข้างยุบ แต่คนขับปลอดภัยจะมีก็แค่ศรีษะแตกนิดหน่อยเพราะคาดเข็มขัดนิรภัย คนขับรถยนต์เป็นชายกลางคนอายุประมาณแม่ของป้อมได้ คนขับรถลงมาดูอาาการของป้อม ดูอาการหนักไม่ใช่น้อย เสียงอื้ออึง ทั้งเสียงแตรรถ เสียงผู้คนมุงดู โห้มล้อม
มากมายแต่ไม่มีสักคนช่วยเหลือ มีเพียงชายกลางคนคนนั้นที่กระวีกระวาดโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวของป้อม
ลมหายใจรวยริน เหนื่อยอ่อนเพราะเสียเลือดมาก ป้อมได้ยินเพียงเสียงที่ดังข้างๆหู อยากจะลืมตาขึ้นมาแต่มันก็ยากเต็มที่ จนป้อมเลือกพยายามไป เสียงที่ดังเข้ามาเหมือนเป็นการประมวลออกมา ทั้งเสียงลมที่ประทะหน้า เสียงแตรรถ เสียงคนตะโกนวี๊ด ว๊าย แต่นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงหนึ่งที่ก้องอยู่ในหูวกไปเวียนมาเหมือนใครมาเปิดเทปเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
"จะไปได้ยังไง มันอันตรายเกิดเค้าเอาอะไรให้เรากินเราจะรู้ไหม รักหรอกนะถึงได้ห้าม"
"ป้อมจะไปไหน ป้อม.....ป้อม......ป้อม"
อยู่ป้อมก้รู้สึกตัวเบาหวิว ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ป้อมถามตัวเองถตลอดว่าที่นี่ที่ไหน แล้วป้อมก็ก็ได้คำตอบ ที่นี่เป็นผับที่ป้อมนัดกับเพื่อนเอาไว้ ป้อมเก็บความแปลกใจลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกแต่มันก็หายไปเมื่อเจอเก่ง เพื่อนของป้อมที่เรียนมัธยมปลายด้วยกัน ป้อมเดินตรงเข้าไปตั้งใจจะเล่าเรืองให้ฟัง
"เอ้ยเก่ง.....มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง สงสัยว่าตอนที่ขับรถมาคิดอะไรเพลินไปหน่อย" เสียงของป้อมเบาเหมือนเสียงกระซิบจนเก่งฟังไม่ออก
"ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วนี่หนีออกมาน่ะสิ บอกแล้วถ้าไม่หนีออกมา ไม่ได้มาหร๊อก" เหมือนเก่งจะรู้ว่าป้อมหนีออกมาจริง เพราะทุกครั้งที่ชวนออกไปเที่ยว แม่ป้อมมักจะไม่ให้ไปทุกครั้ง
ป้อมมองไปรอบๆตัวเพราะดูเหมือนทุกสิ่งฃทุกอย่างจะเป้นสิ่งที่ป้อมไม่เคยเห็น ป้อมเดินช้า ๆมองผู้คนรอบกาย จนทำให้เก่งรำคาญเพราะความช้า จึงเดินไปก่อน ป้อมยังคงมองไปรอบๆอย่างช้าๆนี่เป็นครั้งแรกที่ป้อมเข้ามาและคงเป็นครั้งสุดท้าย ป้อมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงไม่อยากให้เขามาสถานที่แบบนี้ คำพูดของแม่ดังก้องขึ้นมาในหูอีกครั้ง
" เพื่อนเรามันถึงได้ดีๆกันทั้งนั้น เดี๋ยวก็พาเราไปเสียคนจนได้"
ป้อมชักจะเชื่อคุพูดของแม่แล้วสิ นี่ถ้ากลับไปป้อมจะไปขอโทษแม่และสัญญาว่าจะไม่มาเที่ยวสถานที่แบบนี้อีก
ป้อมหยุดที่โต๊ะของเพื่อน มีคนนั่งอยู่ 3-4 คน บางคนก้รู้จัก บางคนก็ไม่รู้จัก แต่ละคนอยู่ในอาการเมา ซึงแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ไม่มีใครคุยกับป้อมเหมือนกับว่าป้อมเป็นอากาศ แม้แต่เก่งที่เพิ่งคุยกัน ก็ยังถามหาเขา ทั้งที่เขาก็ยืนอยู่ข้างๆ
ป้อมรู้จักเจ้บบริเวณหน้าอกข้างซ้ายเหมือนมีคนเอาของหนักมากด ดัง ตุ๊บ--ตุ๊บ--ป้อมไม่ได้ยินเสียงดนตรีที่ออกจะดังจนเขาแทบเอามือปิดหูตอนเดินเข้ามา ได้ยินแต่เสียง ใครไม่รู้บอกว่า
"cpr คนไข้ๆ"
"คนไข้ไม่ได้สติแล้ว"
เสียงดังวุ่นวาย ป้อมไม่ได้หูฝาดเขาได้ยินเสียงแบบนั้นชัดเจน แต่ว่ามันดังมาจากไหน?
แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ยังคงมองเห็นกลุ่มวัยรุ่นวิ่งหนีกันวุ่นวาย ตำรวจหลายนายเข้ามาตรวจผับ และจับเพื่อนของป้อมไป ป้อมก็แปลกใจที่ทำไมไม่จับเขาไปด้วย ป้อมอยู่บนโรงพัก เพื่อนของป้อมถูกนำตัวมาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ป้อมเห้นแม่ของเพื่อนร้องไห้ บางคนก็ดุด่าลูกตัวเอง ป้อมได้แต่มองดู บางทีแม่ของป้องอาจจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ได้
เหมือนมีบางอย่างดังข้างหู เสียงฝีเท้าหญิงกลางคน คนหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามาโรงพัก แม่ของป้อม!!!! ป้อมพยายามเรียก "แม่ แม่" สุดเสียงแต่ว่าเสียงป้อมก็เหมือนอยูในลำคอ ป้อมพยายามสำผัสแม่ แต่ว่ามันก็ผ่านไป ร่างกายของป้อมโปร่งแสง? แม่ไม่เห็นป้อม? ป้อมมองเห็นแม่ร้องไห้ แม่ร้องไห้ตั้งแต่ที่ป้อมออกจากบ้านแล้ว
ไม่รุ้ทำไมแม่ของป้อม ตั้งใจฟังวิทยุของตำรวจอย่างตั้งใจ เสียงพูดคุยโต้ตอบอาจจะดังไม่เท่ากับเสียงพ่อแม่ของเด็กที่ถูกจับตัวมา แต่สำหรับแม่ได้ยินอย่างชัดเจน
"ช่วยหาญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุรถชนบริเวณสี่แยกไฟแดง ที่ ไนซ์บลาซ่าเพราะไม่พบหลักฐานใดๆ เป็นผู้ชาย อายุประมาณ18 ปี ใส่เสื้อสีครีม กางเกงยีนส์ดำ ขับรถเครื่องฮอนดาสีแดง"
เหมือนเข็มนับร้อยๆปักลงที่กลางใจที่ผู้เป็นแม่ให้ร่ำไห้ปานใจแทบขาด ภาพของป้อมที่ขับรถเครื่องออกจากบ้าน หวนกลับมาชัดเจนอีกครั้ง
"รถหมายเลข กก 1234"
เป็นคำพูดที่ฟังดูโหดร้ายสำหรับแม่คนหนึ่ง หมายเลขทะเบียน กอ กอ หนึ่ง สอง สาม สี่ เป้นคำพูดที่ช้าที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมาตลอดทั้งชีวิต หัวใจของแม่ แทบแตกสลายเพราะรู้แน่นอนว่าเป็นลูกชายของตนเอง แม่พูดได้เพียงคำว่า "ป้อม ป้อม ป้อม แล้วแม่จะอยู่กับใคร ป้อม........แม่จะอยู่กับใคร" เพียงเท่านั้น ร่างของแม่ก็ทรุดลงที่พื้น แต่น้ำตายังไหลพรากออกมาเป็นสาย แทบจะเป็นสายเลือดเหมือนใจจะขาดอยู่รอนรอน ตำรวจที่อยู่ข้างช่วยกันพยุงขึ้นมา ป้อมอยากจะเข้าไปช่วยแม่ แต่ว่าก็ไม่สามารถจะสำผัส ป้อมอยกาจะกอดแม่ อยากบอกว่ากับแม่ว่ารักแม่ที่สุด เขายังไม่ได้บิกว่ารักแม่เลย ยังไม่ได้สัญญากับแม่ว่าจะไม่ไปเที่ยวผับอีกแล้ว ยังไม่ได้ไปเรียนเหมือนที่แม่ตั้งใจเอาไว้ คำพูดของแม่ดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง
"ป้อมจะไปไหน ป้อม.....ป้อม......ป้อม"
ร่างของป้อมเบา เบา เบา เหมือนจะลอยไปไหนสักที่ ถึงเวลาของป้อมแล้ว เขาถูกดึงตัวห่างออกไป แต่ยังจำภาพของแม่ได้ติดตา เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ทำไมแม่ถึงห้ามเขานัก แต่มันก็สายเกินไป.....เสียแล้ว
---อุ่นใดๆโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอกโอ้มแขนอ้อมกอดแม่ประคอง รักเจ้าจึงผูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใยไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน--