30 มีนาคม 2547 19:58 น.

10 นิสัยที่ไม่ควรเอามาใช้กับคนรัก

jackzerz

แต่เมื่ออยู่กันไปนานๆ ความเป็นตัวของตัวเอง กับความเคยชิน ก็เลยทำอะไรบางอย่าง ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะรับไม่ได้ จนถึงขั้นต้องบอกเลิกรากันไป ดังนั้น วันนี้  จะขอบอกเล่าเก้าสิบ เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้คนรัก ต้องเลิกรามากที่สุด เพราะนิสัยเหล่านี้ ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง 

1. เอาแต่ใจตัวเอง 
เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่ทุกคนต้องเอาแต่ใจตัวเองกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าใครจะเอาใจตัวเองมาก หรือน้อยเท่านั้นเอง บางคนคิดว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองน้อย แต่ความจริงแล้วมากเนี่ย ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย 

2. ทำตัวเป็นเจ้าของมากเกินไป 
การที่คุณแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าคุณกับเขาเป็นแฟนกันเนี่ย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่บางครั้งคุณอาจแสดงความเป็นเจ้าของเขาในลักษณะที่เป็นเงาตามตัวกันเลย เช่น ไปไหนไปด้วย ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ โดยไม่ให้เขามีเวลาส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว ก็อาจเป็นปัญหาได้เหมือนกัน 

3. หึงแบบไร้ขีดจำกัด 
คงจะห้ามกันได้ยาก เรื่องความหึงเนี่ย แต่ต้องมีลิมิตกันบ้างนะ ไม่ใช่ว่าเพื่อนคุยด้วยก็ยังหน้ามืดตามัว หึงขนาดนั้น คงจะไม่ไหว บางคนเข้าขั้นโทรเช็คตลอดเวลา อันนี้น่าเป็นห่วงมาก

4. บอกเลิกทุกครั้งที่ทะเลาะ 
ส่วนใหญ่จะเกิดจากฝ่ายหญิงซะมากกว่า จริงๆ แล้วก็พูดแค่อยากให้เขามาง้อเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลในช่วงแรกเท่านั้น  แต่หลังๆ ล่ะก็ เอ้า.. อยากเลิกดีนัก เลิกเลยดีกว่า น้ำตาเช็ดหัวเข่า 

5. ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น 
ถือได้ว่าคุณไม่ได้ให้เกียรติคนที่คุณรักเลย ซึ่งทุกคนก็ย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง บางครั้งอาจทำ เพื่อให้อีกฝ่ายหึงเล่นๆ เป็นการคอนเฟิร์มว่าคุณเองก็มีค่าสำหรับพวกเขา แต่ต้องระวังนะ เพราะมองอีกมุม คือคุณไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเลย และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันไปทำไม 

6. เชื่อเพื่อนมากเกินไป 
บางครั้งเพื่อนก็ไม่อยากให้คุณมีแฟน ซึ่งก็โทษไม่ได้อีกนั่นแหล่ะค เพราะจากที่เคยเจอกัน ทานข้าวด้วยกันทุกวัน ก็กลับกลายเป็นว่าคุณไปตัวติดกับแฟนแทน หรืออาจจะด้วยความหวังดีมากเกินไป ก็เลยคิดแทนคุณไปหมด ว่าแฟนคุณดีพอสำหรับคุณหรือเปล่า 

7. โกรธแล้วไม่พูดด้วย 
เป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักเลิกรากันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า หรือบางทีเรื่องที่โกรธอาจมาจากความเข้าใจผิด แล้วไม่พูดกัน ก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ 

8. นัดแล้วไม่เป็นนัด 
การเลื่อนนัด ประเภท เลื่อนแล้วเลื่อนอีก หรือว่ามาเลทแบบ นัดเช้ามาบ่าย นัดบ่ายมาเย็น อาการแบบนี้เนี่ย บางคนเขารอบ่อยๆ รอไปรอมา เลิกรอตลอดไปเลยก็มีนะ 

9. พูดจาข่มกันต่อหน้าคนอื่น 
อาจจะเพียงแค่อำกันเล่น แต่บางคนอำกันแรงเกินไป อาจจะเกิดการทะเลาะกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุเล็กๆ ที่จะนำไปสู่ความบานปลายได้ 

10. โกหก 
บางคนโกหกเป็นนิสัย ทั้งที่บางทีไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจก็คงไม่เป็นไร แต่ขอบอกว่าเรื่องอย่างนี้ น้อยคนนัก ถึงจะยอมเข้าใจ				
12 มีนาคม 2547 13:34 น.

สำหรับคำว่า..."เพื่อน"

jackzerz

บางคนนึกเจอกันนึกชอบ คุยต่อไปชักนึกรัก บางคนเจอกันนึกรัก คุยไปชักไม่ชอบขึ้นมาเฉยๆ" 

ถ้าเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน เราได้เพื่อนมาหนึ่งคน เราเริ่มได้รู้จักชีวิต วิธีคิดอีกแบบหนึ่ง เรามีเบอร์โทรศัพท์ ที่จะโทรไปหาได้อีกหนึ่งเบอร์งค มีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้เพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง เราอาจได้พบเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต เราอาจได้เจอคนรักที่ดีที่สุดในชีวิต เราอาจเสียใจที่สุดชีวิต แล้วเราได้รับรู้วิธีรับมือกับชีวิตในช่วงที่อ่อนแอที่สุด. 

เราไม่เสียดายเวลา เพราะอย่างน้อยฉันไม่มีคนรักอย่างเธอ แต่ฉันก็ยังมีเพื่อนอย่างเธอ 

ถ้าฉันจะไม่เป็นเพื่อนเธอ ฉันเป็นได้อย่างเดียวคือคนรัก... เธออาจจะได้คนรักมาหนึ่งคน เราอาจจะมีเบอร์โทรศัพท์ที่ให้โทรหาอีกหนึ่งเบอร์ แต่ส่วนใหญ่รอเธอโทรมาหาดีกว่าโทรไปเขาก่อน 

เรามีเพื่อนกลุ่มเดิม ที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องเธออ เราอาจได้รู้แต่เรื่องที่เธออยากบอก โอกาสน้อยมากที่จะรู้ในเรื่องที่เธออยากบ่น เราอาจเสียใจมากที่สุดในชีวิต เราอาจเสียดายเวลาที่เราคบกัน ถ้ารู้อย่างนี้เอาเวลาไปเรียนรู้คนอื่นดีกว่า 

ถ้าวันไหนโลกเล่นตลก..นรกแกล้ง อยู่ไปอยู่มาเกิดรักเพื่อนสนิทขึ้นมา มันก็แย่ไปอีกแบบ รักไปรู้สึกผิดไป... ดูเหมือนผิดจรรยาบรรณของเพื่อน 

ทำยังไงดี.....ไม่สิ.....ต้องบอกว่าทำยังไงได้ กลัวเสียใจ..น้อยกว่ากลัวเสียเพื่อน 

กลัวเพื่อนไม่รักตอบ..น้อยกว่ากลัวเพื่อนเลิกคบ 

กลัวเพื่อนรู้จากปากเรา..น้อยกว่ากลัวเพื่อนรู้จากคนอื่น ความลับ..ถ้าบอกก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แต่ความรัก..ถ้าบอกออกไปก็ยังเป็นความรักอยู่ดี 

เราจะไม่เสียดายเวลาสักนาทีที่เป็นเพื่อนกัน รู้จักเพื่อนใหม่ๆในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เราจะมีวันพิเศษเพิ่มขึ้นในปฏิทินอีกหนึ่งวัน อย่างน้อยก็วันเกิดของเพื่อนเรานั้นแหละ 

โกรธทำไมหรือ ถ้าเพื่อนคนหนึ่งจะรักเรามากกว่านั้น เพราะอย่างน้อยเธอจะเป็นอีกคนที่ไม่ทำร้ายกัน ไม่มีใครอยากได้ความรักจากเธอ เพียงเพราะฉันเป็นคนที่เธอ "ควรรัก" แต่ฉันอยากได้ความรัก เพราะฉันเป็นคนที่เธอรัก...ทั้งที่ไม่ควรมากกว่า ฉันรักเธอ...เธอไม่รักฉัน 

มันเศร้าน้อยกว่าความรู้สึกดีๆของฉันที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ๆ 

"ดูแลตัวเธอให้มีความสุขมากที่สุด สมกับที่ได้รับความรักจากเพื่อนคนหนึ่ง.....ก็ดีใจที่สุดแล้ว.....				
11 มีนาคม 2547 22:48 น.

อักษรพาเพลิน

jackzerz

ก.ไก่ - ฮ.นกฮูก 

อก - ในวัยรุ่นมักจะเปราะบางหักบ่อย ๆ

รัก - ไข้ใจชนิดหนึ่ง มีอาการหลากหลาย

แห้ว - อาหารเสริมของคนอกหัก

ระกำ - อาหารหลักสำหรับคนช้ำใจ

น้ำตา - สุขหรือเศร้าก็มีเขาเป็นเพื่อนแท้

สุรา - ยาแก้โรคตับอ่อน กินแล้วตับแข็งแรง

เรื่องใหญ่ - เรื่องของ kuu

เรื่องเล็ก - เรื่องของ มึ_

เสือก - ความหวังดีที่ผิดกาลเทศะไม่มีใครต้องการ

สอด - เป็นชื่อปลาจะน่ารัก ถ้าเป็นกริยาจะน่าถีบ

ลาว - "คนอ่าน"

วิสามัญ - กรณีที่ตำรวจทำปืนลั่นใส่ผู้ร้าย

ดอกเบี้ย - ดอกไม้ที่ไม่เคยโรยรา

ทอง - สูงค่า แต่จะต่ำหากนำหน้าด้วย "ดอก"

ปาก - บ้างมีไว้พูดบ้างมีไว้ถากถาง

เท้า - ไว้ใส่ปากที่ชอบถากถาง

กระเทย - เธอทำได้เช่นผู้หญิงทุกอย่าง ยกเว้นออกลูก

ป่า - มีน้อยลงทุกวัน แต่ป่าเดียวกันเริ่มมีมากขึ้น

แรด - ในป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ ในเมืองกลับเกลื่อน

เอี้ย - วิ่งพล่านยามมีคนโกรธ

งู - สัตว์ชนิดหนึ่งพ่อเฒ่านิยมเลี้ยงไว้ตามศรีษะ

เท้ากา - เท้าสัตว์ที่คุณผู้หญิงไม่ปารถนา (คำไม่สุภาพเค้าไม่ให้พิมพ์ ..เท้ากา 55)

ตำราเรียน - สิ่งที่ใช้หนุนหัวแทนหมอนยามใกล้สอบ

ปริญญา - สิ่งที่สังคมไทยใช้วัดค่าของคน

เพจเจอร์ - เสียงประหลาดที่ก่อกวนยามดูหนัง

โทรฯมือถือ - เครื่องประดับที่วัยรุ่นมีไว้โชว์ว่าข้ารวย

ขยะ - แยกประเภทแล้ว Recycle กลับมาใช้ใหม่ได้

ขยะสังคม - ไม่ควร Recycle กลับมาใช้อีก อันตราย				
11 มีนาคม 2547 22:47 น.

ความจริง การรอ และน้ำตาแม่

jackzerz

บางครั้งการยอมรับความจริงก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวด 
แต่นั่นก็คือลักษณะของความเป็นจริง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 
เรามีแต่ต้องเผชิญมัน แก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ ไป 
และก็ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น 
มีบ้างบางครั้งเราอาจจะแก้ปัญหาโดยการวิ่งหนีความจริง ปิดใจไม่ยอมรับมัน 
จริงอยู่เราอาจหลีกหนีความจริงได้เพียงชั่วคราว อาจหนีได้เพียงตอนนี้ วันนี้ 
หรือพรุ่งนี้ แต่รับรองไม่มีใครสามารถหนีความจริงได้โดยตลอดเด็ดขาด 
แม้แต่คนที่ใช้คาถาที่ขลังที่สุดของอาจารย์โกย ก็ไม่สามารถหลบความจริงได้พ้น 

มีคนเคยบอกกับผมว่า 
ในชีวิตหนึ่งของเราอาจจะประสบกับความผิดหวังมากกว่าความสมหวัง 
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะใช่ว่าทุกคนจะดีพร้อมเสมอไป 
ที่สำคัญคือไม่ว่าเราจะผิดหวังมาสักกี่ครั้ง ล้มลงไปสักกี่ครา 
เราต้องสามารถลุกขึ้นยืนให้ได้ด้วยตัวเองทุกครั้ง  
ไม่มีใครสามารถจะช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง ในพุทธสุภาษิตก็มีบอกไว้ว่า 
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน 

สำหรับตัวผมเองแล้ว ถือว่ายังโชคดีที่ประสบกับความผิดหวังมาไม่มากนัก 
สาเหตุที่สำคัญอาจเป็นเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าอีกหลายๆ คน 
แต่เมื่อปลายปีก่อนผมกลับต้องผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเสียใจอย่างมากเป็นครั้งแรกในชีวิต 
ในด้านของความรักแล้ว อาจบอกได้ว่าผมเป็นผู้แพ้ เป็นคนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง 

True Love is like ghost, everybody talks about it, but few actually have 
seen it. 

ผมเคยตั้งคำถามให้ตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งไม่แน่ว่าในชีวิตจะได้คำตอบ 

เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไป 
หวังว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น :):):)ที่ผ่านมาผมให้ความสำคัญกับคนๆ 
เดียวมากเกินไป เลยทำให้ผมไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้างเท่าที่ควร 
โดยเฉพาะกับคนที่รู้จักผมมาตลอดชีวิต 
ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะจะนึกถึงคนเหล่านั้นก่อนเสมอ 

ในวันนั้นผมนั่งรอเธอที่ lobby ของโรงแรมตั้งแต่ หกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน 
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะกลับมา ทั้งๆ 
ที่ผมก็บอกกับเธอทางโทรศัพท์แล้วว่าจะมารอพบ 
ผมนั่งรอด้วยความกระวนกระวายและคอยมองดูนาฬิกาทุกๆ 5 นาที เวลา 5 
นาทีในตอนนั้นเหมือนกับ 5 ชั่วโมงมากกว่า 

หากมีสิ่งที่ทำให้คุณไม่สามารถตัดสินใจได้ ทำให้คุณกระวนกระวายใจมากที่สุด 
สิ่งนั้นคือการ รอ เพราะการรอทำให้คุณรู้สึกว่า คุณจะหยุดก็ใช่ที่ 
ไม่หยุดก็ใช่ที่ ในใจของคุณคิดอยากจะรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิด 
ไม่ว่าจะในทางร้ายก็ดี ในทางดีก็ดี คุณอยากจะรู้ผลลัพธ์โดยเร็ว 
แต่ที่ผมทำได้ในขณะนั้นคือรอเธอ รอเธอเป็นเวลา 6 ชั่วโมงเต็ม หากนับเวลา 2 
ปีที่เราไม่ได้พบหน้ากัน ผมรอเธอมาเป็นเวลากว่า 17,520 ชั่วโมงแล้ว 

ในชีวิตของเราจะสามารถรอได้เป็นเวลา 17,520 ชั่วโมงสักกี่ครั้ง 

ในคืนนั้นผมรอเธอจนถึงเที่ยงคืน ในใจไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น 
คิดแต่ว่าเพียงอยากได้พูดคุยกับเธอสักครั้ง เห็นหน้าเธออีกสักครั้งเท่านั้น 
ทุกครั้งที่ลิฟท์มาหยุดลงที่ชั้น 12 
ผมหวังว่าคนที่เดินออกมาจากลิฟท์ทุกครั้งจะเป็นเธอ 
ผมยังจำได้ในวันนั้นมีลิฟท์ขึ้นมาชั้น 12 เป็นจำนวน 28 ครั้ง ลิฟท์ลงจากชั้น 
12 เป็นจำนวน 16 ครั้ง 

12.05 a.m. คนที่ผมเห็นเดินออกมาจากลิฟท์ในครั้งนั้นก็ยังไม่ใช่เธออยู่ดี 
แต่เป็นผู้หญิงสองคน คนนึงเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ท่าทางใจดี เวลาที่เธอยิ้ม 
หากสังเกตุดีๆ คุณจะเห็นรอยยิ้มจากดวงตาของเธอก่อน 
แต่ที่ให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้คน คือรอยยิ้มที่จริงใจของเธอ 
รอยยิ้มของผมก็ได้มาจากเธอนี่เอง เพราะเธอคนนี้คือแม่ของผม แม้ว่าเวลายิ้ม 
รอยยิ้มของผมอาจไม่น่าดูเท่าเธอ 
แต่ความจริงใจที่แสดงออกทางรอยยิ้มเป็นสิ่งผมไม่ได้เสแสร้งเด็ดขาด 
ผู้หญิงอีกคนสูงกว่าเธอประมาณหนึ่งช่วงศรีษระ ผมยาวตาโต 
ลักษณะตรงกับผู้ชายทุกคนชื่นชอบ เธอคนนี้ก็คือน้องสาวของผม 
เธอเดินคล้องแขนแม่ของเธอออกจากลิฟท์ 
ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนกับทำของสำคัญอะไรสักอย่างหายไป 

ขณะที่ผมเห็นเธอสองคนผมก็รู้สึกแปลกใจเพราะผมไม่ได้บอกคนทางบ้านว่าจะไปหาใครที่ไหน 
แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกดีใจ 
รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างประหลาดที่ได้พบกับแม่และน้องสาวในเวลาที่ผมรู้สึกท้อแท้ที่สุด 
รู้สึกเสียใจที่สุด 

เจอเค้ารึยังลูก แล้วมารอตั้งแต่เมื่อไหร่ 
ทำไมไม่โทรไปบอกแม่บ้างปล่อยให้แม่เป็นห่วง 

ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี และไม่รู้ว่าจะตอบดีรึเปล่า 
ความรู้สึกของผมตอนนั้นแย่จริงๆ ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะตอบคำถามใคร 
ไม่อยากจะขยับไปไหนทั้งสิ้น 

แม่ของผมเดินข้ามานั่งบนโซฟาทางด้านขวามือ 
ส่วนน้องสาวของผมก็เดินไปที่ห้องของเธอคนนั้นเพื่อเช็คดูว่าเธอกลับมารึยัง 
หลังจากนั้นเธอก็เดินมานั่งที่โซฟาข้างซ้ายมือของผมพร้อมกับพูดว่า 

เค้ายังไม่กลับมาเลยพี่หนุ่มจะรอต่อไปมั๊ย 

ผมเพียงแค่พยักหน้าอย่างเลื่อนลอยเป็นคำตอบ 

ผมก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ 
และไม่รู้ว่าแม่กุมมือของผมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 
ศรีษระของน้องสาวโน้มลงมาพิงไหล่ของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ 
ในตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าการนั่งของเรา 3 คนจะมีลักษณะเป็นอย่างไร 
แต่หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ 
คงเป็นแม่ของผมท่านเป็นเสาหลักเสาใหญ่ที่คอยค้ำเสาที่เล็กกว่าอีกสองต้นที่โน้มเอียงลงมา 

ในที่สุดก็เป็นผมที่ทำลายความเงียบ ผมบอกกับเธอทั้งสองคนว่า 
แม่เรากลับกันเถอะ คืนนี้เค้าคงไม่กลับมาแล้ว 

ไม่เป็นไรหรอกลูก ไหนๆ ก็รอมาตั้งนานแล้ว รอต่อไปอีกสักหน่อยจะเป็นไร 
ไม่แน่เค้าอาจกำลังกลับมา 

จากนั้นทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมร้องไห้แล้ว 
ตลอดเวลาที่ผมเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายเข้มแข็ง กลับต้องหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว 
เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เพื่อผู้หญิง ความเหงา ความคิดถึง ความผิดหวัง 
การรอคอยตลอดเวลา 4 ปี 
คล้ายกับได้ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับการหลั่งน้ำตาในครั้งนี้ 

ผมพูดกับเธอทั้งสองพร้อมน้ำตาว่า แม่เรากลับกันเถอะ กลับบ้านของเรากันเถอะ 
เค้าไม่เหมือนเดิมแล้ว เค้าไม่ได้รักหนุ่มอีกแล้ว 

แม่หนุ่มเจ็บเหลือเกิน หนุ่มเจ็บมากจริงๆ 

แม่รู้จ๊ะ แม่รู้ 

ตอนนั้นผมคล้ายกับรู้สึกว่าแม่ผมท่านกุมมือของผมแน่นกว่าเดิม 
เหมือนดั่งหวาดกลัวว่าผมจะหนีจากท่านไป 
น้องสาวของผมเหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรกับผมแต่ก็ไม่ได้พูด 

หลังจากนั้นเราทั้งสามคนแม่ลูกไม่ได้พูดอะไรกันอีกสักพักใหญ่ 
แต่ในตอนนั้นผู้รู้สึกว่าแขนเสื้อข้างซ้ายของผมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของน้องสาว 
ผมยังได้ยินเสียงเธอสะอื้นเบาๆ 
เธอคล้ายกับพยายามจะบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้เพราะกลัวผมเสียใจมากไปกว่าเดิม 
ส่วนแม่ของผมท่านยังกุมมือของผมอยู่ 
แต่มือของท่านก็เปียกไปด้วยน้ำตาของท่านเช่นกันที่เห็นลูกชายของท่านเสียใจมากมายถึงเพียงนั้น 
ท้อแท้และผิดหวังถึงเพียงนั้น 

ในตอนนั้นผมอยากจะออกไปจาก lobby แห่งนั้นโดยเร็วที่สุด ผมรู้สึกโกรธตัวเอง 
สมเพชตัวเอง ที่ทำให้แม่ร้องไห้ 
ความเสียใจที่เห็นน้ำตาแม่ในวินาทีนั้นยังมีมากยิ่งกว่าความรู้สึกที่สูญเสียคนรักไปหลายเท่านัก 

ผมพยายามดึงตัวเองขึ้นจากโซฟา ในขณะที่ลุกขึ้นมานั้นผมอาจจะดึงตัวเองจาก 
โซ่พันธนาการ ที่มองไม่เห็น เป็นโซ่ที่ผมคล้องตัวเองไว้กับคนๆ 
เดียวเป็นเวลากว่า 8 ปี ผมพาแม่และน้องออกไปจากโรงแรมแห่งนั้น 
ผมพยายามเตือนสติตัวเองว่า ผมจะต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น 
ต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีเธอคนนั้นให้ได้ 
และนับแต่นี้ไปผมจะไม่ทำให้คนรอบข้าง คนที่ผมมองข้ามความสำคัญของพวกเค้าไป 
ไม่ทำให้พวกเค้าเสียใจอีก 

คนเราไม่ว่าจะเสียใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือคิดไม่ตกนานแค่ไหน 
ต้องมีเวลาที่ทำใจได้ ต้องมีเวลาหนึ่งที่ทำให้เรา พลันได้คิด 
ช่วงเวลาที่ทำให้ผม พลันได้คิด ก็คือตอนที่ผมเห็นน้ำตาแม่นั่นเอง 

ผมต้องใช้เวลากว่าครึ่งปี จึงสามารถทำใจให้สงบลงได้ 
สามารถปลดปล่อยตัวเองจากโซ่พันธนาการเส้นนั้นได้จริงๆ 

"I dropped a tear in the ocean... when they find it I"ll stop loving you..."				
11 มีนาคม 2547 22:34 น.

โรคคิดถึง

jackzerz

โรคนี้จะเกิดกับคนที่อ่อนแอทางจิตใจขั้นรุนแรง

อาการเบื้องต้นของโรคนี้เริ่มจากเชื้อพาหะจะเข้ามาใกล้ 
สร้างความสนิทสนมกันตามประสาคนรู้จัก 

แต่จะส่งผลถึงคลื่นไฟฟ้าในสมอง 
ซึ่งจะแปรเปลี่ยนคลื่นความถี่จากความรู้สึกธรรมดาฉันท์เพื่อน พี่ น้อง 
ให้เป็นตามที่ใจตนเองต้องการ 

ต่อจากนั้น เมื่อเชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว 
จะกระจายตัวอย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาอันสั้น 

ซึ่งจะแปรตามความสัมพันธ์ที่มีมากหรือน้อยระหว่างผู้รับเชื้อกับผู้แพร่เชื้อ 
ยิ่งมีมาก เชื้อก็จะยิ่งแพร่กระจายได้ไกล 

โดยที่สภาพอากาศมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ด้วย 

ฤดูฝน มีคนโทรมาห่วงว่ากลัวจะเป็นหวัด : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 30% 
ฤดูหนาว มีคนสัมผัสมือแก้หนาว : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 70% 
ฤดูร้อน มีคนชวนไปเที่ยวทะเล : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 25% 

อาการของโรคนี้ โดยมากแล้วจะเริ่มจากการคิดเข้าข้างตัวเอง 
จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอ่อนแอทางจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ 

จะส่งผลกระทบต่อไปถึงชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นสายเพราะมัวคุย 

ทางองค์การอนามัยโลก 
จัดให้เป็นโรคที่อันตรายอีกโรคหนึ่ง 

เพราะได้มีผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ติดเชื้อเอง 
ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ผลการวิจัยของสถาบันการแพทย์ชั้นนำ 
ได้ข้อสรุปตรงกันว่า โรคแพ้ความใกล้ชิดนั้น 

อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับตัวผู้รับเชื้อเอง 
หากเกิดอาการอ่อนแอทางจิตใจยิ่งมีมากเท่าไหร่ 

อาการของโรคนี้ก็จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น 

ผลกระทบจากโรคนี้คือ 
เมื่อเชื้อโรคได้แพร่เข้าสู่หัวใจโดยทางเส้นเลือดนั้น 
จะทำให้เกิดอาการท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง โทษตัวเอง น้อยใจชีวิต 

ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถที่จะหาวัคซีนป้องกันได้ 
เพราะเนื่องจากเชื้อนี้เป็นไวรัส ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ 

ทำให้โรคนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นๆ หายๆ 
ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นอีกเมื่อไหร่ และจะหายเมื่อไหร่ 

ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้นว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด 
แพทย์หลายท่านระบุว่า " เวลา" 
จะเป็นยารักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด :P 
========================================
ไม่มีเอกสารอ้างอิง แต่ ที่กล่าวมา เป็น จิง เกือบทั้งหมดเลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟjackzerz
Lovings  jackzerz เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟjackzerz
Lovings  jackzerz เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟjackzerz
Lovings  jackzerz เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงjackzerz