22 ตุลาคม 2549 09:54 น.

คำสอนพ่อ

invisble

หลายปีผ่านไป  ฉันนั่งคิดย้อนกลับไปในวันวาน  วันที่ฉันเคยมีครอบครัวที่สมบูรณ์  พร้อมหน้าพ่อและแม่  ช่วงนั้นชีวิตไม่ได้สุขสบายอะไรมากมาย  ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย  แต่ความสุขในครอบครัวนี่สิที่ฉันภูมิใจ  แต่แล้ววันหนึ่ง  หัวหน้าครอบครัวของฉันก็เกิดอุบัติเหตุตกจากหลังคาบ้าน  หมอวินิจฉัยแล้วว่า  กระดูสันหลังช่วงรอยต่อแตกร้าว  ไม่สามารถเดินได้  หากต้องการรักษาให้เดินได้  ต้องใช้เงินประมาณ  2  แสนบาทในการผ่าตัดเพื่อเอาเหล็กเข้าไปดามกระดูกไว้  ในช่วงนั้นอย่าว่าแต่เงินแสนเลย  เงินพันก็หาอย่างยากลำบาก  พ่อฉันจึงต้องนอนอยู่อย่างนั้น  ฉันและแม่จะต้องคอยเปลี่ยนเวรกันดูพ่อ  ก่อนที่ฉันจะไปทำงานในตอนเช้าฉันจะต้องดูแลเรื่องอาหารการกินของท่านก่อน  และคอยดูแลเวลาพ่อขับถ่ายให้เรียบร้อย  ส่วนพักเที่ยงฉันก็ต้องรีบขับรถกลับมาดูแลท่าน  ช่วงเย็นก่อนไปเรียนฉันก็จะต้องรีบกลับมาดูแลท่านและรีบไปเรียน  ส่วนกลางคืนแม่ฉันจะเป็นคนคอยเฝ้าพ่อ  เป็นอยู่อย่างนี้จนปีที่ 4 เป็นปีสุดท้ายที่ฉันเรียนจบปริญญาตรี ภาค กศ.ปช. ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2  ช่วงนี้มันเป็นช่วงที่ฉันออกจากงานเพื่อมาเฝ้าไข้พ่อ  เราคุยกันหลายเรื่อง
ป๊าจ๋า  ป๊าต้องหายนะ  หนูขอเวลาทำงาน 2 ปี เพื่อนำเงินมารักษาป๊า แล้วจะใช้หนี้สินให้หมด
  หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันนะ  ไปเที่ยวไหนดีนะป๊า
ไปทะเลกันดีกว่านะ  เราไปกัน 3 คนพ่อแม่ลูก   ฉันพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อหวังให้พ่อของฉันสบายใจ
ท่านยิ้ม  แล้วเอามือลูบศีรษะฉัน  และพูดด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน
ป๊าอยากให้ลูกจำไว้นะ  จริงอยู่ลูกเกิดมาเป็นหญิง  แต่ลูกสาวของป๊าเป็นคนที่มีความอดทน ฉลาด รู้คุณคน
ป๊าอยากให้หนูสามารถทำงานได้ทุกอย่าง หนักเอาเบาสู้  อย่าท้อกับชีวิต  ทำงานที่สุจริต  อย่าไปเบียดเบียนใคร
และที่สำคัญอย่าคิดพึ่งพาใคร  อย่าคิดว่าเกิดเป็นหญิงพอแต่งงานมีสามีไปแล้ว  เค้าจะเลี้ยงเรา  ถ้าเราเกิดไปได้กับคนที่ไม่เอาไหนขึ้นมา  เราจะลำบาก

นี่คือคำที่พ่อฉันเคยสอนไว้ 
วันเวลาผ่านมาได้อีกไม่กี่เดือนหลังจากฉันเรียนจบ  พ่อฉันอาเจียนเป็นเลือด  ขับถ่ายเป็นเลือด  ฉันต้องรีบนำท่านส่ง  รพ. ประจำจังหวัดโดยด่วน  และฉันขอร้องให้ทางคณะแพทย์ตรวจให้ละเอียดว่าท่านเป็นอะไร  ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้  ฉันบอกกับทางคณะแพทย์ว่าฉันจะไม่ใช้สิทธิ์ในการรักษาของบัตร  30  บาท  ฉันยอมหาเงินสดมาจ่ายให้  แต่ขอเพียงตรวจเช็คให้ละเอียดเท่านั้น
ผลสรุปจากการที่พ่อฉันต้องกินยาแก้อักเสบ  และยารักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกมานาน  ทำให้ตับทำงานหนักจนกลายเป็นมะเร็งตับไปโดยปริยาย  แถมพ่วงโรคมาอีก คือ  ลำไส้อ่อนโป่งพอง  ลำไส้ใหญ่และกระเพาะอักเสบอย่างรุนแรงจนเป็นแผลเหวอะ  เกร็ดเลือดต่ำมาก  ทางคณะแพทย์บอกต่อหน้าฉันและพ่อของฉันว่า  
ตอนนี้คนไข้อยู่ได้ก็เพียงเพราะ  เลือดกับน้ำเกลือที่ให้  เพราะตอนนี้ตับทำงานไม่ได้แล้ว  กระเพาะก็ไม่สามารถรับอาหารได้

พ่อของฉันได้ฟังดังนั้นท่านก็ขอร้องให้ฉันพากลับบ้าน  ท่านพูดเพียงว่า  
พาป๊ากลับบ้านเถอะลูก ถ้าตาย  ป๊าขอไปตายอยู่ที่บ้านของเรา ป๊าขออยู่บ้านสัก 5 วัน  นะลูกนะ ถ้ารักป๊า ทำตามที่ป๊าขอนะลูก
ฉันทำตามที่พ่อฉันต้องการ  ท่านกลับมาอยู่บ้าน  ท่านอยากกินอะไร  ฉันยอมให้ท่านกินหมดทุกอย่าง  ท่านคุยเก่ง  ท่านขอร้องให้ตัดผม  โกนหนวดเคราให้  ช่วงเวลาที่ท่านอยู่บ้านท่านเริ่มไม่มีความรู้สึกจากปลายเท้ามาเรื่อยๆ  จนถึงท้อง   และแล้วเวลาที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงได้รวดเร็วขนาดนั้นมันก็มาถึงจนได้ เป็นวันที่ 5 ที่พ่อฉันกลับมาอยู่บ้าน
ในคืนวันพุธที่  14  สิงหาคม  2545  เวลาประมาณ  23.10 น.  อยู่ๆ พ่อฉันหันหน้าไปทางประตูบ้าน  สุนัขก็หอนกันโหยหวน  แล้วพ่อก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า  ไปก่อน  เดี๋ยวตามไป  และท่านก็หันมาบอกฉันว่า
ป๊าหิวน้ำ  ออกร้อนข้างใน  ขอน้ำกินหน่อย  ท่านพูดออกมาด้วยความยากลำบาก
แม่ฉันได้เอาน้ำให้พ่อดื่ม  แต่แล้วตาของท่านก็ค้าง  ลิ้นแข็งทื่อ  ฉันรู้ในวินาทีนั้นเองว่านี่คงเป็นนาทีสุดท้ายของพ่อ  แม่ฉันใส่เสื้อผ้าให้พ่อ  ให้พ่อกำเงินไว้  แล้วบอกว่า
พี่  พี่ห่วงลูกหรอ
พ่อฉันพยักหน้าแล้วครางออกมาจากในลำคอว่า   อืมมมมมมมมมมมมม
พี่ ไม่ต้องห่วงนะ  ฉันจะดูแลลูกของเราเอง  หนี้สินพี่ก็ไม่ต้องห่วง  ฉันกับลูกจะช่วยกันใช้
พี่รำลึกถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ไว้นะ
พ่อฉันก็พยักหน้าอีก  ฉันร้องไห้  กอดพ่อไว้  
ป๊าจ๋า  ป๊าอย่าทิ้งหนูไปนะ
พ่อฉันพยายามที่จะหันหน้ามาหาฉัน  น้ำตาไหล  
ป๊าจ๋า  ป๊าอย่าร้องไห้นะ หนูรักป๊านะ
ท่านก็ครางรับ   อือออออออออออออออออ
แม่ฉันเอามือไปปิดตาพ่อฉัน  แล้วลมหายใจก็เริ่มแผ่วลงจนสิ้นไป
ฉันนอนกอดศพพ่อจนรุ่งเช้า  
..
เมื่อก่อนตอนมีพ่ออยู่  แม้ท่านไม่สามารถช่วยอะไรได้  แต่ท่านก็ยังเป็นกำลังใจให้ฉัน  เหนื่อยจากการงานการเรียน พอมาเห็นหน้าท่าน  ฉันก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  คิดแค่ว่าฉันต้องสู้เพื่อพ่อของฉัน  แต่ตอนนี้เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด  ก็ไม่สามารถเห็นท่านมานอนให้กำลังใจฉันได้  มีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้น

มาถึงวันนี้ฉันมีพร้อมหมดทุกอย่างด้วยความมานะพยายาม  มีกิจการเป็นของตัวเอง  หนีสิ้นที่มีฉันใช้จนหมด แม่ฉันไม่ได้ลำบากแล้ว  แต่ทำไม ทำไมในตอนนั้น  ตอนที่พ่อฉันป่วยฉันไม่สามารถหาเงินมารักษาพ่อฉันได้  ฉันไม่สามารถทำตามความฝันของฉันได้  ฉันไม่สามารถพาพ่อของฉันไปเที่ยวทะเลด้วยกันได้  ฉันเสียใจเหลือเกิน...
.
ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะคำสอนของท่าน
ป๊าอยากให้ลูกจำไว้นะ  จริงอยู่ลูกเกิดมาเป็นหญิง  แต่ลูกสาวของป๊าเป็นคนที่มีความอดทน ฉลาด รู้คุณคน
ป๊าอยากให้หนูสามารถทำงานได้ทุกอย่าง หนักเอาเบาสู้  อย่าท้อกับชีวิต  ทำงานที่สุจริต  อย่าไปเบียดเบียนใคร
และที่สำคัญอย่าคิดพึ่งพาใคร  อย่าคิดว่าเกิดเป็นหญิงพอแต่งงานมีสามีไปแล้ว  เค้าจะเลี้ยงเรา  ถ้าเราเกิดไปได้กับคนที่ไม่เอาไหนขึ้นมา  เราจะลำบาก
ฉันอยากให้ท่านรับรู้เหลือเกินว่า  ป๊าจ๋า  หนูรักป๊าเหลือเกิน  ไม่ว่าชาติไหนๆ หนูขอเกิดเป็นลูกของป๊าทุกชาติไป				
21 ตุลาคม 2549 11:28 น.

ข้อความในวันหวาน

invisble

Go to bed dai law na..  The boss just called and told me that I have to work today, so have a good night na

Send me a sms when you wake up na..  So I can call you na

Im going to work now na kon-d, so go to bed dai law na.. Love you na

Would you please Stop saying that you are not gonna be with me as long as I want, stop saying like you wont live long You have to be with me. You have to.. Understand that?  I need you

My life seems so quiet and slowIt is nothing if I have to live without youJust want you to know that you mean so much to meAnd no one can change it

Im at the smoke shop naI think I will be back home around 09.00 am.(time of Thai) so you can eat first na Love you mak na

I just woke up na.. And now Im outside eating.. Miss you mak mak na.. Love you na.. Wake up law call me na

 นี่เป็นเพียงข้อความบางส่วนที่  คนที่เคยรักฉัน  เขาส่งให้ฉันทุกวัน  ในวันหวาน  แต่ในวันนี้  ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกเข้าที่เป็นของเขาเลย  เขาหายเงียบไป  ฉันทำผิดอะไร  นั่งทบทวนดูแล้ว  ไม่เลยนะ  ฉันไม่เคยทำผิดต่อเขาเลยสักครั้ง
ฉันยังคงเหมือนเดิม  ทุ่มเทความรัก ความคิดถึง  ซื่อสัตย์ต่อเขาเสมอ  แม้รู้ว่าคงไม่มีวันได้เขาคนเดิมของฉันกลับมา  รู้ว่าอนาคตที่ฉันเคยวาดไว้  มันมลายหายสิ้นไปแล้ว  โดยที่ไม่มีคำล่ำลาจากชายคนรักสักคำ   ถ้าถามว่าเจ็บไหม  
เจ็บสิ  เจ็บมาก  ให้ฉันเจ็บป่วยทางกาย  ฉันว่ามันคงไม่เจ็บเท่าทางจิตใจหรอก
ร้องไห้ไหม
ร้องสิ  ร้องไห้ทุกวัน  ซุกตัวอยู่ในห้องกว้าง  ที่รู้สึกถึงความอ้างว้างเดียวดายเพียงลำพัง  นอนกอดผ้าเช็ดตัวของเขา  นอนกอดจูบรูปภาพที่ถ่ายคู่กัน  นอนลูบคลำหมอน  ที่นอน  ในส่วนที่เขาเคยนอน  รองเท้าที่เขาใส่  ฉันก็นำมาขัดล้างอย่างดี  รอสักวันว่า  คนดีของฉันจะกลับมาใส่มัน แม้รู้ว่าโอกาสมันมีน้อยมาก  แต่ฉันก็ยังหวัง....หวังว่าสักวัน...ความจงรักภักดีของฉันจะอยู่ในสายตาของเขา    เขาจะเห็นคุณค่าของฉันบ้างก็เท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ........				
20 ตุลาคม 2549 10:01 น.

รักครั้งสุดท้าย

invisble

aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa				
20 ตุลาคม 2549 09:17 น.

นาทีสุดท้าย

invisble

สองหนุ่มสาวเดินคลอเคลียกันไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน  ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

เอ้ก   ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายส่งออก  ของบริษัทแห่งหนึ่งแถวสาธร
อุ๋ย    พนักงานฝ่ายนำเข้า  ของบริษัทเดียวกัน

ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมาตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาทำงานใหม่ๆ  เนื่องจากหญิงสาวเป็นคนร่าเริง  ยิ้มเก่ง  ประกอบด้วยรอยยิ้มที่แต่งแต้มไปด้วยลักยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้าง  ใครเห็นต่างก็ชื่นชมในความร่าเริงของเธอ  
ชายหนุ่มรักหญิงสาวมาก  ทุ่มเททุกอย่างให้  ไม่เคยล่วงเกินแม้แต่การจับมือ  เขาก็ไม่เคยแม้แต่น้อย  เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก   แต่หญิงสาวสิ  เหมือนกับว่าเธอไม่ค่อยรู้จักความรักสักเท่าไร  เธอยังคงมองเห็นชายหนุ่มเป็นเพียงเพื่อนชายคนหนึ่ง  ที่สนิทสนมกันมาก  เธอยังไม่พร้อมที่จะรักใคร
วันเวลาล่วงเลยไป   ชายหนุ่มต้องไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ  เขาไม่อยากจากสาวผู้เป็นที่รักไปแต่เพื่ออนาคตที่เขาวาดฝันไว้ว่า  สักวันเขาจะมีบริษัทเป็นของตัวเอง  และมีครอบครัวที่อบอุ่น  โดยมีหญิงสาวเป็นแม่บ้านให้เขา
เขาจึงตัดสินใจไป  
ในวันที่ 31 ตุลาคม 2544  วันที่ชายหนุ่มต้องเดินทาง  เขามองหาสาวคนรักด้วยใจจดใจจ่อ
เสียงเพลงจากมือถือดังขึ้น
ฮัลโหล  อุ๋ยครับ  ตอนนี้อุ๋ยอยู่ไหน  ถามหญิงสาวด้วยเสียงกระตือรือร้น  แต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวล
 ขอโทษนะเอ้ก  อุ๋ยคงไปส่งเอ้กไม่ได้  พอดีอุ๋ยติดธุระสำคัญ เอ้กคงไม่โกรธอุ๋ยนะคะ ฝืนพูดออกไป
 ไม่เป็นไรครับ  พูดไปด้วยความน้อยใจ แต่ก็ยังเสียงร่าเริง
เอ้กไม่อยู่  อุ๋ยต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ  อย่ากลับบ้านดึกมาก  ทำงานพอที่เราทำไหว
เอ้กเป็นห่วงนะครับ
จ้ะ  อุ๋ยจะดูแลตัวเองให้ดีนะคะ  ขอให้เอ้กเดินทางโดยสวัสดิภาพ อุ๋ยจะเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณครับ
เอ่อ.......อุ๋ยครับ........คือ.......เอ้กมีอะไรอยากจะบอก  พูดไปด้วยความประหม่า  เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพร้อมที่จะบอกหญิงสาว
มีอะไรหรอจ๊ะ  พูดมาได้เลย
เอ้กรักอุ๋ยนะครับ  พูดไปแล้วก็รู้สึกโล่งอก

ทางด้านหญิงสาวนิ่งอึ้ง  นี่แหล่ะเป็นเหตุผลที่เธอไม่คิดจะไปส่งชายหนุ่ม  เพราะเธอรู้แล้วว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ
เพราะเธอยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับความรัก
อุ๋ยครับ  ได้ยินที่เอ้กพูดหรือเปล่าครับ   ชายหนุ่มเรียกสติหญิงสาวกลับคืน
เอ่อ...ได้ยินค่ะ 
เอ้กจ๊ะ พอดีอุ๋ยต้องไปทำธุระแล้วนะคะ โชคดีนะคะ  รีบพูดตัดบท
เดี๋ยวสิครับ   รอเอ้กนะครับคนดี แล้วเอ้กจะกลับมาฟังคำตอบนะครับ  
ค่ะ  ถ้ามันมีวันนั้น
......................................................................................................................................
ตลอดเวลา 1 ปี ที่ชายหนุ่มเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ  เขาจะโทรหาหญิงสาวทุกวัน  วันละ 10 นาที  เขาทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ  หญิงสาวเริ่มซึมซับความรักมากขึ้นทุกวัน  จนวันที่เธอพร้อมจะบอกรักชายหนุ่ม  แต่วันนั้นเขากลับไม่โทรหาเธอ  เธอรอโทรศัพท์ทั้งวันจนผ่านไป 4  วัน วันที่ 4 เวลาประมาณ  4  ทุ่ม  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เธอดูเบอร์แล้วดีใจจนบอกไม่ถูก รีบรับทันที
ฮัลโหล  เอ้ก  หายไปไหนมา  ทำไมไม่โทรมาตั้งหลายวัน เธอยิงคำถามไปถี่ยิบ แต่เสียงปลายสายที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงชายคนรัก
ลูกอุ๋ยจ๊ะ  แม่พูดนะ ...........ตอนนี้ลูกเอ้ก........ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ  พูดไปร้องไห้ไป  หญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดี
มีอะไรหรอคะคุณแม่
ลูกเอ้กขับรถชนกับรถแท๊กซี่  ใต้อุโมงค์  ตอนนี้ไม่รู้สึกตัวเป็นเจ้าชายนิทราอยู่  หมอบอกว่ายังไงก็คงไม่รอด
น้ำเสียงช่างหดหู่เหลือเกิน  หญิงสาวน้ำตานองสองแก้ม  ขาไม่มีเรี่ยวแรง  พูดอะไรแทบไม่ออก  เธอพยายามควบคุมสติแล้วพูดกับแม่ของคนรักว่า
แม่ค่ะ  อุ๋ยขอคุยกับเอ้กนะคะ  ถึงแม้เขาจะไม่รู้สึกตัวแต่อุ๋ยขอนะคะ  พูดด้วยเสียงอ้อนวอน
ได้จ้ะ

ฮัลโหล  เอ้กจ๊ะ  อุ๋ยมีอะไรอยากจะบอกเอ้ก  มันเป็นความรู้สึกที่อุ๋ยพร้อมจะบอกเอ้กมาตั้งแต่ 4 วันที่ผ่านมาแล้ว  แต่เอ้กไม่ยอมโทรมาหาอุ๋ยเลย  แต่อุ๋ยก็ไม่เคยโกรธเอ้กนะ .........เอ้กจ๊ะ  ฟังดีๆนะคะ  อุ๋ยรักเอ้กนะ .........อุ๋ยจะรอเอ้กนะ .........เอ้กต้องหาย........เอ้กต้องกลับมาหาอุ๋ย.......ได้ยินไหม........ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ

น้ำตาจากร่างที่ไร้สติไหลออกมาไม่ขาดสาย  เอ้ก......ชายคนรักเขาคงรับรู้คำที่แฟนสาวบอกมาแล้ว  เขารอคอยคำนี้จากเธอมาแสนนาน  ในที่สุดเขาก็ได้ยิน

ตืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เอ้ก!!!!!!!  เสียงแม่ของชายคนรักกรีดร้องดังมาก  
อย่าทิ้งแม่ไป  ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอ้กจ๊ะ.......ไม่ว่าจะยังไง  เอ้กก็คือผู้ชายคนแรกที่อุ๋ยบอกรัก  และเอ้กจะอยู่ในความทรงจำของอุ๋ยตลอดไป  สัญญา  หญิงสาวรำพึงกับตัวเองเบาๆ				
19 ตุลาคม 2549 10:21 น.

ไม่เคยรักจนสายไป

invisble

พี่รักอุ๋ยนะ  ชัย  เพื่อนบ้านบอกรักเด็กสาวคนหนึ่ง
แต่หนูไม่ได้รักพี่นะ หนูรักพี่แบบพี่ชาย อุ๋ย  เด็กสาวผู้ไม่รู้ถึงความหมายของความรัก
ชายหนุ่มมองไปที่แหวนทองเหลือง  ที่สลักชื่อเด็กสาว  ว่า  น้องอุ๋ย
แล้วพูดกับเด็กสาวว่า  แหวนวงนี้พี่ขอเลยได้ไหม  พี่อยากเก็บเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย
ได้สิ  เด็กสาวตอบเสียงสดใส  ด้วยไม่รู้ความหมายของคำพูด  และไม่ได้คิดอะไรไปไกล


ผ่านมาได้ 1 เดือน  ทั้งคู่มีเรื่องโกรธเคืองกัน  และไม่ยอมพูดคุยกันเลยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ได้แต่มองหน้ากันเวลาขับรถผ่าน  ชายหนุ่มจะนำนมกล่องไปวางไว้หน้าบ้านให้เด็กสาว
วันละ 1 กล่อง  วันเวลาผ่านไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม  เช้าวันนั้นอากาศปลอดโปร่ง
ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก  ท้องฟ้าสีฟ้า  แต่งแต้มไปด้วยเมฆสีขาวลอยเด่นเป็นสง่า

ในเช้าวันนั้น  ชายหนุ่มขับรถผ่านหน้าบ้านเด็กสาวที่ซึ่งกำลังออกจากบ้านเพื่อไปเรียน  ทั้งๆที่ไม่คุยกัน
มาเป็นเวลาหลายวัน  แต่จู่ๆ วันนั้น  ชายหนุ่มกลับยิ้มให้เด็กสาว  แล้วจอดรถเพื่อบอกกับเด็กสาวว่า
 อุ๋ยจ๊ะ  พี่คงจะมาวันเกิดของอุ๋ยไม่ได้หรอกนะ ในวันที่ 21 สิงหาคม นะ
ด้วยความที่ไม่เคยคิดอะไรมากมาย  ด้วยวัยยังเด็กอยู่  จึงยิ้มแล้วตอบไปว่า
 ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  หนูก็ไม่ได้จัดงานอะไรหรอกพี่ชัย
แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน

และแล้ววันนั้นเอง  ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ทางโรงเรียนที่เด็กสาวเรียนอยู่  ในทุกวันพฤหัสบดี  จะมี
การอบรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา  และขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น  ได้มีจิ้งจกตกลงมาที่กลางศีรษะของเด็กสาว  ที่น่าแปลกใจ  คือจิ้งจกตัวนั้น  ตาย  มันเป็นไปได้อย่างไร  แต่เด็กสาวไม่ได้แปลกใจ

กลับมาจากโรงเรียนเห็นญาติผู้ใหญ่นั่งจับกลุ่มคุยกัน  แต่เด็กสาวไม่ได้สนใจอะไรเลย  เดินเข้าบ้าน  เตรียมทำกับข้าวรับประทาน  และในขณะนั้นเพื่อนของเด็กสาวก็ปั่นจักรยานมาจอดหน้าบ้านด้วยอาการกระวนกระวาย
เฮ้ยอุ๋ย!!! แกรู้เรื่องยัง  เบญเพื่อนสาวถาม
เรื่องอะไร เด็กสาวได้ถามเพื่อน
พี่ชัยตายแล้วนะ  หัวเหอไม่มีเลย 
 ชัย ไหน ถามเพื่อนด้วยความตกใจ
 พี่ชัยเรานี่แหล่ะ  ชัย  ราชานนท์
แทบล้มทั้งยืน  เด็กสาวไม่เชื่อเพื่อน  เลยเตรียมที่จะเดินไปถามน้าสาวของตนเอง  แต่ว่าน้าได้เดินมาถึงหน้าบ้าน
มองหน้าเด็กสาวด้วยไม่รู้จะพูออย่างไร
ใช่แล้ว  เจ้าชัยตายแล้ว  ขับรถแหกโค้ง  หัวถูกล้อรถปั่น  เละไม่เหลือชิ้นดี
เท่านั้นเอง  เด็กสาวแทบล้มทั้งยืน  เป็นไปไม่ได้................
.................................................................................................

ในวันเผาศพ  ทางต่างจังหวัด  ก่อนเผาศพจะมีการเปิดให้ดูหน้าศพ  เพื่ออำลาศพเป็นครั้งสุดท้าย
เด็กสาวได้เดินไปเพื่อมองหน้าคนที่รักเธอมาตลอด  แต่ในทางกลับกันเธอไม่เคยคิดรักเขามากกว่าคำว่า
 พี่ชาย สักนิด
น้ำตานองสองแก้ม  มองไปยังมือที่ถูกมัดตราสังข์  แหวนทองเหลืองที่นิ้วนางข้างซ้าย  น้องอุ๋ย  และแล้วคำพูดต่างๆ การกระทำต่างๆ ที่พี่ชายที่แสนดีได้เอ่ย ได้ แสดงออกมา ก็พร่างพรูมาไม่ขาดสาย

เด็กสาวมองเห็นกล่องนมตรงหน้า  ได้ยินเสียงพี่ชายที่แสนดีพูดว่า
พี่รักอุ๋ยนะ
แหวนวงนี้พี่ขอเลยได้ไหม  พี่อยากเก็บเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย
 อุ๋ยจ๊ะ  พี่คงจะมาวันเกิดของอุ๋ยไม่ได้หรอกนะ ในวันที่ 21 สิงหาคม นะ

ใช่แล้วพี่ชัยไม่สามารถมาหาเด็กสาวได้ในวันเกิดของเธออีกแล้ว  และแหวนทองเหลืองวงเล็กๆ ก็อยู่กับพี่ชายที่แสนดีจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ  
หนูรักพี่นะ....พี่ชัย............................แล้วพี่ชัยจะได้ยินหนูพูดไหมนี่				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟinvisble
Lovings  invisble เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟinvisble
Lovings  invisble เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟinvisble
Lovings  invisble เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงinvisble