14 มิถุนายน 2551 22:14 น.
inthanon
สายลมอ่อนพัดเฉื่อยดูเรื่อยรื่น
ยอดหญ้ายืนอ่อนช่อล้อลมไหว
สายฝนหลั่งรินรดเพิ่งหมดไป
หยดเหลือใสใบหญ้าดูน่ามอง
แมลงน้อยคอยท่าว่าฝนหยุด
ให้เร่งรุดผุดเข้าเราทั้งผอง
มีเงาจันทร์สาดแสงให้แมงมอง
มีเพื่อนผองพร้อมหน้าไปหากิน
เรืองระยับจับตาบรรดาเจ้า
กะพริบเผ่าเหล่าแสงแมลงผิน
ดั่งคลื่นแสงแรงเคลื่อนเมื่อเลื่อนบิน
กระแสสินธุ์ดินสร้างเหมือนอย่างดาว
กะพริบหรี่ หรี่กะพริบ เป็นสิบร้อย
ดวงหิ่งห้อยลอยห่างขึ้นกลางหาว
ค่อยๆห่าง ทางเห็นเป็นเส้นยาว
เหมือนแสงดาวยาวไหลไปห่างเดือน
หิ่งห้อยน้อยลอยล่องไม่มองกลับ
มาไกลลับเกินเช่นจะเห็นเพื่อน
พอรู้สึกนึกทางดูลางเลือน
ให้จากเพื่อนเลื่อนไหลไปไกลกัน
กะพริบหรี่ หรี่กะพริบ ลิบๆเห็น
คงจะเป็นมวลหมู่ที่สู่สรรค์
หิ่งห้อยลอยน้อยแสงไม่แข่งจันทร์
จึงผกผันบินผ่านม่านประตู
ระย้าย้อยลอยเด่นเป็นแสงหนัก
แก้วสลัก จีระนัยประไพหรู
แชนเดอเลียร์ แสงผ่านม่านประตู
หิ่งห้อยรู้ดูเทียบไม่เปรียบตัว
น้ำตาน้อยย้อยหล่นบนผืนหน้า
หิ่งห้อยหาเพื่อนสหายไฟสลัว
เข้าใจผิดคิดได้ด้วยกายตัว
เจ้าใหญ่ทั่วตัวร่างดูห่างกัน
หิ่งห้อยหันเอ่ยลาระย้าแก้ว
จะไปแล้วหาใช่อย่างใจฝัน
หนทางไกลไปหน้าต้องฝ่าฟัน
โบกมือหันสั่นแขน แชนเดอเลียร์
12 มิถุนายน 2551 13:39 น.
inthanon
กระท่อมน้อยกลอยใจที่ท้ายบ้าน
มีตำนานคนเมามาเล่าขาน
เป็นเรื่องเล่าเคล้าสุรามาช้านาน
เหมือนนิทานแต่มิใช่อะไรเลย
มีเพื่อนรักสามตนเป็นพลมิตร
ไม่มีผิดมีข้องให้มองเฉย
เป็นเพื่อนกันนานมาสุราเคย
มีเอื้อนเอ่ยยกเหล้าแต่เก่ามา
หนึ่งคือ"งู"ผู้ปราดฉลาดเปรื่อง
ใครมีเรื่องบอกให้จะไปหา
สอง"กิ้งกือ"เพื่อนรักที่ชักพา
"จิ้งเหลน"หาครบสามไม่ถามใคร
ทั้งสามเกลอเจอกันในวันนี้
นิมิตดีมีตามด้วยน้ำใส
35 ดีกรีนี้หมดไป
เอาขวดใหม่ใส่ตั้งไม่รั้งรอ
ขวดที่1 ขวดที่ 2ขวดที่ 3
ก็หมดตามถามเรื่องให้เคืองขอ
พอเหล้าหมดอดหยุดไม่สุดคอ
จึงร้องขอรอใครจะไปดี
ไปซื้อเหล้าขวดใหม่อย่างไรเล่า
ไอ้เพื่อนเราตนไหนให้เร็วจี๋
ฝ่ายเจ้างู เฮ้ย เจ้าเหลนเอ็งเผ่นที
เพราะเอ็งนี้เร็วกว่าข้าสองตน
จิ้งเหลนร้องข้าไวไม่เถียงเจ้า
แต่กลัวเอาเหล้าหกคราวพกขน
ข้ามันเร็วเกินไปใจร้อนรน
ขอเปลี่ยนคนอื่นใหม่ให้ไปแทน
ฝ่ายเจ้างูข้าไปนั้นได้อยู่
แต่เอ็งดูขามาทั้งขาแขน
ก็ไม่มีข้าจะใช้อะไรแทน
จะมาดแม้นแขวนหลังจะพลั้งพลอย
ข้ามันเดินคดเคี้ยวทั้งเลี้ยวลด
เหล้าจะอดหมดกันไม่ทันถอย
แล้วพวกเอ็งจะเสียเหล้าที่เฝ้าคอย
คงเหลือน้อยก่อนที่ข้าจะมาทัน
เจ้ากิ้งกือ คือผู้ที่รู้ว่า
คงมีข้าแน่แท้แลขยัน
เป็นตกลงปลงได้ให้เร็วพลัน
ไม่ฉะนั้นหายเมาจะเข้านอน
เวลาผ่านนานเข้าเหล้าก็หมด
ทั้งสองจดใจจ้องให้มองหมอน
3 ชั่วโมงผ่านไปให้ง่วงนอน
จะใส่กลอนนอนสาไม่มาคอย
จิ้งเหลนลุกปลุกเพื่อนที่เรือนหลับ
ข้าจะกลับก่อนแล้วต้องแจวถอย
เจ้างูตื่นฟื้นมาในตาลอย
เออเออค่อยพบกันในวันดี
จิ้งเหลนลงบันใดใครวะนั่น
มาขวางขั้นบันไดใครหรือผี
เอ้า เจ้ากือไอ้เพื่อนข้าเข้ามาซี
นึกว่าผีตกใจไอ้เพื่อนยา
ไหนวะเอาเหล้าที่ซื้อเจ้ากือข้า
จิ้งเหลนหาตาส่ายอยู่ไหนหวา
เจ้ากือทำหน้าเศร้าเจ้าเพื่อนยา
ก็ตัวข้าขามากจะจากจร
กว่าจะใส่เกือกเก่ารองเท้าหมด
เอ็งลองจดขาข้าอย่าเคืองขอน
มีกี่ร้อยค่อยๆนับอย่าสับตอน
ทีเอ็งนอนข้ายังให้ไอ้เพื่อนเกลอ
จิ้งเหลนล้มลมจับไปทับคู่
ฝ่ายเจ้างูรู้เรื่องเคืองเสนอ
ข้ามันแย่แก้ไขด้วยใจเบลอ
ครั้งนี้เกลอข้าผิดไม่คิดยาว
แล้วทั้งสามเกลอแก้วก็แล้วจบ
ยังคงคบ สบสรรค์ ในวันหนาว
เข้ากอดคอล้อเพื่อนดังเดือนดาว
วันไหนเหล้าเข้าปากไม่จากกัน
...อินทนนท์...
เรื่องนี้ฝากถึงคนดื่มสุราว่า
1.ก่อนจัดงานสังสรรค์เจ้าของบ้านควรเตรียม
เครื่องดื่มให้พอสำหรับจำนวนแขก
และการเตรียมเครื่องดื่มคือหน้าที่ของเจ้าของบ้าน
ถ้าคิดว่าไม่มีเงินพอขอให้งดงานนั้นเสีย(อย่ายืมเงินใครซื้อเหล้าเด็ดขาด)
อย่าหน้าใหญ่ (ในขณะที่ลูกเมียไม่มีอะไรจะกิน)
2.เวลาขับรถ
ห้ามดื่มสุราเพราะสุราจะหกเสียหมด..(เสียดาย)
3.สำหรับแขกที่มา
พยายามดื่มแต่น้อยเพราะเดี๋ยวเหล้าหมดจะมีปัญหา(ขาดตอน)
ด้วยความปรารถนาดี(มาก)จาก ขุนนริน.....สุราพ่าย
11 มิถุนายน 2551 18:35 น.
inthanon
ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีกลอนที่ลงไป
มีผิดหลายที่ ต้องขออนุญาตกลับไปเรียนใหม่ขอโทษด้วยนะครับ
สัมผัสสลับไปสลับมา
ที่สำคัญใส่ความจริงใจมากไปเลยผิดเยอะเกือบทุกที่ขออภัยด้วยนะครับ
ที่ทำให้บ้านกลอนเปลืองเนื้อที่กับกลอนของผม
ขอโทษครับ
อินทนนท์
11 มิถุนายน 2551 03:00 น.
inthanon
เเหงนมองทางข้างฝาเห็นหน้าพ่อ
ในวันท้อใจเศร้าไม่เอาไหน
หมดเรี่ยวแรงแฝงเข้าให้เศร้าใจ
มีพ่อให้ใจอุ่นเป็นทุนรอน
คำสอนพ่อพออยู่ให้รู้หลัก
ให้รู้จักเพียงพอที่พ่อสอน
ให้อยู่กินสินก่อจงต่อตอน
ด้วยสิ่งสอนพ่อสั่งอย่างตั้งใจ
กินที่ปลูกปลูกที่กินในถิ่นเจ้า
แล้วเก็บเอาสิ่งเพาะพอเหมาะหมาย
พริกระเพราสะเดาข่าฟ้าทลาย
หอมกระชายลายเสือมะเขือพวง
กล่ำดาวขาวปลีผักชีใส่
สมอไทยไพลยาแตงกวาหวง
ผักบุ้งจีนขมิ้นขาวมะนาวพวง
ที่หล่นร่วงตวงใส่แต่ไรมา
มะเขือแจ้แคบ้านลูกตาลเฉาะ
ละมุดเงาะเพาะไว้ดั่งใจหา
ขนุนหน่อกอไผ่ตะไคร้งา
ผักหวานป่าหญ้าแฝกมาแทรกอิง
ปลากะพงลงบ่อปลาหมอเทศ
ผักกระเฉดเห็ดลมชะอมขิง
อีกใบยอบอระเพ็ดเม็ดมะปลิง
ล้วนทุกสิ่งสรรสร้างได้อย่างใจ
มีข้าวตำน้ำท่าผักปลาเกิด
วิเศษเลิศควรคิดผิดไฉน
คำของพ่อต่อคำเพื่อย้ำใจ
ที่พ่อให้ได้รู้เป็นครูคน
....อินทนนท์....
9 มิถุนายน 2551 19:12 น.
inthanon
สายแหรกหวายหมายเห็นจำเป็นหาบ
ไม่เคยทราบใช้หาบอะไรเห็น
เพราะสตินิรมิตผิดประเด็น
ให้มองเห็นหินกรวดมีลวดลาย
ด้วยสติชี้ฉุดให้ผุดผ่อง
ให้ตามองกองหินเป็นนิลหลาย
เก็บก้อนหินดินแข็งด้วยแรงกาย
จะมุ่งหมายได้สีมณีงาม
ก้อนที่หนึ่งก้อนที่สองประคองใส่
ที่ละก้อนใส่ไปให้ถึงสาม
ก้อนที่สี่ก้อนที่ห้าจึงมาตาม
ทั้งหาบหามมีหินจินตนา
หนทางหินดินหาดาระดาษ
ผู้อื่นอาจเห็นหินแค่ดินผา
แต่เพราะผิดจิตดีที่มีมา
เป็นคนไข้ใบ้บ้ามาฆ่าใจ
หาบหินไปให้รู้อยู่ว่าหนัก
ใจหนึ่งทักห้ามจิตผิดไฉน
จึงหยิบหินสิ้นถามความเสียดาย
กระจาดหวายสายแหรกไม่แทรกทน
เปรียบเช่นคนตนรู้อยู่ว่าหนัก
ยังคงตักเติมแต่งสิ้นแรงขน
ให้อยากมีอยากได้ไว้ของตน
ถึงวายชนม์ตนเจ้าเอาอะไร
แม้แต่ร่างวางนิ่งยังทิ้งดับ
น้ำแข็งทับหนาวเย็นเป็นไฉน
ไม่รู้ร้อนรู้รนบนเปลวไฟ
ที่ลูบไล้ไชร่างระหว่างนอน
แม้คนบ้ายังรู้หาหนทางได้
พอหนักไปใจจิตให้คิดถอน
หาบแต่เพียงพอเห็นเช่นบทกลอน
ใช่สั่งสอนเพียงเล่าให้เจ้าฟัง
หากแต่ยังขังจิตให้คิดอยาก
ความลำบากจากจิตที่ติดฝัง
เปรียบดังหินดินเห็นเป็นกำลัง
จงปล่อยวางอย่างหินให้สิ้นเชิง
...อินทนนท์...
กลอนบทนี้ข้าพเจ้าได้แรงบันดาลใจในการแต่งมาจาก
พระธรรมคำสั่งสอนของ ท่านพระพุทธทาสภิกขุ