20 พฤศจิกายน 2546 18:12 น.
idaho
-----Subject: อาคาร..ขายเวลา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวอย่างนี้มันเรื่อมต้นขึ้นที่ไหน
ฉันเพียงแต่รู้สึกเหมือนว่ามีคนเอารั้วยาวๆสองแถว
มากั้นในทุ่งกว้างให้เป็นทางเดินแคบๆ
แล้วก็ต้อนพวกเราให้เข้าไปเบียดเสียดกันเดินตามทางเดินแคบๆนั้น
และเมื่อถึงปลายทาง เขาก็เปิดประตูรับเราไม่หมดทุกคน
คนที่ได้มีโอกาสเข้าไปก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนคนที่ไม่ได้ผ่านเข้าไป
แน่ล่ะ...มันก็คงแย่มากทีเดียว จริงอยู่ แม้จะมีทางเลือกอื่นสำหรับบางคน
ที่จะตัดสินใจมุดหรือปีนรั้วออกไปข้างนอกเพื่อหาทางเดินที่ดีกว่า
ฉันเองก็อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่ฉันยังไม่เก่งและกล้าพอ
ฉันเอาคางเกยขอบโต๊ะ ไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวยาวรอให้อ่าน
ต้องลองสู้ดูสิ...สักครั้ง แต่อีกใจหนึ่งก็คอยบอกว่าเดี๋ยว...ยังขี้เกียจอยู่ ขอนอนก่อน ขอดูที.วี.ก่อน ขอไปเที่ยวก่อน ฯลฯ
เวลาเป็นปีที่เขาเตรียมไว้ให้เราเตรียมตัวจึงผ่านไปอย่างไม่เป็นชิ้นเป ็นอัน เพราะความเฉื่อยชาของฉันเอง
อากาศกำลังดี ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าห่มผ้าขนหนูลายนกนางนวลสีเขียว เห็นหนังสือกองโตที่ยังค้างคารอให้ฉันไปอ่าน
พัดลมขายาวส่งเสียงครางเบาๆแล้วฉันก็หลับไป มาพบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่
ดูเหมือนจะสร้างด้วยหินอ่อนลักษณะคล้ายธนาคาร
มีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงรายเป็นชั้นๆ
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตูกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม
มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า
"มีเวลาขาย"
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น หรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้นไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้น
เมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย
สถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามดูราวกับห้องรับรองชั้นดี มีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาวซึ่งกองแฟ้มเอกสารเรียงรายอยู่บนนั้น
ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉัน ท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร
"สวัสดีครับ"
"ค่ะ" ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ
"ผมคิดว่า คุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลา ท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลยอายุคงยังไม่เกิน 20"
"ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ"
ฉันตอบไปทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ที่เขากำลัง ขายอยู่
"เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดู...ผู้คน แล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น"
"ตามสบายเลยครับ" เขายิ้มอย่างมีไมตรี "เชิญนั่ง"
เขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง
ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง
ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลาคือชายร่างเล็กผอมเกร็ง
ผมขาวโพลน
ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆ
อย่างลำบากยากเย็น
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืนตรงหน้าชายขายเวลา
"ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี"
น้ำเสียงเขาแหบแห้งและสั่นพร่าอย่างคนที่กำลังป่วยหนัก
"หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้"
คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดสะอ้าน
เพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง...
"ขอซื้อเวลา สามเดือน" เขาพูดกับชายขายเวลา "คุณรรู้ไหม ผู้หญิงที่ผมรัก เธอไปเมืองนอกเมื่อสามเดือนก่อน เราคบกันมาเป็นปี แต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอ ทั้งๆที่รักเธอมาก เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย"
ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ
ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียว
ที่จะต้องพบลูกค้าที่ล้วนแล้วแต่มีปัญหาต่างๆกันไป
พร้อมๆกับนึกเสียดายแทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปีไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น...เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตายังมีรอยบอบช้ำ
"อยากได้เวลาค่ะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้"
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก
"ผมคิดว่า คุณคงมีปัญหาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ" ชายขายเวลากล่าวขึ้น
ค่ะ" หล่อนรับคำเสียงแผ่ว
"คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน
ท่านดีกับดิฉันมาก เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจ
แต่ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลยมีแต่ตั้งแง่ตั้งงอน ท่านก็มาด่วนจากไป"
"คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ"
ฉันนึกเวทนาหล่อน
เวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อสายไป
ถ้าหากหล่อนได้ทำอะไรไปตั้งนานแล้ว
ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้
วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง
คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์
แต่พกริ้วรอยความกังวลไว้เต็มเปี่ยม
"ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ" ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน
"สองปี" เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย
"ผมอยากกลับไปเลือกแผนการเรียนใหม่
ผมพลาดไปตอนนั้น บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดี
จะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้"
แล้วเขาก็จากไป เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
ฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า แต่เมื่อฉันขยับตัว.... เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ดวงตาเขาอบอุ่น...
เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมา
ล้วนแล้วแต่มีท่าทีวิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย เสียใจ
แล้วก็มาซื้อเวลาไป
เพราะว่าพวกเขาได้พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีต
แล้วชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาทางฉัน
สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่งเก้าอี้โซฟาข้างๆ
"จะปิดร้านแล้วหรือคะ" ฉันถาม
"ครับ...ได้เวลาแล้ว"
"ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะกลับเสียที" ฉันว่า
แม้จะไม่แน่ใจว่าฉันจะกลับไปไหน...อย่างไร...
"เชิญครับ ขอให้คุณโชคดี
จงใช้เวลาของทุกวินาทีที่ผ่านไปอย่างคุ้มค่า
ผมหวังว่า...คงจะไม่ได้เห็นคุณมาที่นี่เพื่อซื้อเวลา" เขากล่าวในที่สุด...
"ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่ลืมคุณ...และที่นี่"
ฉันลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นไฟก็ดับวูบ
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่
เอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม
พบว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างดี และไก่ก็ยังไม่ขัน
ฉันลุกขึ้นมาเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่น
แล้วถึงกลับเข้านั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยจริงจังด้วยมานานแล้ว คิดอยากจะฮัมเพลงไปด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ติดอยู่ว่าจะทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือ
วูบหนึ่ง...ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่
ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มลงมือทำอะไรๆอย่างมีความหวัง
ไม่เหมือนกับผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่...อาคารขายเวลา...