6 กรกฎาคม 2547 23:43 น.
Ichor
มองดูจันทร์เจ้าเอยคงเย้ยข้า
แลดาราคงพินิจคิดข้าเขลา
ยลดูพักษ์ตนเองโอ้ตัวเรา
ยังรักเขาเปี่ยมอยู่ดูงมงาย
ทั้งที่กาลผ่านมาก็นานเนิ่น
อกยังคงสะเทิ้นห่อน ฤ หาย
คงจะทุกข์เยี่ยงนี้จนตัวตาย
รักมลายดวงแดสิ้นประทินตรม
พฤกษาโรยโปรยใบในหน้าร่วง
เหมือนเจ็บทรวงหน่วงใจให้ขื่นขม
แต่พฤกษายังผลิใบใหม่มาชม
ไม่เหมือนใจข้าตรมระบมโรย
อยากลาลับดับแดไม่แลเหลียว
ให้ชีพสิ้นเลยทีเดียวมิหวนโหย
แดดิ้นไปดีกว่าร้องโอดโอย
ให้ราโรยเพราะรักร้าวในคราวลวง
ให้แส้โบยสะบัดซัดกลางหลัง
เจ็บปวดยังมิเท่าเศร้ากำสวล
เพราะเจ็บรักมันเจ็บลึกลงกลางดวง
ใจกลวงๆไม่กล้า รัก สักอีกครา
26 พฤศจิกายน 2546 00:50 น.
Ichor
หนาวเอยหนาวใดหนาวเท่า
หนาวเราหนาวจิตรพิศวง
หนาวเนื้อหนาวไม่นานก็คลายลง
แต่หนาวคงหนาวจิตรคิดจนตรอม
หอมเอยหอมใดหอมเท่า
หอมเจ้าหอมเนื้ออุ่นถนอม
หอมหวนหอมไม่นานดั่งควันปลอม
แต่ถ้าหอมด้วยน้ำใจจักตรึงตรา
นิ่มเอยนิ่มใดจักนิ่มเท่า
นิ่มเนื้อเจ้าน้องนวลน่าหวลหา
นิ่มเนื้อไม่เนิ่นนานคงชรา
แต่นิ่มมารยาทจริตแสนติดตรึง
26 พฤศจิกายน 2546 00:48 น.
Ichor
วันหนึ่งเธอขาดฉันเธอจะรู้
วันหนึ่งเธอขาดชู้ร่วมเคียงหมอน
วันหนึ่งเธอขาดฉันจะอาวรย์
วันนั้นเธอใจคงรอนจักขาดลง
ดั่งวันวานเธอแสนดีไร้ที่เปรียบ
แต่วันนี้เธอเย็นเยียบเงียบขนง
อยากให้เป็นดั่งวันวานแต่ต้องปลง
เพราะมันคงจักห่อนหวลย้อนคืนมา
ทุกวันคืนฉันกล้ำกลืนสะอื้นอก
เหมือนโดนทับด้วยนรกอกผวา
กลัวเสียเธอเพราะรักเธอจึงทนมา
ทุกครั้งหนาการกระทำเธอบั่นทอน
มาวันนี้ชีวีแทบขาดดิ้น
ด้วยรักป่วนเป็นอาจินต์เฝ้าเสี้ยมสอน
จนใจโตใจแข็งไร้อาวร
จำจากจรจบจิตรคิดรักเธอ
บัดนี้ใจแข็งแรงแกร่งดุจหิน
แม้นประทินด้วยน้ำตาสม่ำเสมอ
แต่เจ็บนี้แหละจะสอนก่อนเผลอเรอ
รักนะเจ็บเก็บเอาไว้สอนใจเรา
19 พฤศจิกายน 2546 11:13 น.
Ichor
นางนวลน้อยเนิบถลานภากาศ
แนบนับนาบพระพรายเย็นนฤไหว
บินฉวัดเฉวียนว่อนอย่างว่องไว
โพยมไกลมิเกินไฝ่ใจจะเนา
กลีบเมฆซ้อนซ่อนสร่างพรางสีเฝื่อน
ลอยละเลื่อนล่องสลับขลับแนวเขา
บ้างบางบังบ้างหนาบ้างจับกลุ่มเอา
ชมพูเจ้าเมื่อต้องแสงแห่งสุรีย์
ตะวันลอยคล้อยลับใกล้ดับแล้ว
สลัดแสงส่างสางลงสุรีย์ศรี
ทอแสงขลับสับประกายพื้นทะเล
เหมือนแพรไหมอาบอุ่นครุ่นก่อนนอน
ทะเลครามแปลงเป็นทองยามเย็นย่ำ
แวววับหวามวาบวูบดั่งภาพหลอน
มองที่เส้นขอบฟ้าดั่งทาทอง
นี่ล่ะคือความงามของชายทะเล
19 พฤศจิกายน 2546 01:59 น.
Ichor
หนึ่งเมล็ดพืชน้อยที่คอยฝน
ให้พรำพรมชมชื่นระรื่นไหว
ฝนโปรยปรายโอมอุ้มดินชื่นฉ่ำใจ
อนึ่งชีวีเกิดใหม่ไร้ชี้นำ
เมื่อได้ฝนอมอิ่มปริ่มต้นอ่อน
ค่อยแตกยอดไชชอนดินถลำ
เหมือนดั่งเด็กต้องการหลักที่ชี้นำ
เพื่อเติบโตให้รากหยั่งอย่างมั่นคง
รากแตะดินชอนไชอย่างไวว่อง
ต้นกล้าอ่องเอี่ยมอาบน่าไหลหลง
เปรียบเด็กน้อยเรียนรู้ใจผจง
ผงาดง้ำค่ำตรงตนด้วยใจ
แสงแดดสาดสีสดของใบอ่อน
อนึ่งคำพร่ำสอนแสนสดใส
รู้ผิดชอบสว่างล้ำในฤทัย
ควบคุมได้สังเคราห์แสงแหล่งเติบโต
ฤดูผ่านต้นกล้าใหญ่ใจหนักแน่น
แม้นฝนแล้งแดดน้อยน่าโมโห
แม้นต้องผ่านฤดูกาลที่อดโซ
ดินระแหงแล้งโขยังสู้ทน
ด้วยความคิดจิตมุ่งมั่นสักวันหนึ่ง
ฉันจะต้องโตขึ้นดั่งต้นสน
ทนแรงลมทนแดดแล้งไม่แกว่งวน
ด้วยสู้ทนสักวันหนึ่งถึงกาลดี
เสมือนเด็กมีจิตคิดมั่นมุ่ง
ถีบตัวพุ่งสู่จุดหมายสวยสดสี
แดดน้ำเหมือนผู้ใหญ่หล่อเลี้ยงดี
จวบวันหน้าเป็นผู้ใหญ่ได้เต็มตน