7 มิถุนายน 2548 20:16 น.

นายแน่ใจเหรอ?... ว่านายรักเรา? (2)

HCL

ความเดิม
นายแน่ใจเหรอ?... ว่านายรักเรา? (1)
http://www.thaipoem.com/forever/story.php?storyid=5305


คณะทันตฯ ซ้อมเสร็จก่อนคณะผมประมาณ 10 นาทีครับ ตอนที่พวกหมอฟัน
เลิกซ้อมกันผมก็แอบชำเลืองมองเจ้านั่นอยู่แว้บนึง.. ตามเคยครับ 
โดนมันทำหน้าทะเล้นใส่ แถมยังมีการขยิบตาให้อีกต่างหาก.... อะไรว๊ะ??
นี่ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะเว้ย...ผมคิดในใจพร้อมขมวดคิ้ว >:( และตามมาด้วยเสียงรุ่นพี่เอ็ดสมทบอีกครั้งว่ากรุณามีสมาธิหน่อย... ก็ยอมรับแหละครับว่าสมาธิกระเจิง เพราะมัวแต่คิดว่า มันจะรอตรงไหน?? แล้วเดี๋ยวเราจะหามันเจอหรือเปล่า?? เป็นงั้นไป..   นี่ขนาดไม่อยากจะเจอมันนะเนี้ย!! ซ้อมต่ออีกซักพัก รุ่นพี่เลยสั่งว่าพอแค่นี้ก่อนสำหรับวันนี้เลิกได้ โอ...พระเจ้าจอร์ช.. สำหรับพวกเราทุกคนมันคือเสียงจากสวรรค์จริง ๆ เราถอนหายใจกันเฮื้อกใหญ่... ช่วงกำลังจะแยกย้าย เพื่อนในกลุ่มที่ซ้อมหรีดด้วยกัน ก็เอ่ยปากชวน "ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยบอมบ์?" ...ผมก็แบบว่า เออ.. เอาไงดี?? แต่ยังไม่ทันได้คิดหรือตอบอะไรครับ  เจ้านั่นก็โผล่พวดมาจากไหนไม่รู้ มาถึงก็กอดคอผมแล้วถามทันที
"เสร็จแล้วเหรอ รอตั้งนาน..ไปกันหรือยังหล่ะ?"  .....และนั่นคือคำตอบสำหรับพวกเพื่อน ๆ ผมครับว่าผมมีนัดเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินออกมา เสียงยัยต่ายหนึ่งในสมาชิกพวงหรีดประจำชั้นปี ตะโกนแซวตามหลังมาว่า "แหม...มีคุณหมอมารอกินข้าวด้วย  บอมบ์มันก็ต้องไปกับแฟนมันหน่ะซี้... มันจะมากับพวกเราทำมั้ยย...??"     อ๊ะจ๊ากกกก...idjweh*e7er387w32.. ยัยต่าย!! ผีที่ไหนเจาะปากแกมาพูดหรือไงว๊ะ? แกเอาอะไรคิด แกคิดได้ยังไง?? ผมหน้าแดงก่ำ..ด้วยความอาย และโกรธ จะพูดอะไรมากก็พูดไม่ออกเดี๋ยวเข้าตัว แล้วมันจะย้อนผมหาว่าผมกินปูนร้อนท้องอีก รู้แหละครับว่ายัยต่ายมันแซวเล่น ... แต่ให้ตายสิ
น่าเดินเข้าไป บ้องหัวให้ซักทีจริง ๆ  ผมไม่รู้จะทำไงดี เลยต้องรีบเดินจ้ำอ้าวออกมา ปล่อยให้เพื่อน ๆ ผมยืนจับกลุ่มหัวเราะกัน สงสัยตอนมันไปกินข้าวมันคงเม้าท์ผมกันสนุกปากแน่เลยครับ ผมจะหาเรื่องแก้ตัวยังไงดีหว่า หรือว่าควรอยู่เฉย ๆ ... ผมเริ่มเกิดอาการประสาทแดกขึ้นมาแล้วครับ มารู้ตัวอีกทีก็ตอน 
คุณหมอฟัน กึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบตามมาพร้อมเรียก 
"เฮ้ย....รอด้วย... จะรีบไปไหนหล่ะนั่น?"
ผมก็แบบข่มอารมณ์ให้ปกติที่สุดครับพร้อมตอบไปว่า
 "เอ้า...ว่ามา!! จะไปกินอะไรที่ไหน?" 
"ออกไปตรงตลาดแถวหลังมหาลัยมั้ย?? ของกินเยอะดี... นายมากับเราแล้วกันเราเอารถมาด้วย"
ฮืมมมม.... เด็กรวยนี่หว่า ใช้รถตั้งแต่ปีหนึ่ง  ผมคิดในใจ...
"รวยขนาดมีรถใช้ แล้วยังจะให้เราเลี้ยงข้าว..แทนน้ำขวดเนี้ยนะ??" 
 คุณหมอหัวเราะอย่างชอบใจ 
"โห....ไม่หรอกครับ ก็พูดไปงั้นแหละ เราออกให้ก็ได้"
.."ไม่เป็นไร..เราเลี้ยงเอง ไหน ๆ ก็พูดกันแล้ว ว่าแต่ว่า..ห้ามแพงนะ เกิน 200นายจ่าย !!"    "ได้....ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว" ไม่วายกวนผมครับ  "นายชื่อบอมบ์เหรอ? เราชื่อเต้นะ"...   "อ้าว..พึ่งจะมาแนะนำตัวเหรอ เรานึกว่ารู้จักกันมานานแล้วซะอีก" ผมก็กวนกลับครับ ก็จริงอ่ะ คุยกันยังกะรู้จักกันมาตั้งนาน  จริง ๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสนิทกับใครง่าย ๆ นักหรอกครับ แต่ยกเว้น หมอเต้ เนี้ยแหละ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอาจเป็นเพราะ ความง่าย ๆ เป็นกันเองของเต้ด้วยทำให้ผมไม่รู้สึกว่าเจ้าเต้นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้า หรือไม่งั้นก็คงเพราะผมใจง่ายแหละมั้งครับ "จริง ๆ แล้วเราเจอกันตั้งแต่วันรับน้องรวม ของมหาลัยแล้วนะ แต่บอมบ์คงจำเราไม่ได้
เองหล่ะมั้ง..?" ผมขมวดคิ้วทำหน้างง "เมื่อไหร่อ่ะ??"....  "ก็ช่วงที่ไปคลานพื้นขี้โคลน ลอดซุ้มมดแดงไง...รุ่นพี่เค้าจับนายผูกขากับเรา..จำได้มะ?"  ผมทำหน้าระลึกชาติเล็กน้อย จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ผมได้คู่กับ
ผู้ชายตัวสูง ๆ คนนึง จำได้แค่นั้นจริง ๆ เพราะวันนั้น สภาพรุ่นน้องแต่ละคนแทบจะดูไม่ได้ เพราะหน้าตาเละเทะไปด้วยสีน้ำ ลิปสติก โคลน แถมยังโดนผูกจุก มัดโบว์บ้าง มัดลูกโป่งถุงยางบ้าง เต็มหัวไปหมด ..."หูยย...ใครจะ
ไปจำได้หล่ะ?? ก็สภาพแต่ละคนมันเป็นผู้เป็นคนกันที่ไหน??"  "55555..ใช่ ๆ เราจำได้ว่าบอมบ์ถูกมัดผมด้วยถุงยางสองลูกบนหัว..55555"   เอ๊ะ!!...หมอนี่ยังไง!! จะเปิดสงครามกับเราเหรอ??พูดดีได้ไม่ทันไร กวนอีกแล้ว

ต่อ....				
4 มิถุนายน 2548 15:28 น.

นายแน่ใจเหรอ? ว่านายรักเรา?

HCL

ผมไม่เคยรู้หรอกครับ ว่าความรู้สึกแบบนี้ ความคิดแบบและความรักแบบนี้มันจะเกิดกับผมได้  ไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดกับผม ....  แต่ถ้าความรัก คือสิ่งที่สวยงาม ความรักคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข และหล่อเลี้ยงให้เราก้าวเดินต่อไปข้างหน้า คือความห่วงใย คือความหวังดี และความรู้สึกที่แสนบริสุทธิ์ จากคน ๆ หนึ่ง มอบให้คนอีกคนหนึ่ง โดยไม่หวังอะไรตอบแทนทั้งสิ้น โดยขอเพียงแค่ได้รัก.....  ถ้าความรักของเขาเป็นอย่างงั้นจริง ๆ .... ผมก็คงไม่มีคำพูดใด ๆ จะปฏิเสธ นอกจากความรักที่ให้ตอบครับ ....

**********************************

ข้อดีของการเลือกเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดคือ การได้อยู่หอ การได้มีชีวิตใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ การได้อยู่กับเพื่อน ๆ เที่ยวเล่นสนุกสนานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เหมือน เซเว่น อีเลฟเว่น ที่เปิดตลอดคืน ได้ออกมาจากกรอบที่เคยถูกขีดเส้น ถูกขังให้เดินอยู่ภายใตกรอบ ได้รับผิดชอบตัวเอง ได้รู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมีอีกขั้น  มันช่างคุ้มค่าเหลือเกินครับที่ต้องมุมานะร่ำเรียนมาตลอด ม.ปลาย   ความขมขื่นที่กล้ำกลืนมาตลอดสามปีเมื่อแลกกับผลสำเร็จอันแสนหอมหวาน มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน... อันนี้ฝากบอกน้อง ๆ ที่เรียนอยู่ทุกคนด้วยนะครับว่าพยายามต่อไป อย่าท้อถอยเด็ดขาด เพราะความสำเร็จของมันหอมหวาน และคุ้มค่ามาก

นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าชมรมอะไรดี  แต่มันมึกฏว่าน้องใหม่ปีหนึ่งเนี้ย ต้องเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรนักศึกษาอย่างน้อยหนึ่งชมรม เพื่อความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ และทำให้เพิ่มโอกาสที่จะได้รู้จักเพื่อนต่างคณะด้วย ไม่ใช่มัวแต่เป็นกบในกะลา รู้จักแต่เพื่อนในคณะหรือเมเจอร์เดียวกัน

อาจบังเอิญที่ว่าหน้าตาผมพอจะพาเข้าวัดได้โดยหมาไม่เห่าไม่หอน หรือความได้เปรียบตรงที่ผมมักจะเลือกกลุ่มเพื่อนที่ไม่มีใครหน้าตาดีไปกว่าผมเด็ดขาด เวลาเข้ากลุ่มเดินไปกับก๊วน เลยทำให้ตัวผม เกิดบารมีอาบร่าง ส่งรังสีรัศมีเปล่งปลั่งประกายความดูดี และเด่นกว่าคนอื่นออกมาอย่างข่วยไม่ได้   นี่คือกลยุทธ์เด็ดในการหลีสาวของผมครับ เรียกว่า คุ้มเกินคุ้ม โดยไม่ต้องพยายามอะไรมาก แค่ทำท่าทางเรียบร้อย ยิ้มมุมปากเล็ก ๆ  โปรยเสน่ห์ ก็ดูดีขึ้นมาแล้ว (ในกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เลือกสรรมาอย่างดี) แหม...อย่าพึ่งว่ากันอย่างนั้นสิครับ ผมไม่ได้เลือกเพื่อนเพื่อจะให้ตัวเองดูดีอย่างนั้น  จริง ๆ แล้วมันด้วยความบังเอิญหรอกน่า มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอที่บังเอิญ ก๊วนผมจะมีกันอยู่ สี่คน ที่ประกอบไปด้วย  ดำเป็นถ่านหนึ่ง สิวเขรอะหนึ่ง  เตี้ยล่ำหนึ่ง   ดั้งหักและฟันเหยินอีกหนึ่ง  ส่วนผมดูเป็นปกติ  ผมไม่ผิดใช่มั้ยครับ??

แต่บังเอิ๊ญ.... ไอ้กลยุทธ์การทำตัวให้ดูดีได้ด้วยแบคกราวนด์จากเพื่อน ๆ ที่คอยสนับสนุนที่ว่านี้ ดันไปเข้าตารุ่นพี่เข้าแบบไม่ตั้งใจ ผมเลยโดนบังคับบีบคอแกมข่มขู่ให้เข้าชมรมเชียร์ และรับหน้าที่เป็น หรีดคณะ  พอผมรู้เข้าเท่านั้นแหละ ว่าต้องไปทำท่าบ้าบอกางขากางแขนหน้าแสตนด์เชียร์ ผมก็โวยวายลั่นไม่ยอมท่าเดียว รุ่นพี่ทั้งขู่ทั้งปลอบ แต่ที่ได้ผลที่สุดคือ พี่รหัสผม ที่น่ารักมากกก ครับ ชื่อพี่ก้อย ให้กำลังใจว่า เนี้ย...ที่เค้าเลือกมาเป็นหรีดก็เพราะว่าหน้าตาดี ไม่ภูมิใจเหรอ ได้เป็นหน้าเป็นตาของคณะ สร้างชื่อเสียงให้คณะ ทำไมต้องมาทำเล่นตัว ด้วย  และนอกจากนั้นยัง ขู่ว่าถ้าไม่ยอมทำเพื่อคณะจะตัดผมออกจากสายรหัส (เศร้า) จริง ๆ

เอาไงก็เอากันว๊ะ  อย่างน้อย ผมก็ยังมีโอกาสได้หลี หรีดสาวหุ่นดี หน้าตาดี ประจำชั้นปีอีกหลายคน หนักใจ ก็แต่ไอ้หรีดผู้ชายอีกสองคนที่มันยืนข้าง ๆ ผมเนี้ยหน่ะสิ มันชอบส่งสายตาแปลก ๆ มาให้ผมเรื่อย  บางครั้งเหมือนผมโดนลวนลามด้วยสายตายังไงไม่รู้  นี่ถ้าผมเป็นปลากัดตัวเมีย ผมคงต้องก่อหวอด เตรียมตั้งท้องปล่อยไข่เป็นโหล ๆ แล้วหล่ะมั้งครับ

ไอ้พวกเพื่อนสารเลวของผมพอรู้ว่าผมต้องเป็นหรีดคณะ ก็ยิ่งหัวเราะกันใหญ่ แถมยังล้อเลียนสารพัด เพื่อนห่าอะไร แทนที่จะปลอบใจ เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจกัน นี่กลับซ้ำเติม  มันบอกให้ผมระวังความบริสุทธิ์ให้ดี เพราะอาจต้องเสียหนุ่ม ให้หนุ่ม  เวรกรรมจริง ๆ นี่มันหยามกันชัด ๆ  ผมเลยต้องประกาศตัวดังลั่นว่า กูไม่ใช่ ตุ๊ด นะเว้ย  ใครบังอาจมาล้อเลียนหรือพูดเรื่องนี้อีกเพียงครั้งเดียว กูจะจับไอ้คนนั้น จูบปาก และดันลิ้นเข้าไปพันในปากเป็นการแถมท้าย  ได้ผล !! แบบชะงัดเลยนะครับ พอขู่ปุ๊บ แม่งก็กลัวกันหมดจนไม่กล้าล้อผมอีกเลย

เมื่อหมดเลคเชอร์ช่วงบ่ายแล้ว ห้าโมงตรง เฟรชชี่ทุกคนต้องมาพบกันหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ เข้าแถวเตรียมตัวเข้าห้องเชียร์  ส่วนคนที่ได้รับเกียรติถูกเลือกเป็นพวงหรีดประจำคณะ ต้องแยกไปซ้อมหรีดที่สนามกีฬา หน้าสแตนด์เชียร์ประจำคณะ  ซึ่งแน่นอนครับเป็นช่วงที่ผมชื่นชอบ แต่ไม่ได้ชอบเต้นเร้งเต้นกา กางแขนกางขาท่าแปลก ๆ หรอกนะ ที่ชอบเพราะว่า หลาย ๆ คณะ ก็มาซ้อมที่สนามกีฬาเหมือนกัน ผมเลยได้โอกาส มองหรีดสาวคณะอื่น ๆ จนหมด  แต่ละคน สวย ๆ ทั้งน้านนน บางคนก็ข๊าววว ขาวว  บางคนก็หน้าอกหน้าใจเบ้อเร่อเหิ้ม บางคนก็น่ารักน่าใคร่น่าอะไรๆด้วยไปหมด  อะไรจะเป็นสวรรค์ขนาดนี้  อ๊ะ อ๊ะ!!   แต่ไม่ได้นะครับ จะไปทำตื่นเต้น ทำขี้หลีหน้าหม้อไม่ได้เชียวนะครับ เสียชื่อคณะหมด  รุ่นพี่ผมกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามเด็ดขาด  เราก็เป็นหรีดคณะเหมือนกัน ต้องวางมาด เชิดหน้า มั่นใจ เดินตรงบุคลิกดี อย่าให้ใครดูถูกคณะได้เด็ดขาด  โห....  ต้องเก๊ก ว่างั้นเหอะ!! ไม่เป็นไรวะ นึกในใจ เดี๋ยวเลิกซ้อมหรีดเมื่อไหร่ ค่อยดักจีบก็ได้วะ

ก่อนซ้อมครับ รุ่นพี่สั่งให้วิ่งรอบสนามสามรอบสำหรับผู้หญิง ห้ารอบสำหรับผู้ชาย เนื่องจากประมาณต้องฟิต เพราะหรีดต้องยืนหน้าแสตนด์เชียร์นานมาก ทั้งวันใน freshy sport day ถ้าร่างกายไม่ฟิตจะไม่สามารถเชียร์ได้เลย ผมนี่โอโหครับ แทบจะคลานในรอบสุดท้าย พอวิ่งเสร็จแทนที่จะให้พัก ดันโดนสั่งให้มายืนตรงแอ่นหลัง กางแขน หันหน้าให้แสตนด์เชียร์ โดยมือห้ามตก แล้วซ้อมรหัสเก็บมือ รหัสเตรียมพร้อม อะไรไม่รู้บ้าบอเต็มไปหมด เหนื่อย ก็เหนื่อย เมื่อย ก็เมื่อย มันจะไม่ให้พักให้ผ่อนกันบ้างเลยเหรอเนี้ย  พอครบเวลาครับ รุ่นพี่ถึงปล่อยไปกินน้ำ  ผมก็รีบวิ่งไปต่อคิวครับ แต่ไม่ทัน เพราะคูลเล่อร์มีหรีดคณะอื่นต่อคิวกันเพียบ ผมได้ต่อคิวคนสุดท้ายพอดี  หิวน้ำแทบขาดใจ พอถึงคิว น้ำดันหมดคูล เล่อร์ครับ เวร เวร เวร เวร  อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ ผมบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย

ทันใดนั้นครับ เหมือนสวรรค์มาโปรด  ผมรู้สึกว่ามีขวดน้ำแช่เย็นเจี๊ยบ ยื่นมาเตะแขนผม พร้อมกับเจ้าของขวดน้ำพูดว่า "เอานี่ก็ได้ครับ ผมมีอยู่สองขวด"  ผมหันไปมองหน้า แล้วก็จำได้ทันทีว่าไอ้นี่มันจะเป็นหรีดคณะทันตแพทย์ ที่ซ้อมอยู่แสตนด์ข้าง ๆ  สูงเป็นบ้า ขนาดผมสูงตั้ง 175 แล้วนะครับ มันยังสูงกว่าผมอีก 
ด้วยความที่หิวน้ำมาก เลยหลุดเก๊ก รีบ คว้ามาเปิดฝายกดื่มอึกๆๆๆ รวดเดียวจนหมดขวด 
"ขอบใจมาก....งั้นเดี๋ยวเราซื้อคืนให้นะ"   
เจ้าหมอฟันยิ้มอวดฟันสวย (เออ!! รู้แล้วว่าฟันเองสวย เพราะเป็นหมอฟัน) ซื้อคืนไม่คุ้มกันหรอกครับ ผมว่าเปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวผมหลังเลิกซ้อมหรีดดีกว่า .........  เฮ้ยยยย อะไรวะ น้ำเปล่าขวดเดียวนี่คิดจะแลกข้าวเป็นมื้อเลยเหรอ??  ผมคิดในใจแบบเสียงดัง จนแสดงออกมาทางใบหน้าค่อนข้างชัดเจน  เจ้าหมอฟันคงสังเกตุทันเลยรีบบอกปัด "งั้นเดี๋ยวเรารอนายข้างสนามกีฬาตอนซ้อมเสร็จหนึ่งทุ่มนะ... เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน" แล้วหมอนั่นมันก็รีบเดินหายไปเลยครับ  ปล่อยผมยืนงง เล็กน้อยว่าเราไปรู้จักมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?  ที่สำคัญ ผมไม่ค่อยอยากเดินกับมันเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกว่ามันแย่งผมหล่อครับ เรื่องนี้แหละ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ไม่อยากยอมรับเลยครับว่าตลอดช่วงซ้อมหลังจากพัก สติสตางค์ผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่  หน้าตากวน ๆ พร้อมยิ้มกระชากใจของหมอนั่นมันแว๊บ ๆ เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ  ก็จะไม่ให้สติแตกได้ไงครับ ก็มันดันซ้อมอยู่สแตนด์ข้าง ๆ ผม ผมพยายามจะไม่มองหน้ามันแล้วนะครับ แต่เชื่อมั้ยว่า พอชำเลืองไปทางคณะทันตฯ ทีไร ต้องเห็นเจ้านั่นยักคิ้วหลิ่วตามาให้ผมทู้กกก ทีให้ตายสิ  มันจะจองล้างจองผลาญอะไรผมนักหนา  แว๊บ... หนึ่ง ผมดันคิดขึ้นมาว่า หรือมันจะแกล้งเรา เอ๊ะ ... หรือว่าเราเคยไปทำอะไรมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ??  แล้วนี่เดี๋ยวตอนเลิกซ้อม เราจะไปกับมันดีป่าวเนี้ย  หนีแม่งเลยดีมั้ย??   เฮ้ยย... ไม่ได้สิ ยังไงก็ต้องเจอมันที่นี่เกือบทุกวัน จะหนีได้ไงหล่ะ  อีกอย่าง ดันแดกน้ำมันไปตั้งครึ่งขวด เดี๋ยวมันจะกล่าวหาเราเอาได้ ว่าเด็กวิทยาฯ ไม่รักษาคำพูด .... เอาไงดีวะ เอาไงดี  .... ผมเฝ้าแต่คิดอยู่อย่างนั้นจนเสียสมาธิ โดนรุ่นพี่เอ็ดอยู่ตลอดว่า กางเขนมือตก!! เหม่อลอยไร้สติ.... เรียกสติกลับมาได้แล้ว.....  โอ้ยยย นี่มันเป็นวันซวยของผมหรือว่าไงเนี้ย??


ต่อ....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟHCL
Lovings  HCL เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟHCL
Lovings  HCL เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟHCL
Lovings  HCL เลิฟ 0 คน
  HCL
ไม่มีข้อความส่งถึงHCL