29 เมษายน 2547 16:14 น.
hallelujah
ตาจับจ้องมองไปที่ปลายฟ้า
สกุณาโผผินบินผกผ่อน
สีสกุณาตัดสีฟ้ายามรอนรอน
จับปากกามาเขียนกลอนคลายผ่อนใจ
ยามอาทิตย์อัสดงค์ช่างงามล้ำ
กิ่งไม้ไหวร่ายรำพลิ้วไสว
สายลมเย็นพัดผ่านสราญใจ
ธรรมชาติช่างวิไลสวยใสงาม
มวลหมู่เมฆลอยเอื่อยระเรื่อยรื่น
ขุนเขายืนเด่นตระหง่านน่าเกรงขาม
เป็นสิ่งคู่ แกร่ง-อ่อน อันงดงาม
แฝงนิยามคู่กันนิรันดร
พิสุทธิ์เกินกว่าใจจะคิดไขว่
ธรรมชาติยิ่งใหญ่ช่วยสั่งสอน
วิถีทางแห่งความงามที่ดับร้อน
ให้ทุกข์จรจากลี้หนีหายไป
คุณค่าแห่งธรรมชาติช่างงามล้ำ
ทั้งโตรกห้วยเงื้อมง้ำ ลำเนาใหญ่
อาทิตย์จันทร์ทุ่งเถื่อนลมเลื่อนไซร้
คือตำราสอนใจให้เติบเต็ม
24 เมษายน 2547 00:01 น.
hallelujah
เป็นเพียงดอกไม้ในความว่าง
รอบกายอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
เงียบเหงาเศร้าสร้อยแต่ผู้เดียว
ไม่มีผู้เหลียวหันมอง
ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน
เจ้าบานเบ่งอย่างเศร้าหมอง
จรูญจรัสเรืองรอง
แต่ไร้คนมองสนใจ
พวกเขาล้วนยุ่งมุ่งงาน
คิดขานทำการล้วนใหญ่
ไม่คิดเหลียวมองใครใคร
มุ่งไปสู่กระแสเงินตรา
แม้แต่ความงามเช่นเจ้า
พวกเขาก็ไม่เห็นค่า
ไม่คิดเหลียวใจมองมา
ปล่อยเจ้าอุราช้ำใจ
เจ้าเป็นความงามที่เปล่าเปลี่ยว
โดดเดี่ยวอ้างว้างเหนือไหน
หวังเพียงผู้คนเหลียวใย
โถ... -ความงาม- ที่ใครหลงลืม
23 เมษายน 2547 23:52 น.
hallelujah
ที่รัก...
เธอจักรับรู้บ้างไหม
ว่าคนคนนี้จริงใจ
มากมายแค่ไหน...คนดี
ฉัน...
ผู้ชายเพ้อฝันคนนี้
ให้รักหมดใจที่มี
คนดีรับรู้หน่อยเธอ
รัก...
แน่นักไม่เคยเพ้อเจ้อ
รักจริงรักจังนะเออ
ไม่ได้ละเมอมาอำ
เธอ...
ปล่อยฉันรอเก้อเจ็บช้ำ
ไม่รัก ไม่จด ไม่จำ
ตอกย้ำเหยียบย้ำหัวใจ