14 กันยายน 2546 16:47 น.
hallelujah
ฉันนั่งอยู่เดียวดาย
หันมองรอบกายไม่มีสิ่งที่เคยเห็น
มันคลาดเคลื่อนจากสิ่งที่เคยเป็น
ฉันไม่รู้ควรจะทำเช่นไร
ไม่มีเธออยู่เคียงข้าง
ฉันอ้างว้างหนาวเหน็บเป็นไหนๆ
เมื่อวันนี้ไร้ซึ่งแรงใจ
ฉันไม่รู้ควรจะทำเช่นไรดี
13 กันยายน 2546 22:26 น.
hallelujah
21 นาฬิกา 56
เม็ดน้ำใสทิ้งตัวตกจากฟากฟ้า
ลงกระทบบนหน้าปัดนาฬิกา
แตกกระเด็นกระทบหน้าที่หม่นมัว
เขาแหงนหน้าขึ้นมองนภากาศ
เมฆครึ้มดำดาดาดแลสลัว
วางดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ข้างตัว
เมฆขมัวฟ้าขมุกฝนคมำ
จากเม็ดน้อยปรับเปลี่ยนเป็นห่าใหญ่
บรรยากาศทั่วไปดูชุ่มฉ่ำ
ต้นไม้ใหญ่ใบหนาถูกกระทำ
ด้วยเม็ดน้ำแสนหยดตกรดมา
ไม่ต้องหรอก...ขอบใจนะฟ้าเจ้า
ไม่ต้องเศร้าปลอบใจเป็นเพื่อนข้า
หยาดน้ำฝนหล่นผสมหยาดน้ำตา
เธอคนนั้นคงไม่มา...สัญญาลวง
10 กันยายน 2546 23:07 น.
hallelujah
ดวงดาวดาดเดื่อน
ดวงเดือนโดดเดี่ยว
ดูเดือนดวงเดียว
โดดเดี่ยวเดียวดาย
ยามเดียวดายตาฉันหมายที่ปลายฟ้า
ดวงดาราพรายพริ้มกระหยิ่มแสง
ในขณะที่ดวงเดือนเหมือนอ่อนแรง
ได้เพียงแต่ทอแสงอย่างอ่อนเบา
เกิดอะไรขึ้นหรือปล่าวเจ้าดาวเอ๋ย
เจ้ากระทำเหมือนเยาะเย้ยเจ้าเดือนเหงา
เจ้าดวงเดือนจึงทอแสงอย่างแผ่วเบา
ได้เพียงยิ้มอย่างหม่นเศร้าเหงาดวงใจ
ไม่มีใครคอยปลอบโยนยามเหงาหงอย
ไมีมีใครที่จะคอยเอาใจใส่
ไม่มีใครให้ความรักความห่วงใย
ไม่มีใครไม่มีใคร...ไม่มีใคร
10 กันยายน 2546 21:02 น.
hallelujah
สายลมเย็นพัดผ่านม่านตาขยับ
ปลุกฉันจากภวังค์หลับตาสลัว
ขยี้ตาให้พอรู้สึกตัว
ยังเงียงัวอยู่ลึกๆให้ตรึกใจ
กำลังนั่งอยู่บนรถสาย69
อ้าปากหาวเห็นคนน้อยให้สงสัย
ปกติคนจะเยอะแน่นบรรลัย
แต่ทำไมวันนี้คนน้อยจัง
เหลือบสายตามองเหม่อนอกหน้าต่าง
ลมเบาบางยังพัดโชยผ่านผิวหนัง
ฟ้ามืดมิดนี่คงดึกแล้วกระมัง
แต่แปลกจังวิวแถวนี้ไม่คุ้นตา
โอ้เวรกรรม!!! ดันหลับนั่งเลยป้าย
ถามกระเป๋าจะสุดสายอยู่แล้วหนา
อารมณ์เซ็งกระหน่ำโหมถั่งโถมมา
กลอนนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าหลับบนรถประจำทาง
9 กันยายน 2546 16:39 น.
hallelujah
คือเพชรงามเลิศล้ำนำคุณค่า
คือดาราส่องกระพริบระยิบแสง
คือดอกไม้กลางมวลหมู่แมลง
คือดวงเดือนที่ทอแสงสว่างใจ
คือเกลียวคลื่นกลืนทรายเหนือชายหาด
คืออากาศหล่อเลี้ยงชีวิตไว้
คือสายลมพัดโบกกล่อมหัวใจ
เหนือสิ่งใดจะเปรยเปรียบ...หาเทียบเธอ