8 ตุลาคม 2546 00:36 น.
hallelujah
คือพระผู้นิรมิตลิขิตสวรรค์
พิมานพรรณล้ำเลิศประเสริฐศรี
เป็นดินแดนแห่งพระไตรรัตนทวี
คุณความดีที่รวมไว้ในไตรกาล
คือพระผู้นิรมิตลิขิตโลก
พิมานโศก สุขขะ วัฏฏะสังสาร
เป็นรอยเชื่อมทางมนุษย์สุดจักรวาล
ดั่งสายธารที่รินไหลไปตามกรรม
คือพระผู้นิรมิตลิขิตมนุษย์
ประเสริฐสุดหรือทรามสัตว์ขจัดล้ำ
อยู่ที่ตัวมนุษย์จะพึงกระทำ
ทุกเช้าค่ำถูกตราไว้ในโลกันต์
คือพระผู้นิรมิตลิขิตนรก
สถานปกเดรัจฉานมารสวรรค์
ทำกรรมชั่วก็ส่งมานรกโลกันต์
สุดแท้แต่สวรรค์จะชี้ทาง
คือมนุษย์ผู้เหิมเกริมเฉลิมสัตว์
คิดก่อการปฏิวัติพระผู้สร้าง
คิดการใหญ่ก้าวออกจากรอยทาง
ที่พระสร้าง เปล่าร้าง อาบอาถรรพณ์
คือมนุษย์ผู้แต่งเต็มเกษมศานต์
แต่งตั้งโลกเป็นพิมานแทนสวรรค์
มีป่าช้าแท่งคอนกรีตคิดเพริศพรรณ
มีดวงจันทร์ไว้ดูเล่น โลน - หยาบคาย
คือมนุษย์ผู้กำหนดสรรพสิ่ง
กำหนดว่าสิ่งใดจริงด้วยใจหมาย
เร้นหลบเลี่ยงต่อต้าน มาร - ความตาย
ปดความลวงเปลี่ยนความหมาย - สัจธรรม
คือมนุษย์ผู้กบฏโกงคดพระ
ไร้สัจจะอาบอัตตาพาอิ่มหนำ
คงจะอีกมินานดอกที่เวรกรรม
จะตามซ้ำ ตามฆ่าพาวอดวาย
5 ตุลาคม 2546 23:00 น.
hallelujah
ขอขอบคุณบทกลอนอันหวานชื่น
ให้ทุกคืนของฉันนั้นสุขสันต์
ขอขอบคุณความห่วงใยที่ให้กัน
สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันหลับฝันดี
แต่จะดีกว่าไหมถ้าจะบอก
คำพูดออกจากปากของเธอนี้
บอกความรักความห่วงใยที่เธอมี
ฉันคนนี้คงฝันดียิ่งกว่าเดิม
5 ตุลาคม 2546 22:58 น.
hallelujah
ฉันเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ซึ่งรักเธอเสมอเหมือน
เธอผู้เป็นดั่งดวงเดือน
แต่มิเคยลับเลือนจากดวงใจ
แต่ฉันเป็นผู้ชายขี้อาย
มิกล้าเอ่ยใจหมายอย่างมิไหว
จึงได้แต่เขียนกลอนส่งให้เธอไป
ขอให้เธอรับรู้ความในใจของ...ผู้ชายขี้อาย
5 ตุลาคม 2546 03:51 น.
hallelujah
ชีวิตเหมือนรถประจำทาง
ที่จอดรับสิ่งต่างๆทั้งเก่าใหม่
คนคุ้นเคย คนแปลกหน้า ใครต่อใคร
ที่เข้ามาเติมเต็มให้กับตัวเรา
ในบางวันที่คนเยอะแน่นขนัด
รถติดขัด,คนก็แน่นเข้ารุมเร้า
อาจเป็นวันที่ยุ่งเหยิงพาลให้เศร้า
ให้ตัวเราเหนื่อยหน่ายเพลียหัวใจ
หรือบางวันที่คนน้อยรถโล่งว่าง
ให้รู้สึกอ้างว้างเป็นไหนๆ
ทำให้เรารู้สึกเหงาหัวใจ
ไม่มีใครก้าวเข้ามาให้วุ่นวาย
เราไม่รู้ว่าวันไหนรถจะว่าง
เราไม่รู้ข้างหน้า ทางจะติดไหม
เราไม่รู้ว่าเราจะเจออะไร
ฉะนั้นจงเตรียมใจ ก่อนออกรถ
5 ตุลาคม 2546 03:05 น.
hallelujah
เป็นความงามของความลวงที่กลวง - โศก
ที่กลาดเกลื่อนเบือนให้โลกต้องโศกสันต์
คือความลวงที่คงอยู่คู่คืนวัน
ฉาบความงามให้ตัวนั้นมั่นจีรัง
เป็นสมัยที่ความจริงนั้นนิ่งน้อย
อีกค่อยๆถูกมนุษย์นั้นขุดฝัง
เพราะรู้สึกว่าความจริงน่าชิงชัง
จึงหันหลังแล้วกลบฝังทั้งเป็นๆ
แล้วยึดมั่นในความลวงเป็นที่ตั้ง
แล้วฉาบหน้า - ฉาบหลังให้ดังเด่น
เบือน - ทับ - กลบ - ลบ - บิด - ปิด - ซ่อนเร้น
ให้โลกเห็นเพียงความงามที่ลวง - จริง
โลกจึงเศร้าโศกสร้อยละห้อยไห้
ให้กับความเป็นไปของสรรพสิ่ง
เมื่อยุคนี้เป็นสมัยไร้ความจริง
น้ำตาโลกทอดตัวทิ้งให้สิ่งลวง