2 มิถุนายน 2551 16:25 น.

เสียดาย

gro_d

+เราทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร!!! อดีตผู้จัดการหนุ่มรำพึงในใจ เขาเคยเป็นคนหนุ่มที่อนาคตไกล ทำงานในบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังระดับแนวหน้าของประเทศเขาเป็นคนขยันตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือ ข้องแวะกับอบายมุขต่างๆ เป็นคนดีในสังคมคอยช่วยเหลือผู้คนรอบข้าง ไม่เคยเอาเปรียบหรือเบียดเบียนใคร มีสมบัติของผู้ดีเพียบพร้อม เขายึดมั่นในคำสอนของพ่อ แม่ ครู อาจารย์ ที่สอนว่า คนดีในสังคมเป็นอย่างไร


+เวลาผ่านไปหลายปี เขาเติบโตมากับแนวคิดนี้และปฏิบัติมันอย่างสม่ำเสมอไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาเชื่อว่าชีวิตมนุษย์คนเราทุกคนมีหน้าที่ มีเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตคล้ายๆกัน เขาลำดับกะเกณฑ์ชีวิตของเขาได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ต้องตื่นนอนแต่เช้า ตัดผมให้สั้นตามระเบียบ ต้องขยันเรียน ต้องเรียนให้สูงๆจะได้งานดีๆ ขยันอ่านหนังสือ สอบให้ได้คะแนนสูงๆ ต้องเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง จบแล้วต้องเรียนต่อสาขายอดนิยม เลือกทำงานที่ดีๆ เงินเดือนสูงๆ ต้องแต่งงานในตอนอายุไม่เกินสามสิบปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ เลี้ยงลูก ทำธุรกิจ ร่ำรวย มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เป็นที่รักของทุกคน ยามแก่เฒ่ามีลูกหลานคอยดูแล บางอย่างไม่เกิดขึ้นในเวลานี้แต่เขาพยามจะทำมันให้ได้ตามเป้าหมาย เขาเชื่อว่าทุกคนก็คงเป็นเหมือนๆกันเพราะเขาเห็นคนรอบข้างของเขาแต่ละคนก็ดำเนินชีวิตไม่ต่างกัน


+เขารังเกียจคนที่ไม่ได้เรียน คนหนีเรียน คนเที่ยวกลางคืน คนเรียนไม่จบ เขามองว่าคนเหล่านี้ไม่มีอนาคต ไร้ปัญญา การดำเนินชีวิตหลุดกรอบของสังคมเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเขา เขาคิดว่า คนเหล่านี้ คงไม่มีทางสำเร็จในชีวิต เป็นคนที่ทำตัวแปลกแยก


+การงานของเขาก้าวหน้าไปตามลำดับ เขาได้เป็นพนักงานดีเด่นสามเดือนซ้อนเงินเดือนและโบนัสเพิ่มขึ้นสูงอย่างเป็นประวัติการ เขาซื้อคอโดหรูกลางกรุงราคาหลายล้าน สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง ผู้คนต่างนับหน้าถือตา แผนการณ์ชีวิตของเขาเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาควบคุมมันได้


+เขาพบรักรุ่นน้องสาวสวยที่ทำงานออฟฟิศเดียวกัน เขารักเธอมากทุ่มเททำงานเก็บเงินเพื่อสานฝันกับเธอ เขาทำโอทีทุกวันจนติดเป็นนิสัย เขาคิดถึงอนาคต ร่ำรวยเงินทอง ไม่ลำบาก มีลูกตัวเล็กๆ แล้วก็อยู่กันอย่างมีความสุข


+วันนึงเขากลับจากออฟฟิศเร็วกว่าปกติ ซื้อเนื้อมาทำกับข้าว เขาอยากทำเซอร์ไพรส์เมียของเขาด้วยอาหารมื้อค่ำ


+วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ห้องปิดไฟมืดสนิท ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติ เขาได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากในห้องนอน เขาวางเนื้อแล้วเดินไปดู ประตูเปิดแง้มไว้ แล้วเขาก็ได้เห็นที่มาของเสียงนั้น เงาตะคุ่มๆอยู่ที่เตียง เป็นเงาของคนสองคน คนหนึ่งคือเมียของเขา แต่อีกคนเป็นชายที่ไม่รู้จัก ทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เขาอึ้งไปชั่วขณะ มือของเขาคืบคลานไปกดสวิตซ์ไฟ


+เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น ทั้งสามคนต่างจ้องหน้ากันและกัน ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน.....




+หนึ่งเดือนต่อมา เขาออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการบาดแผลที่เกิดจากการโดนแทง ที่ท้องของเขาเริ่มสมานกันดีแล้วให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เขากลับมาถึงบ้านที่พังระเนระนาดด้วยการต่อสู้ เขาจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ที่เขารู้คือเมียของเขาหนีตามชายชู้ไปพร้อมกับเงินบางส่วน แต่ก่อนไป เธอได้ฝากสิ่งหนึ่งไว้กับเขา สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดการณ์ เขาไม่ทราบว่าเธอจะรู้ตัวหรือเปล่าว่า "เธอติดเอดส์"


+เขากลับไปที่ทำงาน สายตาของทุกคนจ้องมองเขาไม่เหมือนอย่างเคย เขากลายเป็นตัวประหลาด เขาหาทางออกด้วยการพึ่งพา เหล้า และ บุหรี่ ความเครียดและความกดดันรุมเร้าจนเขาต้องลาออกจากงานในอีกหนึ่งเดือนต่อมา เงินเก็บที่มีก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลและค่าเหล้าบุหรี่


+เขานอนหมกตัวในบ้านทั้งวันทั้งคืน เขานอนรอความตาย ชีวิตเขาไม่เหมือนอย่างเคย ตื่นสาย ไม่ทำงาน ไม่มีเงินเก็บ เขาแปลกใจ ทั้งๆที่เขากะเกณฑ์ทุกอย่างไว้ตามขั้นตอน แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด ยิ่งคิดมากทำให้เขายิ่งถอดใจ


+ความว่างเปล่า การได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เขาได้คิดอะไรได้บางอย่าง เขาคิดว่า คนเราก็คือสัตว์โลก สัตว์ที่ความต้องการหลัก ก็คือการมีชีวิตรอด ต้องกิน ต้องอยู่ ต้องสืบพันธุ์ สิ่งที่เราเป็น เราจินตนาการ เราถูกกำหนดกฎเกณฑ์ ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่เราสมมุติกันขึ้นมาเอง ทำไมเราต้องตัดผมสั้น ทำไมเราต้องตื่นนอนแต่เช้า ทำไมต้องเรียนให้สูง ทำไมการกระทำบางอย่างที่ผิดแปลกจากคนส่วนใหญ่ถึงเป็นสิ่งผิด ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนที่เขาเคยรังเกียจ หรืออาจหนักกว่านั้น


+เขานั่งเงียบๆมองผิวหนังที่ตกสะเก็ดไม่มีคำคำใดที่เขาจะนิยามความรู้สึกที่มีอยู่ ณ เวลานี้ได้เท่าคำว่า "เสียดาย"				
4 พฤษภาคม 2551 14:33 น.

กำแพง

gro_d

+ศิลา นักโทษที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำพิเศษ หัวของเขาครุ่นคิดถึงโลกภายนอกตลอดเวลา จินตนาการถึงอิสระภาพที่เขาจะได้รับจากการออกไป อย่างกระจ่างชัด โลกแห่งอุดมคติที่ไม่ต้องถูกจองจำ เขาติดอยู่ในคุกแห่งนี้นานเท่าไหร่จำไม่ได้เสียแล้ว แต่มันนานพอที่จะทำให้เขาลืมอตีตที่เคยอยู่นอกกำแพงได้อย่างหมดจด



+เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการ แผนการหลบหนี และ ใช้ช้อนเหล็ก ขูดผนังทีละนิดๆ ขนเศษอิฐไปทิ้งทุกเช้า จนบัดนี้ จากรูเล็กๆ ได้กลายเป็น อุโมงค์ลึก และกว้างพอสำหรับที่เขาจะมุดออกไปนอกห้องขังยามวิกาลได้



+หลังจากการวางแผนได้เสร็จสิ้นลง คืนนี้เป็นคืนที่เขาตัดสินใจที่จะหนีออกไปจากนรกแห่งนี้เสียที หลังจากสะเดาะโซ่ตรวนได้ เขาเริ่มมุดเข้าไปในอุโมงแคบๆที่เขาได้ขุดไว้ แล้วคืบคลานไปทีละนิดๆ ในหัวของเขาตอนนั้น มีความหวังที่จะสัมผัสกับโลกในอุดมคติที่เขาจินตนาการไว้ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น การคืบคลานไปอย่างช้าๆนั้น กว่าจะถึงจุดมุ่งหมายแรกก็ใช้เวลานับชั่วโมง



+เมื่อถึงจุดหมายแรก เขาก็พบกับห้องที่มีกำแพงสูงท่วมหัว พร้อมกับเส้นทางที่คดเคี้ยวราวกับเขาวงกต เขาตัดสินใจเดินย่องอย่างเงียบๆ เพราะกลัวว่าผู้คุมจะยินเสียงแล้วการหนีครั้งนี้จะจบลง เขาเบียดตัวกับผนัง และแทรกตัวไปในเงามืดอย่างช้าๆ ด้วยการวางแผนที่รัดกุม บวกกับความชำนาญพื้นที่ของเขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถพ้นจากจุดนี้ได้ แต่เรื่องมันคงจะจบลงได้ง่ายกว่านี้ ถ้าหากว่าเขา ไม่โดนตะปูที่ผนังเกี่ยว จนผ้าขาดวิ่น ด้วยความบังเอิญ ผู้คุมนายหนึ่งได้สังเกตเห็นมันเข้า และได้แจ้งกับหัวหน้าเรือนจำ จึงมีการตรวจสอบตัวนักโทษ และบัดนี้ ทางเรือนจำได้ล่วงรู้ถึงการหายตัวของเขาเสียแล้ว



+เสียงสัญญาณดังขึ้น ผู้คุมวิ่งกันจ้าละหวั่น ไฟทุกดวงได้ถูกเปิด ภาพเรือนจำพิเศษในตอนนี้ สว่างราวกับกลางวันศิลาตกใจมาก แต่ไม่มีใครที่จะพรากความหวังของโลกภายนอก โลกในอุดมคติที่เขาใฝ่ฝันนี้ไปได้ เขาสังเกตว่าขณะนี้มีลมเป่าหัวของเขาอยู่ เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็ได้เห็นช่องแอร์ที่อยู่เหนือหัวของเขา....



+ความมืดปกคลุมไปทั่วช่องแคบๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ เสียงหายใจหอบเสียงหนึ่งได้คืบคลานอย่างช้าๆและตื่นเต้น สายตาคู่หนึ่งได้สอดส่องลอดทะลุ ช่องระบายอากาศออกมา สังเกตท่าทีของผู้คุมที่อยู่ภายนอก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็คือผู้คุมสองนายยังกวาดสายตามองออกไปรอบๆ อย่างไม่ลดละ






+สายลมพัดอย่างแผ่วเบา น้ำทะเลสีฟ้าใส คลื่นลูกโตๆถูกพัดเข้าชายฝั่งเป็นจังหวะ พร้อมกับร่มเงาใต้ต้นมะพร้าวที่เย็นพอที่จะหลบแสงแดดอันร้อนแรงในตอนบ่ายได้ ศิลาได้นอนซดน้ำมะพร้าวน้ำหอมอย่างสบายใจ คิดในใจว่า ถึงเขาจะจำเรื่องราวเก่าก่อนของเขาไม่ได้แล้ว แต่ก็จะปักหลักอยุ่ในที่แห่งนี้ ดินแดนสวรรค์ที่เขาจินตนาการมาตลอด เขาหลับตาอย่างช้าๆรับลมแผ่วๆที่พัดเข้าชายฝั่ง ความมืดทวีค้นเรื่อยๆ กลิ่นเหม็นอับคละคลุ้ง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความปะหลาดใจทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา และได้พบว่า ตัวเองยังหลบซ่อนตัวอยู่ในท่อแอร์ ในคุกพิเศษ...



+โชคเหมือนจะเข้าข้างศิลา เมื่อตอนนี้ผู้คุมทั้งสองนาย ได้หายไปจากบริเวณนี้แล้ว เขาค่อยๆหย่อนตัวลงมาจากท่อแอร์ และลัดเลาะไปยังเส้นทางที่วางแผนไว้อย่างระวัง เขาผ่านจุดนี้มาได้แล้ว ภาพในอุดมคติของเขาใกล้จะเป็นความจริงขึ้นมาอีกหนึ่งก้าวแล้ว



+ท่ามกลางความมืด เขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต กระโจนข้ามขดลวดหนามที่ได้วางเป็นแนวกันไว้ ทีละขดๆ ในใจของเขาเต้นดังราวกับเสียงกลอง เขาเห็นกำแพงสูงตระหง่านตรงหน้า ทำแพงที่เมื่อเขาข้ามมันไปได้ ก็จะพบกับสวรรค์ที่เขาฝันถึง แต่เขาก็ต้องรีบเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้ยินเสียงของ สุนัข และผู้คุมตามมาข้างหลังไกลๆ พวกเขารู้ตัวแล้วว่าเขาออกมาได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาวิ่งไปหลบในมุมมืดข้างกำแพงสูง ในหัวปั่นป่วน หาทางหนีรอดออกจาก จมูกของสุนัขเหล่านี้ เคราะห์ดี ฝนได้ตกลงมาในตอนนี้ราวกับฟ้ารั่ว หนึ่งในแผนที่เขาคาดคะเนไว้ ตอนแรกเขาเกือบจะหมดหวังกับดินฟ้าอากาศอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถือว่าเทวดายังเห็นใจ เขาปีนกำแพงอย่างทุลักทุเล ด้วยฝนที่ตกนั้น อีกทั้งยังต้องหลบแสงไฟที่สาดส่องข้ามหัวไปมาอีกด้วย



+และแล้ว เขาก็ปีนขึ้นมาถึงขอบกำแพงได้ เขามองออกไปข้างหน้าก็พบว่าภาพทะเลที่เป็นอุดมคติของเขานั้นอยู่ไกลออกไป เมื่อเขามองเห็นกำแพงที่สูงใหญ่กว่าที่เขายีนอยู่นี้อยู่ชั้นนอกอีกสองชั้น เขายืนอึ้ง ตัวสั่น และชาไปทั้งตัว....


+ทุกอย่างขาวโพลน ตัวของเขาเบาหวิว หูของเขาอื้ออึง และ รู้สึกชาไปทั้งตัว หลังจากภาพสีขาวโพลนได้จางหายไปตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื่องหน้าเขา ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งศอก ก็คือพืนหญ้าที่แฉะไปด้วยน้ำและโคลน ตัวของเขายับไม่ได้ หลังของเขาสึกเจ็บ "เขาถูกยิง" ร่างของเขากำลังจะปะทะกับพื้นหญ้าข้างล่างนั่น เวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ความคิดทุกอย่างในชีวิตที่เขาพอจะจำความได้ ได้พรั่งพรูออกมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวอยู่ตรงหน้าเขา เขารู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศอย่างช้าๆ ก่อนที่ร่างกายจะปะทะพื้นทะเลสีฟ้าใส 


หาดทราย แสงแดด ต้นมะพร้าว และสายลม



+ทุกอย่างดับวูบไปราวกับปิดสวิตซ์ไฟ ร่างของเขากระแทกพื้นอย่างจัง กระดูก คอ แขน และซี่โครง หัก เขากำลังจะตาย เสียงสุนัขและผู้คุมวิ่งใกล้ตัวเขาเข้ามาทุกทีๆ สติที่กำลังจะดับวูบอยู่นั้น ได้รับรู้ว่า หลังจากที่ได้ฝ่าฟันมาเนิ่นนานและลำบาก อุปสรรค แล้ว อุปสรรคเล่าได้โผล่ออกมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ถึงเขาจะมีแรงกำลังที่พอจะวิ่งไหว ก็ต้องเจอกับอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าอีกมากมาย นี่ คงเป็นจุดจบ จุดจบที่เขาไม่ต้องดิ้นรนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว ...



แล้วสติอันเลือนลางนั้นก็ได้ดับลงอย่างไม่มีวันที่จะติดขึ้นอีก........				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟgro_d
Lovings  gro_d เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟgro_d
Lovings  gro_d เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟgro_d
Lovings  gro_d เลิฟ 0 คน
  gro_d
ไม่มีข้อความส่งถึงgro_d