22 พฤษภาคม 2550 01:26 น.
finallove
มันคือเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 19ปี ผู้ซึ่งสัตทาใน
ความรักและยังเชื่อมั่นในความรักที่เขาครอบครองอยู่โดยไม่รู้เลยว่าวันหนึ่ง
สิ่งที่เขาเชื่อและสัตทามันจะกลับมาทำร้ายเขา เขาเฝ้าดูแลสิ่งที่เรียกว่า ความรัก อย่างทนุถนอมตลอดระยะเวลา7 ปี จากเด็กหนุ่มซึ่งมีความสุขกับสิ่งที่เขาคิดว่า
มันคือรักแท้และมันจะเป็นรักสุดท้ายของเขา กลับกลายเป็นชายหนุ่มวัย 26ปี
ที่ต้อนทนทุกทรมานกับความเชื่อ ความศรัทธาในวัยเยาเพียงแค่คิดว่ารักแท้มี
อยู่จริง แต่สิ่งที่หลงเหลือจากคำว่ารักแท้ก็มีแค่เพียง คาบน้ำตาบวกกับการที่ไม่เหลือใคร ...ไม่มีอีกแล้ว คนที่เคยอยู่ข้างกาย คนที่เป็นได้ในทุกๆอย่างของชีวิต คนที่เปรียบเสมือนเฟืองตัวสุดท้ายที่จะขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ และเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวัน.......ต่อให้ร้องจนไม่เหลือน้ำตา ก็คงไม่มีค่าไม่มีความหมายเป็นได้แค่เพียงคนที่ยังรักเธอ มันไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ.........สิ่งที่เขายังคงเฝ้ารอในทุกๆวินาทีก็คือ สายลมแห่งความเชื่อที่จะมีโอกาสพัดพา เธอผู้เป็นที่รักกลับคืนมา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องเลิกลากับคนรักใหม่เสียก่อน
.....เมื่อไหล่..... วันไหน......นานเพียงใด.... ยังคงเป็นคำถามที่ติดอยู่ในความ
รู้สึกของชายหนุ่มตลอดระยะเวลา 85 วันที่ผ่านมา สิ่งที่เขาไม่เคยเชื่อเลยก็คือ ความรักจะสามารถทำร้ายคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคำว่า " รัก " ได้ และยังสอนให้คนๆนึง ได้เรียนรู้ถึงคำ 3คำ " ทรยศ " " ปวดใจ " " ปางตาย " เขาเคยคิดว่าคำหล่าวนี้จะมีแค่ใน หนังสือ เนื้อเพลง และละครน้ำเน่าเท่านั้น ...นี่
..นี่มันชีวิต...ชีวิตจริง....เคยมีคนกล่าวไว้ว่า " ..เวลารักษาได้ทุกแผล.. " แต่
แผลนี้คงจะใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะมันเป็นแผลที่เต็มไปด้วยน้ำตาและ
การรอคอย บวกกับสิ่งที่ค้างคาภายในใจ ...ทำไม..ทำไม..ทำไม..ดูจะเป็นคำถามยอดนิยมที่ยังคงติดตัวชายหนุ่มไปในทุกๆที่ ในทุกๆเวลา ไม่ว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่ก็ตาม และในคืนนั้น ในคืนของวันที่ 9 มีนาคม 2550 เขากำลังค้นหาทางออกให้กับความปวดร้าวที่ยังคงกัดกินหัวใจในทุกๆค่ำคืน และต้องการที่จะหยุด
การหลั่งรินของน้ำในตา เขาหันไปเห็นสมุดจดงานเล่มเล็กๆที่หน้าปกมีรูปหมีน้อยกำลังยิ้มพร้อมปากาที่เคยใช้เฉพาะจดงาน ...ทางออก...ทางออกเดียวในตอนนั้นของเขาก็คือการเขียน เขียนอะไรก็ได้ เพื่อบรรยายความรู้สึกในตอนนั้น ซึ่ง
จริงๆแล้วการเขียนเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไรนัก และไม่เคยคิด
ที่จะเขียนอะไรที่ดูจะเป็นจริงเป็นจัง แต่มันก็เป็นทางออกเดียวในตอนนั้นจริงๆ
เขาใช้เวลาพอสมควรในการเขียนเรื่องราวต่างๆโดยไม่สนเลยว่าคำที่ใช้ อักษรที่ใช้และตัวสะกดที่ใช้จะถูกหรือจะผิด เขาแค่อยากจะเขียนเพื่อจะเขียน หลังจากการเขียนสิ้นสุดลงเขาก็ได้เรียนรู้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าการเขียนเป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้คนที่อยู่ในอารมที่เรียกว่า " อกหัก " รู้สึกดีขึ้นได้ และสิ่งที่ชายหนุ่ม
พยายามเขียนนั่นก็คือเรื่องที่ท่านพึ้งจะอ่านจบไปนั้นเอง..........
{ อยากจะให้การเขียนในครั้งนี้เป็นแนวทาง และเป็นทางออกให้กับอีกหลายๆ
คนที่กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกันนี้ครับ ทุกช่วงเวลาของชีวิตมักจะมีทางออกที่ดีที่สุดเสมอ}