ตู....ยังไม่ตายยยย.......!
ลุงแทน
.......เรื่องมีอยู่ว่า........ในคืนเดือนมืด มืดตึดตื้อของคืนหนึ่ง ณ ริมทุ่งใกล้วัดร้าง ที่มีแต่ กุฎีโทรมๆ กับเจดีย์ เก่าหลายเจดีย์ ข้าพเจ้ากับพวกเดินกับจากธุระที่จำเป็นต้องผ่านเส้นทางนี้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะผ่าน ด้วยกิตติศัพย์ที่เล่าลือเรื่อง "ผีดุ" แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำเป็นต้องผ่าน ขณะนั้นเวลาประมาณเกือบตีหนึ่ง เป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ารู้สึกอย่างไร ยิ่งสายลมโชยมาแผ่วๆ ทำให้เย็นยะเยือกเข้าไปในหัวใจ เส้นขนทุกเส้นตั้งชันอย่างบอกไม่ถูก เสียงสุเห่าเห่าหอนแว่วมา จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้วังเวงยิ่งขึ้น
.......ในขะะที่กำลังจะเดินผ่านเจดีย์ที่เขาบรรจุอัฐิ ที่ไม่มีญาติพี่น้องมาดูแล้วนับเป็นสิบปี ทันใดนั้น.....ทั้งเพื่อนและข้าพเจ้าต้องสดุ้งขึ้นพร้อมกัน......เมื่อเห้นดวงไฟสองดวงอยู่ห่างกันไม่เกินสองศอก เป็นดวงไฟที่อยุ่ระดับฐานเขดีย์.....และต้องตกใจยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ท้าวแข็งไม่สามารถก้าวเท้า หรือแม้ขยับให้เดินต่อไปได้.....เมื่อได้ยินเสียงมาจาดดวงไฟที่หนึ่งว่า
...."เองตายยังไงหรือ..........." เป็นเสียงของผู้ชายที่ฟังแล้วชวนสยองยิ่งนัก
...." ข้าถูกยิงตาย......มันยิงข้าที่หน้าอก ยังไม่หนำใจ ตามมาซ้ำที่ตัวข้าอีก ทำให้ตาของข้าต้องห้อยอยู่อย่างนี่ ทั้งปวดทั้งรำคราญ.........." อีกเสียงตอบากดวงไฟดวงที่สอง ......." แล้วเอ็งล่ะเป้นอะไรตาย........" เสียงจากไฟดวงที่สองถามกลับมาบ้าง
......." ข้าถูกดักฟันข้างหลัง มันฟันข้าที่หัว ดูซิแยกเป็นเสี่ยงเลย........."
เสียงไฟดวงแรกตอบ
แล้วเสียงนั้นก็เงียบไปสักพักหนึ่ง นานเท่าไรไม่รู้ที่เสียงนั้นเงียบหายไป แต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าในเวลานั้น ช่างนานเสียเหลือเกิน
......."แล้วเอ็งล่ะ เป็นอะไรตาย........" เสียงที่ถามนั้นมาจากดวงไฟดวงแรก.....แสดงว่า..............ในระหว่างดวงไปสองดวงนั้น ต้องมีอะไรสักอย่างที่อยุ่ตรงกลาง.....จริงอย่างนั้น เพราะในระหว่างดวงไฟสองนั้น มีอีกร่างหนึ่งที่นั่งยองๆอยู่ตรงกลาง............ทันใดนั้น..................
"....ฮือ ฮือ ฮือ......" เสียงตรงกลางนั้นครางสั่น จนได้เสียงเหมือนที่กระทบกัน
"ฮืออออ......กู....ยัง....ไม่....ตาย.....กู.....มา....นั่งขี้......โว้ย............."
เรื่องก็เป็นอย่างนี่เอง..........แล ฯ