สมติฐาน...สู่การเมืองใหม่
โกเต็ก
ดูเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ใกล้ถึงจุดสุกงอมเต็มแก่ เมื่อทางออกถูกเสนอให้ อย่างครบถ้วน เท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยผจญ
หากไม่นับทางออกที่รับไม่ได้ อย่างการใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกัน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) การยุบสภา การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการทำประชามติ หรือแม้กระทั่งการยอมถอยออกจากทำเนียบรัฐบาลของพันธมิตรฯ(อย่างมีเงื่อนไขพิเศษ) ควรจะได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุดทุกข้อ
สองข้อแรกถูกเรียกร้องให้นำมาใช้ตั้งแต่ต้น จนถึงขณะนี้ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่สอดคล้องกับสันติวิธีมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงขณะนี้สถานการณ์ดูจะผ่านเลยจุดนั้นไปมากพอสมควร เมื่อเหตุผลข้อที่สามถูกงัดมาใช้ จากฟากรัฐบาล
แต่การถูกจับตามองว่า 1.เป็นการยื้อหรือซื้อเวลาของรัฐบาลชุดนี้ 2.เป็นความมั่นใจในฐานเสียงที่ตัวเองมีอย่างไรเหตุผล และ 3.เป็นเพียงการเผาเงินภาษีเล่น ๆ กว่า 2พันล้านบาท ทางออกนี้เลยค่อนแข้นไปสู่เส้นทางแห่งหายนะระลอกใหม่เลยด้วยซ้ำ
แม้จะเป็นเหตุผลที่รัฐบาลไม่อยากฟัง แต่ด้วยสมติฐานของกฎหมายประชามติที่กำลังง่อนแง่นอยู่ในสภา และการป่าวประกาศอยู่เสมอจากว่า มีอย่างน้อย ๆ16-17 ล้านเสียง (ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่) หนุนหลังอยู่ สมติฐานข้างต้น 3 ข้อ รัฐบาลจึงต้องรับให้ได้ และพร้อมที่จะตอบด้วยเหตุผลใหม่ที่น่าฟังกว่าเก่า
หากไม่นับความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่สังคมไทยเคยเรียนรู้มามากพอสมควร หาใช่ช้อยใหม่ที่ไม่เคยตอบแต่อย่างใด ถึงได้บอกไงว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้ใกล้สุกงอมเต็มที่
แต่สมติฐานนี้จะเปลี่ยนไปทันทีหากไม่กี่วันนี้ โลกหมุนย้อนกลับ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่บังเกิด โดยกลุ่มพันธมิตรฯยอมถอยจากทำเนียบ และรัฐบาลสมัครยอมถอยออกจากการบริหารประเทศ อย่างไม่มีเงื่อนไขทั้งคู่ เมื่อใดด เมื่อนั้นเกิดขึ้น หมายความว่า การเมืองไทยได้พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบเสียที