๒๑ มีนาคม ๒๕๔๖ ...... จะทุ่มแล้ว พี่ย้ง พี่ชายคนเก่งก็ยังไม่โผล่มาซ๊ากกกที รอ....ร๊อ...รอ (ขอบอกว่าพี่ย้งเก่งจริง ๆ ค่ะ เพราะว่า พี่ย้งเนี่ย จบ ม.ปลาย ในเวลา ๒ ปี คะแนนเอนท์เป็นอันดับ ๑ ของ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ฯ แถมเกรดก็....ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกค่ะ แค่ ๔.๐๐ อิอิอิ ใครหลายคนยังบอกเลยนะคะว่า อยากให้คนเก่ง ๆ แบบพี่ย้งมาทำงานเพื่อสังคมมากๆ เพราะตอนนี้คนที่หัวดี ๆ ระดับหัวกะทิอย่างนี้ จะไม่ค่อยมองงานสังคมสงเคราะห์กันหรอก จาวตาลก็ว่าจริงนะคะ จะมีก็พี่ชายจาวตาลคนนี้นี่แหละค่ะ แต่จาวตาลว่า ทำงานอะไรก็ดีทั้งนั้น ถ้ารู้จักเห็นใจ เอื้อเฟื้อคนอื่น และไม่ใช่งานทุจริต จริงไหมคะ ...พี่ย้งจ๋า น้องสาวขอค่าโฆษณาด่วน) เสียงมามี๊เรียกให้นั่ง เป็นรอบที่ร้อยแล้วค่ะ ก็จาวตาลเดินวนไปวนมา อยู่ที่หน้าร้านโดนัท ที่หัวลำโพงจนมามี๊เวียนหัวแล้วน่ะสิ .... มาแล้ว ๆ ๆ เกือบได้เวลารถออกพอดี จาวตาลกะพี่ย้ง (อ้อ ! มีมามี๊ กะ ป๋าด้วย) ก็วิ่งหน้าตั้ง ไปที่ชานชาลา เฮ้อ....ทันเวลาเฉียดฉิวพอดี (โปรดเปิดเพลงเสียงรถด่วน ขบวนสุดท้ายประกอบการอ่าน) .... เจ้าม้าเหล็กตัวยาวเคลื่อนตัวได้ไม่ถึงชั่วโมงดี พี่พนักงานสุดสวย ก็ทยอยแจกข้าว ว๊าว น่าทานจัง (เรียนท่านผู้อ่าน เดี๋ยวนี้รถไฟไทย พัฒนาแล้วนะคะ) ถ้าอย่างนั้น จาวตาลขอตัวไปหม่ำ ๆก่อนนะคะ
ทางขึ้นดอย....สวยมั๊ยคะ
เตรียมงานและเอกสาร...ก่อนเข้านอน ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๖ ..... หาวววว....ววว ..... .... เช้าแล้วหรอเนี่ย มิน่าจวนจะถึงสถานีเชียงใหม่ จุดหมายปลายทางแล้ว เมื่อจาวตาลกะพี่ย้งไปถึงเชียงใหม่ได้สักครู่ พี่โจ พี่ชายชาวออสซี่ผู้ใจดี ก็พาน้อง (รถ) จิ๊ป มารับ เพื่อเดินทาง ข้ามภูเขา ข้ามน้ำ ข้ามทะเล (อันนี้เว่อร์) ไปยัง อ.แม่สรวย จ. เชียงราย ..... .... แต่น แตน แต๊น.... ขอเปิดตัวเพื่อนร่วมทีมอีก ๔ คน ฮับป๋ม อันได้แก่ พี่เอก พี่ชายหน้าตา (เกือบ) หล่อ ที่บินตรงมาจากแดนปลาดิบ พี่เอกเค้าได้ทุนไปเรียนสาขาเอเชียและแปซิฟิคศึกษาที่ญี่ปุ่นค่ะ ก็พี่เอกนี่แหละค่ะ ที่เป็นคนหลอกล่อ เอ๊ย ชวนจาวตาลมาทำงาน กับ ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อเยาวชนหรือ YCC พี่เอกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนเอเปค ที่แคนาดา เมื่อปี ๑๙๙๗ ค่ะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวายซีซีนานาชาติ และวายซีซีประเทศไทย สำหรับจาวตาลแล้ว พี่เอกน่ะเป็น นักสังคมสงเคราะห์ในดวงใจเลยล่ะค่ะ คุณพ่อของพี่เอก หรือคุณซาบูร์ ก็ทำงาน NGO เหมือนกัน คนที่สอง คือ พี่โบว์ ตามมาติด ๆ ด้วยพี่แอน พี่โบว์กับพี่แอนเป็นพี่สาวคู่ซี้ น่ารัก แถมเรียนเก่งอีกตะหาก พี่สาวสองคนนี้ก้าวเข้าสู่งานสังคมสงเคราะห์ ได้เพียง ๑ ปีเองค่ะ แต่ความสามารถไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว และสุดท้าย ซัน หนุ่มหล่อนักกิจกรรม คนนี้มีดีกรีเกือบเป็นถึง รองประธานนักเรียนทีเดียว แต่ซันปฏิเสธไม่ยอมเป็น เพราะว่าอยากทำงานสังคมให้เต็มที่ อ้อ...ซันเป็นเจ้าของโครงการอบรมเรื่องสิทธิเด็กครั้งนี้ด้วยนะคะ พี่พี่ทั้ง 3 คน และซัน เดินทางล่วงหน้ามาก่อนจาวตาล เพื่อมา ติดต่องาน เตรียมการไว้ก่อน ส่วนจาวตาลกํบพี่ย้งตามมาทีหลัง พวกเรานัดเจอกันที่หน้าอำเภอ (กรุณาเปิดเพลงนัดพบหน้าอำเภอ ของพุ่มพวง จะได้บรรยากาศมาก) แล้วพ่อหลวง ซึ่งเป็น ผู้ใหญ่บ้านดอยล้าน ก็มารับพวกเราขึ้นดอย พร้อม ๆ กับพี่โจ let's go !!! .... หูยยยย.....สาบานได้ว่าที่นั่งมาไม่ใช่เกวียน แค่ทางขึ้นดอยล้าน อันสุดแสนหฤโหด ๙ กิโล ฯ กว่า ก็ทำให้เด็กกรุงอย่างพวกเรา ๖ คน หอบแฮ่ก ใครมาเห็นสภาพจาวตาลตอนนี้คงขำก๊าก ไม่เชื่อลองนึกถึง ภาพเด็ก ๖ คน ยืนหัวแดง (เพราะฝุ่นลูกรัง) ลูบก้น อยู่ข้างรถกระบะดูสิคะ -_-! ล้างหน้าล้างตาพอสดชื่น พี่โจ (ผู้ใจดี อีกแล้ว อิอิ) ก็พาพวกเรา ๖ คน ไปเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน ทำให้ได้เจอน้อง ๆ ที่กำลังวิ่งเล่น ตั้งหลายคนแน่ะค่ะ นึกถึงพวกเด็กในเมืองอย่างเรา ๆ ที่มีของเล่น สีสันสวย ๆ เกลื่อนบ้าน แต่สำหรับเด็กชาวอาข่าและลีซู เพียงแค่ ได้กระโดดโลดเต้น เดินโถกเถก (ที่เป็นไม้ไผ่ต่อขาสูง ๆ อ่าค่ะ) โหนเถาวัลย์ แล้วก็แข่งกัน กระโดดน้ำตูม ๆ ก็เห็นเขายิ้ม อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ จะว่าไปก็อิจฉาในความเรียบง่ายของ ชาวไทยภูเขาเหมือนกันแฮะ .... ๖ โมงแย็นแล้ว พี่อะเรย์ (อะเรย์ หมายถึง ลูกคนที่ ๒ ค่ะ คนที่เป็นลูก คนที่ ๒ จะชื่อเหมือนกันทั้งหมู่บ้าน ) ลูกสาวพ่อหลวง ก็ต้อน เอ๊ย! เรียก พวกเราไปอาบน้ำ ทานข้าว และมาคุยกัน เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนตะลุยการอบรมในวันรุ่งขึ้น ขอแอบเม้าท์เรื่องห้องน้ำหน่อยนึง คือ ห้องน้ำที่นี่เป็น ผนังไม้ไผ่ หลังคาสังกะสี จาวตาลก็ไม่ได้คิดอะไร เดินเข้าไปในห้องน้ำ เตรียมแก้ผ้า ๕๕๕ พลัน !!!! สายตาก็ไปจ๊ะเอ๋กะ น้องกุ๊กไก่ตัวอ้วน....เหยยยย...มองออกไป เห็นไก่เป็นตัว แล้วข้างนอกมอง เข้ามาจะเหลือหรอเนี่ย เอื๊อก (เสียงกลืนน้ำลาย... กรุณาเปิดเพลงสยิวประกอบการอ่าน) แต่ด้วยความไว้ใจใน ศีลธรรมจรรยาของชาวบ้าน ก็เลย แก้ผ้าอาบน้ำ ซา-บาย-จายยย (จะโดน เซ็นเซอร์มะเนี่ย) แต่คิดว่าไม่มีใครกล้าแอบดู จาวตาลหรอกนะคะ เพราะเวลาราดน้ำขันนึง ก็กรีดร้องทีนึง (ถ้านึกไม่ออก ลองฟังเสียงน้องหมาโดนเหยียบหางดูสิ) แหม...น้ำมันเย็นนี่นา .... กลับมาเรื่องเตรียมงานต่อดีกว่า พี่อะเรย์พาเพื่อนใหม่ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นเด็กโต ๆ (ตัวใหญ่กว่าพวกเราอีกอ่า) มาให้รู้จักอีก ๖ คน เพื่อนัดแนะกิจกรรมคร่าว ๆ บางส่วน เพื่อน ๆ เหล่านี้จะเป็นแกนนำน้องเล็ก ๆ คอยกระตุ้นให้ เด็กคนอื่นแสดงความคิดเห็น เพราะทุกคนที่นี่ไม่เคย แสดงความคิดอย่างอิสระ ไม่เคยอบรมแบบนี้มาก่อน ทำให้เด็กส่วนใหญ่ขี้อาย ไม่กล้าพูด แต่กว่าจะอธิบายกันได้ แต่ละกิจกรรม พวกจาวตาลก็แทบปาดเหงื่อ ที่ต้อง แปลไทยเป็นไทย (เราไม่ใช่พจนานุกรมเคลื่อนที่นะ ถึงแม้ความหนาของตัว จะใกล้เคียงก็เถอะ...แหะ ๆ ๆ) เวลาล่วงมากว่า ๕ ทุ่ม พวกเราทีมงาน ๖ คน ก็ได้เวลา - - - ยัง ๆ ๆ ยังไม่นอน..... เตรียมเอกสารต่างหาก จนล่วงเข้าสู่วันใหม่ พวกเราจึงได้ฤกษ์พาตัวเองตะกายขึ้นฟูก หมดแรงแล้วล่ะค่ะ
นั่งล้อมวงหม่ำ ๆ ๆ ๆ ๆ อาหารทำจากหมูสามชั้นล้วน ๆ ค่ะ เป็นหมูดำที่เลี้ยงกันบนดอย ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๖ .... ฟุด ฟิด ฟุด ฟิด (นึกภาพหมูดมกลิ่นตามนะ) กลิ่นอะไรหว่า หอม ๆ ลอยมาถึงหน้าบ้านเชียว อย่างนี้ต้อง ขอแว๊บแอบดูในครัวหน่อย พอเปิดประตูเข้าไป โอ้โห..... (แท่ม แทม แท๊มมมม ... เสียงดุริยางค์ประกอบความอลังการ) อาหารแบบลีซูก็วางรออยู่บนโตก......หม่ำล่ะน๊า.... (เซ็นเซอร์ภาพแร้ง ๖ ตัวรุมทึ้งอาหารยามเช้าเป็นเวลา ๑ บรรทัด) .... พี่อะเรย์พาพวกเรามายัง โรงเรียนตชด. บ้านดอยล้าน ซึ่งเราจะใช้สนามและลานกว้างหน้าโรงเรียนเป็นที่อบรม น้อง ๆ ตัวเล็ก ๆ ต่างมาช่วยเก็บเศษกระดาษและตกแต่ง สถานที่ ด้วยความตื่นเต้น ไม่นานเกินรอ กิจกรรม ice breaking ก็เริ่มต้นขึ้น พวกเราสังเกตได้ว่าน้อง ๆ แยกชาย-หญิงชัดเจนมากเลย (ห่างกันอย่างกะจะเล่นเทนนิส อันนี้ไม่ได้เว่อร์น๊า) ทีมงานหัวใสเลยแก้ปัญหาด้วยการ เล่นลมเพลมพัด พัดน้อง ๆ มายืนเป็นวงกลม สลับหญิงชาย เท่านั้นล่ะค่ะก็ได้เรื่อง ฝ่ายชายไม่ขยับตัว ส่วนฝ่ายหญิงก็ วิ่งแตกตื่นไปเลย ร้อนถึงพวกเราต้องวิ่งต้อนเด็ก ๆ...... โถ...ฝีเท้ากวางในกรงหรือ จะสู้สิงโตในป่า....อิอิอิ งานนี้ได้บทเรียนไปเต็ม ๆ ว่า.....นักกีฬาไทย ไม่มีวันแพ้วิ่งแข่ง ตราบเท่าที่ยังมีชาวไทยภูเขา..... 55555 ( เป็นธรรมเนียมของชาวไทยภูเขา....หญิงและชาย ห้าม ใกล้กัน หรือถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะเป็นการผิดผี ) .... กว่าจะเข้าที่เข้าทาง จาวตาลกะเพื่อน ๆ ก็ซับเหงื่อกันจน ผ้าเปียกนั่นล่ะค่ะ โดยเฉพาะพี่ย้ง พี่โบว์ ที่จับคู่กันดูแลน้องตัวจิ๋ว ๆ กลุ่ม F4 ที่วิ่งไปวิ่งมา....นี่ก็เหนื่อยไม่แพ้กัน พี่แอนกับซัน ที่ดูแล กลุ่มหงส์....เหลือจาวตาลกะพี่เอกยิ้มออก เพราะการทำกิจกรรม กับเด็กอายุเกิน ๑๕ แบบกลุ่ม Freshy เป็นเรื่องง่ายกว่านี่คะ อิอิ เกือบ ๑๐ โมง กิจกรรมแรกก็เริ่มขึ้น แม้จะติดขัดเรื่องภาษาไปบ้าง แต่พี่อะเรย์ก็ช่วยเป็นล่ามให้ได้อย่างดี ถึงตอนเที่ยง น้อง ๆ สอนจาวตาลใช้ตะเกียบคีบข้าวแบบลีซูด้วย แต่ยากจัง...จาวตาลเลยเอาปากรองถ้วยข้าว แล้วพุ้ย ๆ ๆ ๆ แบบจีนกินข้าวต้ม ง่ายกว่าแยะ 555 ถึงช่วงบ่าย น้อง ๆ ก็เริ่มกล้าแสดงความคิดเห็นขึ้นมานิดนึง กล้าพูดคุยระหว่างเพศแล้ว พวกเราโล่งอกขึ้นเยอะเลยค่ะ กิจกรรมสุดท้ายจบลงด้วยความอ่อนเพลียของทุกคน หลังจากใช้ความคิดกันมาทั้งวัน เลยปล่อยน้องไปพักผ่อนกันก่อน ในขณะที่พวกเรายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดวัน จาวตาลยังนึกถึงคำพูดและแววตาของน้อง ๆ ในขณะที่เล่าถึง ชีวิตของพวกเขาว่า ..... ขาดการคุ้มครองจากกฎหมาย ไม่ได้รับการศึกษาเพียงพอ ถูกคนพื้นราบเลือกปฏิบัติ หรือแม้แต่ไม่มีใบเกิด อย่าว่าแต่อาหารครบ ๕ หมู่ตาม หลักโภชนาการเลย บางบ้านข้าวที่กลืนเข้าปากยังแทบจะไม่มี.... ถ้าถามว่าพวกเราห่วงใยใคร มากที่สุดตอนนี้ คงตอบไม่ยากว่า พวกเขานี่แหละค่ะที่จะต้องเติบโตขึ้นมา เป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นของเขาต่อไป... ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเรา ๖ คน ฮึดสู้สัญญากับตัวเอง เลยนะคะว่า เราจะทำหน้าที่ยุววิทยากรของเราให้ดีที่สุด - - - เชื่อใจพวกเราสิคะ - - - เราทุกคนนัดเจอกันตอน ๒ ทุ่ม เพื่อร่วมกันร้องเพลงรื่นเริง คืนนั้นจบลงด้วยเพลง รักน้อง จากพวกเรา ๖ คน ถึงชาวดอยล้านทุกคน อ้อ....เราไม่ลืมบอกพวกเขาด้วยนะ ว่าเรารักพวกเขาทุกคน .... หวังว่าพวกเขาจะนอนหลับฝันดีนะ
ทางขึ้นดอย.....อีกรูป
พวกเรา 6 คน....สู้ตายค่ะ