ในหัวใจที่ปลอดโปร่ง
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมชอบเปิดเว็บของพันทิพ เว็บของประชาไท เว็บบอร์ดต่างๆ รวมทั้งเรื่องราวลึกลับต่างๆ ในยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคที่ทุกคนเข้าใจว่าตนเองฉลาดหมดทุกคน และหากประสบพบกับความไม่เป็นธรรมต่างๆก็จะยิ่งมองโลกนี้ด้วยความฉงนฉงายและตีความออกไปต่างๆนา โดยเฉพาะพวกที่ทำงานแล้วไม่ก้าวหน้าก็ยิ่งหน้าดำคร่ำเครียดกันใหญ่ และยิ่งมีปัญหาต้องตกงานด้วยแล้วก็ยิ่งถึงขึ้นบ้าครั่ง
หัวใจของผมมันเจ็บปวดรวดร้าวที่โดนเขารุมกระทำด้วยความโหดร้ายและเขี้ยว ด้วยสาเหตุของความชั่วร้ายในทางส่วนตัว ที่บดบังสติปัญญาสามัญสำนึกให้เห็นเรื่องส่วนตัวมาก่อนเรื่องอื่นใด
เมื่อใครก็ตามเห็นเรื่องส่วนตัวมาก่อน เรื่องส่วนรวมก็ยากยิ่งที่จะคิดออกได้
ในบรรดาพวกมีหน้าตาใสๆซื่อๆตาบ้องแบ๊ว แต่งตัวเรียบเนียนดูสูงส่งสง่า มีบริวารแวดล้อมก้อร่อก้อติก ลีลาเหมือนลูกผู้ดีมีตระกูล ลีลาท่าทางการพูดเหมือนตระกูลอภิมหาโคตรเศรษฐี ของใช้ทุกอย่างแบรนด์เนม
ผมเห็นแล้วก็อดคิดจะลอกเลียนแบบไปใช้บ้าง แต่ถ้าคนอื่นหละ เขาอาจจะเข้าใจว่า ที่ว่าดีๆนะต้องแบบนี้เท่านั้น
แต่ทว่าใครจะเห็นบ้างว่าต่อหน้าอย่างนั้นแล้วลับหลังจะอย่างใด
หลายๆคน ได้ต่อสู้จากเจ้าของกิจการจนต้องมากลายเป็นหมออาบอบนวด และต้องสู้ต่อไปจนกระทั่งพบความสำเร็จ
ผมเองแต่ก่อนก็นั่งคิดเป็นปี กว่าจะคิดออกมาได้ว่าทำดีก็ต้องได้ความดี
ไม่ใช่จะได้ตำแหน่ง
เมื่อก่อนผมมองอะไรก็อ้างว่าประชาชนลำบาก อะไรที่ทำให้ประชาชนลำบากแล้วจะออกความเห็นทันทีว่า ไม่ถูก
มาวันหนึ่ง ผมได้ยินหัวหน้าคนหนึ่งได้กล่าวว่า... พึงเอาชนะความชั่วร้ายทั้งปวง ด้วยการปฏิตามพระราชดำรัสของในหลวง...หลวงพ่อคูณท่านได้กล่าวไว้ว่า ...ชาตินี้หากได้ทำอะไรให้กับในหลวงแล้วละก็...ก็ถือว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิด...หากเรารักในหลวง เราก็ต้องรักภรรยาท่าน ลูกท่าน หลานท่าน สะใภ้ท่านด้วย...
มันเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ได้ราดลดบนกระบาลของผม ผมขนลุกทั้งตัว น้ำตาแห่งความปลื้มปิติหลั่งออกมาจากสองตาของผม แต่หัวใจของผมกลับอบอุ่นอย่างประหลาด
นานมากแล้วซินะที่ผมหลงวนเวียนไปเวียนมาในความคิดของตนเป็นใหญ่
ณ วันนั้น และที่นั้นเอง ผมได้พบกับ พระบรมรูปของรัชกาลที่ ๕ และผมได้กราบขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระองค์ท่าน และข้าพระพุทธเจ้าจะขอจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ณ วันนี้ ผมไม่ได้มีตำแหน่งใดๆที่ต้องแสร้งทำจงรักภักดี หัวใจของผมจึงปลอดโปร่ง ที่จะต่อสู้กับความชั่วความเลวร้ายบัดซบต่างๆให้หมดสิ้นไป ด้วยการศึกษาเข้าใจและเข้าถึงพระราชดำรัสของพระองค์ ก่อนที่จะนำไปพัฒนาหรือกำจัดความชั่วร้ายเลวทรามให้หมดไปจากแผ่นดินไทยต่อไป
ผมไปเอากระบี่ของผมที่เมื่อก่อนวางไว้ใต้บันได ยกออกมาขัดถูแล้วเก็บมันไว้ในที่สูงอีกวาระหนึ่ง
แม้จะมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้จะต้องตราตรำรำบาก แม้จะเหน็ดเหนื่อยลำบากยากกายเพียงใด ผมก็จะสู้ ต่อไป...
ด้วยหัวใจที่ปลอดโปร่ง...ดังนี้แหละครับ ...อาจจะดูว่าไร้สาระ แต่บางครั้งการไร้สาระอาจมีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนคิดกระทำจะคาดคิดได้จริงๆ ...ลองดูกันครับ
...ขอขอบคุณที่ติดตามผลงานของกระผมครับ...