ตอนเช้า กาแฟหนึ่งแก้วเมื่อตื่นนอน ใส่น้ำตาลสองก้อน คอฟฟี่เมทสองช้อน เปิดทีวีดูรายการข่าว พิธีกรเล่าเรื่องราคาน้ำมันที่กำลังขึ้นแตะเพดานสี่สิบบาทต่อลิตร ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เสียงพิธีกรยังคงเจื้อยแจ้ว กาแฟยังคงค้างอยู่ครึ่งค่อนแก้ว เดินลงมาชั้นล่าง เดินดูแปลงดอกไม้ ดอกกุหลาบเริ่มโรยลงบ้างแล้ว นึกอยากปลูกดอกใหม่แต่ไม่มีที่ว่างเหลือ นั่งทำงานที่ยังค้างคา จากสาย ไปเป็นเที่ยง ไปเป็นบ่าย ออกไปหาข้าวกลางวันกิน กลับบ้าน หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ครึ่งเล่มขึ้นมาอ่าน ใกล้ค่ำ งานยังคงไม่คืบหน้าไปไหน เดินลงไปดูแปลงดอกไม้ ออกจากบ้านไปคุยกับเพื่อน ฟ้ามืด นั่งคิดอะไรเรื่องเปื่อย เสียงข่าวภาคค่ำพูดถึงเรื่องนายกฯไปเยือนจีน นั่งมองโทรศัพท์ หยิบขึ้นมากดเบอร์.. วางโทรศัพท์ ถอนใจ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโทร ................................................................ ตื่นเช้า พร้อมด้วยกาแฟหนึ่งแก้ว ใส่น้ำตาลสองก้อน คอฟฟี่เมทสองช้อน นึกถึงบางคนที่เคยบอกว่าชอบดื่มกาแฟที่ใส่น้ำน้อยๆ เปิดทีวีดูรายการข่าว ราคาน้ำมันยังคงขึ้นไปใกล้แตะสี่สิบบาท ปล่อยทีวีให้เปิดค้าง ปล่อยกาแฟให้หลงเหลืออยู่ในแก้ว เดินลงไปดูดอกไม้ที่สวนข้างล่าง ดอกกุหลาบดูสลดลงนิดหน่อย มองหาที่ว่าง อยากปลูกดอกใหม่ที่มันสดชื่น แต่ก็มองไม่เห็นที่ว่างตรงไหน ขึ้นมานั่งทำงานจนบ่าย งานไม่คืบหน้าจากเดิม ออกไปหาข้าวกลางวันกิน กลับมาหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อวานมาอ่านต่อ รู้ตัวอีกทีตอนเย็นมากแล้ว ปิดหนังสือค้างไว้ที่ครึ่งเล่ม ลงมากวาดลานบ้านข้างล่าง ใบไม้ร่วงจนดูรก มองใบว่านบางใบที่เหี่ยวเฉาตรงขอบใบ ใครบางคนเคยบรรจงใช้กรรไกรอันเล็กขลิบตรงสีน้ำตาลนั้นออก ค่ำ ข่าวยังคงรายงานเรื่องนายกฯไปเยือนประเทศจีน ออกมายืนนอกระเบียง ดาวบนฟ้าทอประกายระยิบระยับ หยิบโทรศัพท์มาพลิกๆดูแล้ววาง ................................................................... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...................................................................... กาแฟหนึ่งแก้ว น้ำตาลสองก้อน คอฟฟี่เมทสองช้อน ข่าวภาคเช้ายังคงเป็นราคาน้ำมันที่แตะหลักสี่สิบบาท วางแก้วกาแฟทิ้งไว้หน้าจอทีวี ควันสีขาวลอยกรุ่นทักทายพิธีกรที่อ่านข่าวเจื้อยแจ้ว ไม่ชอบชุดพิธีกรหญิงวันนี้เลย มันทำให้นึกถึงใครบางคน มองหาไปรอบๆ ยังคงไม่มีที่ว่างที่จะปลูกกุหลาบอีกสักดอก นั่งทำงานนานกว่าทุกวัน แต่เมื่อลุกออกไปกินข้าวกลางวัน งานก็ยังคงอยู่ที่เดิม หยิบหนังสือมาอ่าน พลิกดูหาว่าอ่านไปถึงหน้าไหน ที่คั่นหนังสือคั่นไว้ตรงครึ่งเล่ม ลมเย็นๆพัดผ่านมาเยือกหนึ่ง ฝนคงตกไกลๆ เจ็บแปลบในอกอย่างประหลาด วางหนังสือและลุกขึ้นเดิน ทุรนทุรายในความรู้สึก หยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์จนครบ กดออก แต่แล้วก็วางสาย ............................................................... .. .... .. .... .. .... .. .... ......................................................................... ตื่นตอนเช้า พยายามกินกาแฟให้หมด แต่ก็ไม่หมด นั่งดูข่าวเรื่องราคาน้ำมัน แต่ก็เหมือนกับทุกๆวัน ซึ่งราคากำลังจะแตะหลักสี่สิบบาท สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่างขณะที่พิธีกรยังคงอ่านข่าวไม่จบ นั่งมองดอกกุหลาบนานกว่าปกติ มันโรยแล้ว กลีบเป็นสีน้ำตาลไหม้ แต่ยังหรอก มันยังไม่โรยสักหน่อย กลีบด้านในมันน่าจะยังสดอยู่บ้างแหละ เปิดงานขึ้นมาทำ หมดเปลืองเวลาไปค่อนวัน เพื่อจะได้งานเท่าตรงจุดเริ่มต้น มองนาฬิกาเพื่อดูเวลาข้าวกลางวัน แต่ก็นึกแปลกใจ ทำไมเข็มนาฬิกาต้องเดินเป็นวง ทำไมไม่เดินหน้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ นะ นึกถึงนาฬิกาอยู่ดีๆ ก็ไพล่ไปนึกถึงตุ้มหูของใครบางคน ที่เพียรเสยผมอวดด้วยกลัวว่าจะมองไม่เห็นตุ้มหูคู่สวยอันนั้น หยิบหนังสือมาเปิดอ่านตรงหน้าเดิม หน้าเดียวกับทุกๆวัน บางทีกุหลาบต้นนั้นมันอาจเหี่ยวเฉาไปนานแล้วก็เป็นได้ ถ้าไม่ถอนออก ก็คงไม่มีที่ว่างจะปลูกดอกใหม่ หนังสือเมื่อจบหน้า ถ้าไม่พลิกหน้าต่อไป เรื่องราวก็คงไม่อาจดำเนินไปไหนได้ ข่าวนายกฯไปเยือนจีนดังออกมาจากทีวีช่วงข่าวภาคค่ำเป็นรอบที่ร้อย บางที คืนนี้อาจจะกลั้นใจกดโทรศัพท์ให้ครบหมายเลขและโทรออกเสียที..
23 กรกฎาคม 2551 08:49 น. - comment id 100688
จะโทรไปหานายกเหรอคะ^_^
23 กรกฎาคม 2551 09:00 น. - comment id 100689
เอ่อ จะโทรไปหาทั่นทำไมล่ะครับ
23 กรกฎาคม 2551 12:54 น. - comment id 100690
บางที.. ถ้าฝนตกลงมากุหลาบต้นนั้น อาจจะแทงตาออกมาได้ใหม่ หรือหากว่าฝนไม่ตก ก็ลองรดน้ำดูนะ
23 กรกฎาคม 2551 13:04 น. - comment id 100691
โทรเลยค่ะ....สนับสนุน ชีวิตเราไม่ควรจะเดินวนเวียนกับเรื่องเก่าๆเกินสองครั้งนะคะ.......แหะ คติประจำตัว ยกเว้นกาแฟ วนได้ไม่มีเบื่อ
23 กรกฎาคม 2551 14:53 น. - comment id 100692
กล้า...กล้าหน่อยเพ่
24 กรกฎาคม 2551 02:51 น. - comment id 100697
.. ยังคงเวียน ถ้าไม้ได้เปลี่ยนวิถี ว่าแต่ว่า จะโทรหาใครเหรอค่ะ .. อุ๊เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แ เรื่องกดเบอร์โทรหาใครสักคนเนี๊ย ? ต่บางทีเรื่องที่เห็น ก็อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะคะ
24 กรกฎาคม 2551 11:20 น. - comment id 100699
เคยเป็นเหมือนกันค่ะ หยิบโทรศัพท์มาจ้องอยู่นาน แล้วก็ไม่โทรดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์อะไร พยายามลืมก็ทำได้ยาก เลยลบเบอร์ทิ้งซะแต่สมองก็ยังจำเบอร์นั้นได้อยู่ดี..... ทำไงดีล่ะ......
25 กรกฎาคม 2551 10:03 น. - comment id 100707
โทรเลยค่ะ...อย่ารอเวลา อย่าถามหาเหตุผล ทำตามที่หัวใจต้องการ เพราะบางทีเราอาจจะเสียใจถ้าไม่ได้ทำ...เคยเป็นแบบนี้มาก่อนค่ะแล้วที่สุด ก็พบว่า..ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
25 กรกฎาคม 2551 16:15 น. - comment id 100709
ขอบคุณทุกคอมเมนท์ครับ //แวะมาขอบคุณไว้ก่อน เดี๋ยวไปต่างจังหวัดสองสามวัน จะยังไม่มีเวลาตอบ
27 กรกฎาคม 2551 11:25 น. - comment id 100723
มูฮัมมัดนั่นหรือ คือใครกันแน่.....? ท่านศาสดามูฮัมมัดน่ะหรือ.....อย่าไปชื่นชมงมงายนักเลย ท่านก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง เพื่อการดำรงชีพ แล้วขอแต่งงานด้วย เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า เกาะเมียกิน ก็ได้ จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ อัลเลาะฮ์ และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศ เท่าท่านศาสดา ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ ที่พวกเขานับถือกันอยู่ ซึ่งก็คือ เผด็จการทางความคิดนั่นเอง จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง หินกาบะห์ สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย ให้พรและสาปแช่ง ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ ) แท้จริงความหมายของ อัลเลาะฮ์ ก็คือ ความเป็นจริงของธรรมชาติ ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม ) แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า อัลเลาะฮ์ เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก คือ........ มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์ ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์ ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม