ยังไม่ได้ตั้งเลย (โทษทีครับ)
โกเต็ก
( สวัสดีครับ) อันที่จริงผมควรจะกล่าวคำว่า สวัสดี หรือแสดงออกถึงการทักทายอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน ใช่ไหมครับ แต่บอกตามตรง ผมไม่อยากทำอย่างนั้นเลยให้ตายสิ เพราะสำหรับผม ไม่ได้จำเป็นเลยแม้แต่น้อย ที่การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ควรที่จะ หรือต้องที่จะ เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างนั้น
อาจเป็นเพราะรากเหง้าไม่ได้เลี้ยงดูปูสื่อให้เป็นอย่างนั้น เอาเหอะจะว่าเพราะบิดา มารดา ไม่สั่งสอนยังไงก็ช่าง นี่แหละคือตัวผม อย่างน้อยผมก็ได้ทักทายคุณไปแล้ว แล้วคุณล่ะมัวแต่ยืนทำคิ้วขมวดอยู่นั่นแหละ ทักทายผมบ้างสิ
ฉันไม่ได้คิ้วขมวด...อันที่จริงคุณไม่ต้องร่ายซะยาว ชักแม่น้ำสายนี่ โน่น มาเรียงร้อยต่อกันถึงขนาดนี้หรอกค่ะ แค่ยืนเฉย ๆ ไม่ก็ยิ้มแค่มุมปาก ดิฉันก็....อ่อ หรือไม่ก็จะทำท่าทางเมินเฉยต่อดิฉันก็ได้นะค่ะ เพราะดิฉัน ขอบอกตามตรงว่า จะเป็นเรื่องของพริกไทย ใส่ขนมปัง กับเป็บซี่ ดิฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะอะไรอย่าให้พูดดีกว่า เอาเป็นว่า ทักทายไว้แค่นี้คงพอสมควรแล้ว (สวัสดีค่ะ)
แหม! ทำไปได้... คดีต่อไปสยิวกับแม่ม่ายซิงๆผัวสาม ลูกสี่กินปลาร้าไม่ใส่ไห... แทนที่เขาและเธอจะได้ดูรายการคดีเด็ด ซึ่งเป็นรายการเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตของพวกเขา รู้จักคำว่า โทรทัศน์ เขากลับต้องรีบแต่งตัวให้ดูดีที่สุดในชีวิต เพราะเสียงกริ่งแห่งความตาย กำลังชี้ทางแจ้งแสร้งทำเป็นว่า เขาและเธอต้องรีบหนีแล้ว
อย่าหาว่าผมโง่ หรือดิฉันงี่เง่าเลยค่ะ ขอเวลาแต่งตัวอีกสัก 2 นาทีได้ไหม คร่ะ เอาๆๆ ผมให้เต็มที่ไม่เกิน 1 นาทีล่ะกัน เร่งๆกันหน่อย ผมรู้ว่าคุณอยากดูคดีนี้ให้จบก่อนใช่ไหมล่ะ และก็ไม่ต้องต่อรองเพิ่มล่ะ ผมล่ะจะบ้าตายกับคุณสองคน ดูเข้าไปได้อย่างไร ดูซิ พิธีกรงี้ อย่างกับ โจ๊กไม่ใส่ข้าว ก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่เส้น...เฮ้อ
ถึงวินาทีสุดท้ายเร็วเกินคาด พอเสียงกริ่งแห่งความตายเงียบลง เสียงและกลิ่นที่ตลบอบอวนจากด้านนอกห้องค่อย ๆ เคลือบคลานเข้าสู่ทุกอณูของห้องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าที่พวกเขาตกแต่งแล้วตกแต่งอีก ก็หนีไม่พ้นคำสบปรามาสจากคนรู้จักที่เคยย่างกายมาสัมผัสจะเรียกว่า ยิ่งกว่ารูหนูอีก และเขาสองคนจะย้อนทันควันว่า เคยเห็นเหรอค่ะ ครับ (เขาพูดไม่พร้อมกัน) ว่ารู้หนูมันเป็นอย่างไร
แต่ครั้งนี้เขาทั้งสองคงเถียงไม่ทันควัน เพราะขนาดที่ว่าอุตสาห์ยอมตัดอกตัดใจจากรายการโปรดแล้ว กลุ่มควันไฟสีขาวปนเทาค่อยๆถอดร่างอันขาวนวล แม้จะใช้เวลาพอสมควร แต่สายตาทั้งสองคู่แต่มองเห็นได้เพียงสองข้าง มิอาจสัมผัสได้ว่า กลุ่มควันมัจจุราชนี้ สลัดภาพลวงอันสวยและน่าหลงใหล เป็นสีดำทมิฬตอนไหน
น่าเสียดายที่คุณไม่มีโอกาสได้เห็นภาพสุดท้ายของชีวิตเพราะดวงตาอันมึดบอดมาตั้งแต่...(ลืมตาดูโลก) ครั้งนี้เธอพูดแทงใจดำเขาสุด ๆ จนเขานิ่งไปสักครู่ และเอ่ยเพียงสั้น ๆว่า คุณหนีไปเถอะ ผมขอตายอยู่ตรงนี้
อะไรอีกวะเนี่ย จะขัดใจกันจนตายเลยหรืออย่างไรวะ ไอ้นั้นก็บอด อี่นี่ก็หนวก
สิ้นเสียงดังกล่าว เธอก็เอ่ยด้วยเสียงสั่น(ๆ)สั้นๆ ฉันจะตายอยู่กับคุณตรงนี้
บรรยากาศในห้องรังหนูเปลี่ยนเป็นสีเทาดำทันทีเพราะคำว่า หนวกและบอด ทั้งที่พวกเขาสองคน เคยชินกับคำๆนี้ในฐานะ ชื่อ (ผมพยายามเรียกสรรพนามนำหน้าชื่อ แทนชื่อเขาทั้งสองก็เพราะเหตุนี้) เป็นไปได้อย่างไร ที่จะต้องมาน้อยอกน้อยใจ จนต้องนั่งพินิจคิดสั้นแบบนี้
คงเป็นเพราะการเอาใจใส่ ประโยคพูดนั้นมากเกินไป ประโยคแรกแม้จะเป็นคำกล่าวที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ แต่อาจทำให้มนุษย์คนหนึ่ง รู้สึกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไป
ประโยคที่สองถือว่าสมเหตุสมผลกว่าที่เธอจะ เก็บเอาไปร้องไห้คนเดียว แล้วค่อยๆกรีดข้อมือด้วยใบมีดโกนหนวดสีแดงที่เธอเคยมือ
สมมติฐานทั้งสองคงง่ายขึ้นหาก ทั้ง 3 ยอมปริปากบอกผมสักคำว่า ทำไมคนหนึ่งถึงตาบอด อีกคนหูหนวก และอีกคนขาและแขนพิการ.อ่านต่อ