ขอเลื่อนวันตายไปก่อนได้ไหม?

โอเลี้ยง

3-0054.gifกระท้อนเป็นนักข่าว อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้า มีคนรักชื่อนพดล ซึ่งเขายังไม่ได้หย่าขาดจาก วิวรรณ ภรรยาเก่า แต่ก็ตกลงแยกทางเดินกันนานแล้ว นพดลมีอาชีพเป็นช่างภาพ อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้าด้วยเช่นกัน วันหนึ่งเมื่อไปสัมภาษณ์บุคคลดังผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังตกเป็นข่าว เป็นที่กล่าวขานกันอย่างเกรียวกราว เกี่ยวกับการทุจริตและพัวพันการคอรัปชั่นของสส.หลายคน และจากวันนั้นเป็นต้นมากระท้อนก็เริ่มฝันร้าย..

ดึกสงัดทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความเงียบ กระท้อนขยับตัวอยู่ในความมืดสลัวของห้องนอน นัยน์ตาของหล่อนปิดสนิท แต่หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน และเสียงหายใจแรงๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวร่างอย่างกระสับกระส่าย แสดงให้รู้ว่า หล่อนกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่น่ากลัว
อากาศโดยรอบค่อนข้างเย็นแถมเปิดพัดลมไว้ เครื่องเดินเงียบสนิทแทบไม่ได้ยินเสียง แต่กระท้อนก็ยังลุกลนไปมา สีหน้าหมกมุ่นราวกับอึดอัดแทบขาดใจ ศีรษะได้รูปสวยที่ส่ายไปมาบนหมอนพร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบ เหมือนกำลังคุยกับใครบางคน ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงหล่อนลอดออกมา นอกจากเสียงครางเบาๆดังอย่างชัดเจนเป็นระยะๆ
การขยับตัวของหญิงสาวเริ่มแรงและทุรนทุรายขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก พร้อมกับดิ้นรนราวกับพยายามจะปลดอะไรบางอย่างที่รัดแน่นตรงลำคอระหง จนต้องใช้สองมือมือขึ้นแกะวุ่นวายพัลวันไปหมด
และแล้วเสียงที่อัดอั้นไว้นานของกระท้อนก็ดังออกมาราวกับคนตะโกน ช่วยด้วย!! จากนั้นร่างทั้งร่างกระตุกพรืด ลืมตากว้างสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย!!
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าที่ชื้นด้วยเหงื่อ ใจยังเต้นสั่นระริกผิดปรกติ ราวกับจะทะลุออกมานอกอก แต่ทั้งๆที่เหงื่อซึมเต็มหน้า กระท้อนกลับรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน.. ราวแช่ร่างอยู่ในถังน้ำแข็งก็ไม่ปาน 
หล่อนมองมือเท้าที่ซีดขาวโพลนของตัวเอง..ช่างเหมือนคนตายไม่มีผิด ความรู้สึกเกรงกลัวดำรงอยู่ได้เพียงครู่ สาวงามก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆใช้มือยันกับที่นอน พยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น จากนั้นค่อยเอื้อมมือไปกดสวิทซ์ไฟที่หัวเตียง ความสว่างของแสงขับไล่ความมืดสลัวออกไปจากห้องทันที
กระท้อนเหลียวไปมองรอบห้อง แล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก รอยอุ่นๆเริ่มซึมกระจายทั่วกายอีกครั้ง หน้าเริ่มมีเลือดฝาดตามเดิม หล่อนลุกไปรินน้ำเย็นที่เหยือกน้ำใบย่อมบนโต๊ะเครื่องแป้ง ยกดื่มอย่างกระหาย พร้อมกับครุ่นคิดไปถึงฝันร้ายเมื่อครู่
ภาพในความฝันไม่ใช่เหตุการณ์แปลกใหม่ ยังคงซ้ำซากเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่คนประสาทแข็งอย่างหล่อน กลับรู้สึกราวอาบรังสีความกลัวเข้าให้แล้ว และเป็นรังสีความกลัวชนิดจับจิตจับใจ จับไปทั่วรูขุมขนทุกเส้น จนเกิดอาการตั้งชันโดยพร้อมเพรียงกันได้เสียด้วย

สามปีกับอาชีพนักข่าวที่มักเจอคนหลากอาชีพและการต่อว่า กับสามปีที่พัวพันปัญหาคาราคาซังของคนรักที่ยังไม่หย่าขาดจนแล้วจนรอด เคยทำให้กระท้อน พะบู๊ ชนิดถือไม้ถึงมือกับคนหลายคนรวมไปถึงการบุกไปที่ทำงานและที่บ้านเพื่อทำร้ายภรรยาเก่าของนพดลอยู่หลายครั้ง หลังจากที่ขอร้องและข่มขู่เธอให้เธอยอมหย่าไม่สำเร็จ แต่สาวสวยอย่างกระท้อนก็ไม่เคยกลัวใครย้อนกลับมาแก้แค้น...เท่ากับการกลัวความฝันในครั้งนี้
บ้านส่วนตัวของนายบรรจบเสี่ยปั้มน้ำมันคนดังที่ไปสัมภาษณ์อยู่ในซอยส่วนบุคคล ที่หน้าปากซอยมีคอนโดฯ สร้างใหม่ที่หรูหรา และมีเครื่องอำนวยความสดวกสบายกับคนทำงานมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะอาหารการกิน หรือการคมนาคมติดต่อ มีรถรับจ้างตลอด24ชั่วโมง มียามดูแลอย่างแข็งขัน และที่สำคัญ นพดลคนรักของหล่อน ก็มีห้องพักอยู่ที่นี่กับวิวรรณภรรยาเก่า 
ห้องชุดราคาแพงห้องนั้นเป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่พ่อแม่ออกเงินซื้อให้นพดล ปัจจุบันเป็นแค่ที่พักของวิวรรณกับลูกสองคน รวมทั้งยายจันคนนั้นด้วย ยายจันมาอยู่ที่คอนโดฯกับวิวรรณ ในตอนที่นพดลเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับกระท้อนที่คอนโดฯเช่าได้สองอาทิตย์ 
ยายจันมาจากไหนคุณยายของวิวรรณอาจจะรู้ เพราะคุณยายเป็นผู้ให้มาอยู่ร่วมบ้านเป็นคนแรก และยายจันก็เป็นคนเลี้ยงดูแม่ของวิวรรณมาแต่เด็ก เมื่อแม่ของวิวรรณแต่งงานกับพ่อ ยายจันก็ขอแยกตัวกลับไปบ้านซึ่งอยู่ในป่าลึก แม้ว่าแม่ของวิวรรณจะตั้งใจ รวมทั้งขอร้องให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของพ่อก็ตาม ยายจันก็ยังคงยืนกรานจะขอกลับไปอยู่บ้านป่านั่นเอง
แต่เมื่อแม่เจ็บท้องได้เวลาคลอดวิวรรณ พ่อรีบนำแม่ไปส่งที่โรงพยาบาล แม้ว่าจะเร็วไม่น้อย เพราะว่าโรงพยาบาลอยู่ซอยถัดจากบ้านวิวรรณเพียงซอยเดียว แต่ก็ยังช้ากว่ายายจันที่ยืนคอยเป็นกำลังใจให้แม่ที่ห้องคลอดแล้ว และอีกครั้งในวันที่แม่ตาย ยายจันก็เดินทางมารอที่หน้าวัด เพื่อปลอบโยนวิวรรณหลังเผาศพแม่ โดยที่ไม่มีวี่แววให้รู้ว่ายายจันมาและไปอย่างไร 
หลังจากนั้นยายจันก็หายไปนาน ไปอยู่ที่ไหนวิวรรณไม่เคยรู้ และไม่เคยมีโอกาสได้ส่งข่าวบอกเล่าเรื่องราวทางบ้าน ให้ยายจันได้รับรู้สักที ไม่ว่าจะเป็นการป่วยของแม่ ที่อาการหนักจนเพ้อเรียกหายายจันอยู่หลายหน หรือวันที่เธอแต่งงานกับนพดล ซึ่งพ่อสั่งให้เธอจดหมายไปเชิญยายจันด้วย แต่วิวรรณมัวยุ่งกับข้าวของในวันแต่งงานจนลืมติดต่อไปหา จนลูกชายคนโตของวิวรรณครบแปดขวบและคนเล็กครบห้าขวบ ได้เข้าเรียนประจำที่โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งวิวรรณจะไปรับกลับบ้านเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ยายจันที่ไม่เคยปรากฎตัวมานาน ก็มายืนรอเธอที่หน้าคอนโดฯในเย็นวันที่เธอกลับจากส่งลูกทั้งคู่เข้าโรงเรียนประจำในสัปดาห์นั้นแล้ว
ยายมาอยู่เป็นเพื่อนหนูวรรณได้ระยะหนึ่ง และขอให้เชื่อยายไม่ต้องหย่ากับสามีนะ
วิวรรณเลิกสงสัยคำพูดยายจันมานานหลายปีแล้ว รวมทั้งการที่ยายจันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและมีเหตุการอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเธอบ้าง วิวรรณไม่อยากเสียเวลาคิด รู้แค่ทุกครั้งที่เธอจะเอ่ยปากบอกเล่าอะไรก็ตาม ยายจันเป็นต้องตอบสวนมาก่อนทุกที ราวกับทุกเหตุการณ์ยายจันอยู่ในนั้นด้วยเสมอ
วิวรรณรู้แค่ว่ายามเธอทุกข์...ยายจันจะขจัดความทุกข์เหล่านั้นให้เธอได้หมด ราวกับ..เป็นเทวดาประจำกาย
ยายจันอายุเท่าไร วิวรรณก็ไม่เคยแน่ใจ รู้แค่ทุกครั้งที่พบยายจันจะอยู่ในวัยชราราว 70 เหมือนที่พบเห็นคนแก่ทั่วๆไป ผมสีเทาเงินที่ตัดสั้นแค่หู กับเรือนร่างผอมบางที่เดินเหินกระฉับกระเฉง คล่องแคล่วแข็งแรง หลังตรงไม่งอค่อม ส่วนที่สะดุดตาคนมากที่สุด อยู่ที่ดวงตาที่คมกริบ มีประกายวาวประหลาด ไม่ขุ่นมัว อ่อนล้าเหมือนตาคนชราทั่วๆไป อีกอย่างเสียงพูดที่แหลมเล็กราวเสียงเด็กๆ แค่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีใครลืมยายจันได้อีกเลย
วรรณเชื่อยายจ๊ะ ไม่หย่า คงรออีกไม่นานเขาก็คงกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกวรรณได้เหมือนเดิม ใช่ไหมจ๊ะยาย
ยายจันเพียงส่งรอยยิ้มให้ แค่นี้หญิงสาวก็พอใจแล้ว วิวรรณยังจำพูดของแม่ได้เสมอ และทุกครั้งที่เกิดปัญหาที่แม่แก้ไม่ตก แค่แม่เพ้อบ่นราวคนเสียสติ ซึ่งแม่บอกว่านั่นคือการสวดมนต์ภาวนาของแม่ และไม่นานเธอก็จะพบว่า แม่ยิ้มแย้มแจ่มใสได้เหมือนเดิม แม่บอกว่ายายจันได้เดินทางมาช่วยคลี่คลายปัญหาให้แม่แล้ว
ก่อนแม่สิ้นใจ แม่เรียกวิวรรณเข้าไปหาในห้องหยิบแหวนไม้เก่าๆมาวงหนึ่ง สั่งให้วิวรรณร้อยกับสร้อยคอพกติดตัวไว้เสมอ ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนใจยากแก้ไข ให้ระลึกถึงยายจันแล้วยายจันจะเดินทางมาช่วย วิวรรณรับปากแม่ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าใจความหมายของแม่และยายจันสักที แต่เธอก็เชื่อคนทั้งสองมาตลอด ครั้นยายจันสั่งห้ามหย่า เธอก็ไม่หย่ากับนพดลตามที่เคยตกลงกันก่อนหน้านั้นไว้
เธอจะบ้าไปถึงไหนนะวรรณ เราทั้งคู่ต่างหมดรักกันนานแล้ว เธอจะกอดทะเบียนสมรสใบนั้นต่อไปทำไมให้แสลงใจ ในเมื่อทุกวันนี้ผมก็ไปอยู่กับกระท้อนจนคนรู้กันทั่วแล้ว
วิวรรณไม่ยอมให้เหตุผลใดๆกับการที่เธอคืนคำ ทำให้กระท้อนไม่สามารถพานพดลไปนราธิวาสเพื่อพบบิดามารดาทำการสู่ขอสักที อีกทั้งบางสัปดาห์วิวรรณมักโทรฯไปขอร้องให้นพดลมาดูลูกๆที่งอแงร้องหาพ่อ ทำให้กระท้อนซึ่งเป็นสาวอารมณ์ร้อนโมโหหึงอยู่บ่อยๆ เคยตามมาทุบตีวิวรรณที่คอนโดฯก็หลายหน
กระท้อนเห็นยายจันเป็นครั้งแรก ในวันที่ไปสัมภาษณ์นายบรรจบคนดังของสังคมพร้อมนพดล เมื่อเสร็จสิ้นงานสัมภาษณ์ในบ่ายวันนั้น นพดลเกิดนึกอยากกลับไปเอาอุปกรณ์กล้องบางชิ้น ที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่ในคอนโดฯของเขา ซึ่งเขารู้ดีว่าบ่ายๆเช่นนั้นไม่มีใครอยู่ เพราะวิวรรณไปทำงานจึงชวนกระท้อนขึ้นไปด้วย
แต่เมื่อเปิดห้องเข้าไปทั้งหล่อนและนพดล ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยายจันทักทายคนทั้งคู่ได้ถูกต้อง ทั้งชื่อและนามสกุล ทั้งๆที่หล่อนมั่นใจว่าไม่เคยพบคนแก่คนนี้มาก่อน และที่แปลกแถมน่ากลัวยิ่งขึ้น ตรงที่ยายจันเดินมาเอ่ยเบาๆที่ข้างหูหญิงสาวว่า
คุณกระท้อนอีกสามวัน ที่คุณจะแอบเข้าบ้านนายบรรจบ เอาหมวกกันน็อต ติดมือเข้าไปด้วยนะคะ
กระท้อนอึ้งไปนาน จนนพดลเดินออกมาจากห้อง พร้อมอุปกรณ์กล้องสามชิ้นนั้น เขากระซิบถามคนรักว่า
ท้อนรู้จักยายคนนี้ด้วยหรือครับ ผมเพิ่งเคยเห็นญาติวรรณก็ครั้งนี้แหละ
กระท้อนงงเป็นไก่ตาแตกทันที ยายคนนี้ทำไมรู้จักหล่อนและนพดลนะ รวมทั้งรู้เรื่องอีกสามวัน ซึ่งเป็นความลับเฉพาะของหล่อนกับนพดล และบรรณาธิการผู้เป็นทั้งเจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าด้วย
การแอบปีนเข้าไปหลบที่สวนของนายบรรจบ ในยามราตรีเพื่อสืบความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่ตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของนายบรรจบนั้น เป็นเรื่องซ่อนอันตรายอยู่ไม่น้อย ถ้ากระท้อนไม่ใช่เคยฝึกวิชาป้องกันตัวมาจากกรมตำรวจบ้าง คงไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปเสี่ยงกับงานนี้แน่ เรื่องลับแค่3คนรั่วไหลไปให้ยายจันรู้ได้อย่างไรกันนะ? กระท้อนที่เคยสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจอยู่พักหนึ่ง เริ่มครุ่นคิดทันที
แต่อย่างไรก็ตามกระท้อนก็นำหมวกกันน็อค ที่ใช้ตอนขับมอเตอร์ไซด์ถือติดมือเข้าไปด้วย ในคืนนั้นหลังจากหญิงสาวแอบจอดรถไว้ตรงบ้านของคนฝั่งตรงข้ามกับบ้านนายบรรจบ โดยอาศัยความมืดสลัวของพุ่มไม้ที่เจ้าของปลูกจนยาวเลื้อยเกาะติดรั้วมาปิดบังตัวรถแล้ว หล่อนก็ลัดเลาะเข้าไปที่รั้วบ้านนายบรรจบ ซึ่งนพดลทำเครื่องหมายที่เก็บซ่อนบันไดยึดหดสีคล้ำเล็กเบารอไว้ให้ตัวหนึ่ง 
ซึ่งคืนนี้สายบอกมาว่าสมุนส่วนใหญ่จะไม่เข้ามาใกล้ตัวบ้านนายบรรจบ เพราะสส.ที่มาประชุมลับไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นความเป็นไปในบ้านได้ หญิงสาวกับนพดลต้องทำการลอบเข้ามาตั้งแต่ก่อน4ทุ่ม เพราะถนนส่วนบุคคลสายนี้จะปิดตอน5ทุ่ม และเปิดให้ชาวบ้าน และคนขับวินมอเตอร์ไซด์ใช้เป็นทางผ่านเข้าออกได้อีกตอนราว6โมงเช้าของอีกวัน เมื่อกระท้อนดึงบันไดสปริงตัวเบามากางตั้งก่อนปีนขึ้นต้นมะขามหวาน แล้วกระโดดเข้าไปที่ชานเรือนคนใช้ได้แล้ว หล่อนจึงโทรฯไปบอกความเรียบร้อยให้นพดลดำเนินแผนขั้นต่อไปทันที จากนั้นก็ปิดมือถือซ่อนบันไดตัวเล็กเบาที่ทรงคุณภาพที่สั่งตรงจากนอก สอดไว้ตรงลูกกรงของเรือนคนใช้ที่ไร้คนในยามนี้ ก่อนกระโดดไปที่ระเบียงหลังบ้านของนายบรรจบ ที่ยามนี้เงียบสงบราวบ้านร้างเช่นกัน กุญแจเก่าๆที่จวนขึ้นสนิมไม่ยากต่อการเปิด ไม่นานหล่อนก็ลอดตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้อีกครั้ง
บ้านไม้หลังเก่าที่เจ้าของบ้านแค่ทาสีใหม่ทุก2ปี ไม่ได้มาอาศัย แต่ใช้เป็นที่ประชุมลับเกี่ยวกับงานหลายต่อหลายหน กว่าจะซื้อเส้นทางสายนี้เข้ามาที่บ้านนี้ได้ วัทหนุ่มใหญ่วัย45เจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าจ่ายไปไม่น้อยเลยการร่วมมือทำงานลับให้กับกรมตำรวจไทย คนทั้ง3ทำมาหลายหนแล้ว กระท้อนจึงไม่เคยเชื่อเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของหล่อนด้วย!!!
บนบ้านไม้เก่าๆหลังนี้ชั้นบนจะมีที่แอบมองผู้คนที่ห้องรับแขกได้ถนัดชัดเจนอยู่ที่หนึ่ง กระท้อนกบดานรอเวลาอยู่ตรงนั้นเอง
ส่วนนพดลจะทำทีขับรถตู้อ้อมไปอีกถนนด้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำ และจากจุดตรงนั้นเขาจะแอบถ่ายภาพสส.และผู้คนที่ร่วมมือทำชั่วได้สดวก และปลอดภัยจากสายตาคนพบเห็นได้มากที่สุด ใครเห็นจะคิดแค่คนมารอถ่ายภาพแม่น้ำในยามอรุณ..
คืนนี้กระท้อนมีหน้าที่เข้าไปใกล้คนทั้งสามให้มากที่สุด เพื่ออัดเสียงทั้งสส.ทวี สส.อรอนงค์ รวมทั้งตัวนายบรรจบด้วย จะต้องพยายามนำเครื่องเล่นอัดเสียง เข้าไปใกล้คนเหล่านั้นให้มากที่สุด เนื่องจากคราวก่อน สัญญาณที่ติดตั้งไว้ระยะไกล ได้รับคลื่นรบกวนจากรถมอเตอร์ไซด์ ที่วิ่งรับส่งคนเข้าออกที่ถนนอีกตลอดเวลา จนทำให้จับความได้ไม่สมบูรณ์ดี หล่อนนำเครื่องดักฟังไปวางตามจุดต่างๆหลายแห่งได้ง่ายดาย เพราะทุกที่ล้วนไร้คนกว่าทุกคนจะเดินทางมาก็คงอีกราว 4 ชั่วโมง ทางที่หล่อนเล็ดลอดตาสมุนของบรรจบเข้าไป ก็ซื้อไปด้วยเงินก้อนโตอีกเช่นกัน
กระท้อนไม่เคยกลัวการทำงานแบบนี้ หล่อนทำมานับครั้งไม่ถ้วน นพดลและวัท บรรณาธิการหนุ่มใหญ่ต่างเชื่อใจในฝีมือเสมอมา คืนนี้หล่อนก็มาด้วยความมั่นใจเช่นเดิม การเป็นนักข่าวรายได้ไม่ดีเท่าเป็นนักสืบราชการลับให้กรมตำรวจ คนทั้งสามจึงพร้อมใจมาร่วมมือกัน หญิงสาวเคยคิดว่าจะทำไปอีกสักระยะให้พอมีฐานะดีกว่านี้และช่วยนพดลเปิดห้องภาพหรูหราและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้สำเร็จก็จะวางมือ มาเป็นแม่บ้านให้เขาเพียงอย่างเดียว กระท้อนคงไม่เชื่อและไม่มีวันเชื่อ ถ้ามีใครบอกหล่อนว่า...นับจากเหตุการณ์คืนนี้ผ่านไปหล่อนจะฝันร้ายไปจนวันตายเลยทีเดียวเชียวละ!!
คืนนั้นหล่อนพบภาพการฆ่าคนเพื่อปิดปากอย่างอำมหิตเลือดเย็นที่สุด มือปืนที่กระหน่ำกระสุนนัดแล้วนัดเล่า เลือดแดงฉานพุ่งกระจาดกระจาย และเสียงร้องโหยหวนของสส.ทั้งคู่ ที่ตายอย่างไม่ทันตั้งตัวแถมศพถูกเก็บลงในกระสอบ แล้วนำไปถ่วงลงแม่น้ำ
ทุกภาพกระท้อนเก็บเสียงได้ชัดเจนทุกขั้นตอน แต่ขณะที่ปีนบันไดกลับออกมาทางเดิม กระท้อนยังไม่หายตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ผิดคาดหมายเมื่อครู่ ทำให้หล่อนก้าวเท้าพลาดไปนิดหนึ่ง ร่างจึงร่วงหล่นที่พื้น เกิดเสียงดังขึ้น ทำให้มือปืนคนนั้นลงจากรถย้อนเดินกลับมาที่มุมรั้วอีกหน ทว่าเป็นเวลากับที่กระท้อนขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆที่เช่ามาจากวินปากซอยแล้ว...
และด้วยหมวกกันน็อคใบนั้นกับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ หล่อนจึงอำพรางตัวหนีรอดจากการตามสกัด ออกมาที่ปากซอยอีกทางได้สำเร็จ ซึ่งในยามปรกติกระท้อนเป็นผู้หนึ่งที่มักฝ่าฝืนกฎ เกี่ยวกับการสวมหมวกกันน็อคมาเสมอ เพราะรังเกียจกลิ่นอับเหงื่อของเจ้าของรถที่เช่ามาพร้อมหมวกนั่นเอง เมื่อกลับมาที่ห้องพักได้อีกครั้ง ในคืนนั้นหล่อนก็เริ่มต้นฝันร้ายที่น่ากลัว!!!
ฝันถึงการตายของตัวเอง ในฝันหล่อนถูกฆ่ารัดคอจากมือปืนปริศนา??นับวันฝันก็ยิ่งชัดเจนละเอียดมากขึ้นทุกที จนหล่อนเริ่มปวดหัวระแวงว่าเป็นลางสังหรณ์ บอกเหตุอะไรสักอย่าง หรือหล่อนจะเป็นคนต่อไปที่ถูกสั่งเก็บ? 
การที่นายบรรจบถูกจับตามองจากหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่นิตยสารโลกก้าวหน้ากับหนังสือพิมพ์ข่าวเท็จจริง ที่ปองพลเป็นเจ้าของ นำมาขุดคุ้ยเท่านั้น จึงไม่น่าที่นายบรรจบจะรู้ว่า หล่อนกับนพดลเข้าไปร่วมมือกับตำรวจเพื่อสืบความลับของเขาแน่...แล้วฝันของเราสื่อถึงลางร้ายอะไรกันแน่นะ?
กระท้อนสลัดหัวไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงง แม้ตอนนี้บรรณาธิการ จะสั่ง ให้หล่อนพักร้อนได้ 2 อาทิตย์ก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่รู้จะเดินทางไปไหนดี เพราะมัวกังวลแต่เรื่องฝันอยู่ทุกคืน รึ..ไปหายายจันอีกครั้ง? 
ท้อนครับ รีบมาที่บ้านพี่วัทด่วนนะ เราได้หลักฐานที่มั่นใจจะลากไอ้บรรจบ เข้าคุกอีกชิ้นแล้วครับ
กระท้อนจึงต้องพับเก็บความคิดเรื่องส่วนตัวลงอีกครั้ง จัดแจงคว้ากุญแจแล้วล็อกห้อง นพดลไม่ได้กลับมานอนที่คอนโดฯนานนับสัปดาห์ เพราะภาพที่ถ่ายมามากมายต้องตัดแต่งหลายแห่ง เขาจึงย้ายไปพักกับวัทบรรณาธิการหนุ่มใหญ่ไฟแรงคนนั้นที่ห้องชั้นบนของที่ทำงาน ทั้งคู่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเร่งมือให้งานลุล่วงแล้วเสร็จในเร็ววัน 
ซึ่งก่อนหน้านั้น หล่อนจะ เข้าร่วมงานด้วยอย่างกระตือรือร้น มีแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา นับแต่เกิดเรื่องขึ้น วัทเห็น อาการหน้าซีดเซียวมักเหม่อลอยของหญิงสาว จึงสั่งให้พักร้อนชั่วคราว เพื่อให้หล่อนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

เอ็งแน่ใจนะ ไอ้เป๋
ชายขาพิการพยักหน้า สมศักดิ์ควักแบ็งค์ร้อยสามใบส่งให้ชายพิการ เขารับแล้วเดินห่างไป สมศักดิ์หยิบมือถือออกกดหมายเลขถึงนายบรรจบ หลังสนทนาสักครู่ ชายฉกรรจน์หน้าเข้มหนวดดกจึงเดินเตร่ไปมาตรงแถวบริเวณนั้น เพื่อรอเวลาทำการลับ ครั้นเหลือบไปเห็นแม่ค้าหาบข้าวแกงที่ริมทาง เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา.. ยังอีกนานเขาบ่นพึมพำก่อนเดินตรงที่แม่ค้า แล้วนั่งลงที่ม้านั่งตัวเล็ก สั่งข้าวลาดแกงเนื้อมากินอย่างเอร็ดอร่อย
แม้ยามนี้สมศักดิ์ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองเหมือนสมัยก่อน เหมือนตอนที่เดินทางมาจากอีสานใหม่ๆ แต่บางครั้งเขากลับอยากกินนอน ง่ายๆเหมือนสมัยก่อนอีกครั้ง...เป็นเรื่องธรรมดาตามความเคยชินของมนุษย์ ที่มักผูกพัน กับสิ่งที่จำเจมานานวัน แม้ได้ไปพบเจอะเจอสิ่งที่คิดว่าดีเลิศกว่าในวันหน้า แต่ส่วนลึกๆในใจ ก็ยังหวนอาลัยคิดย้อนกลับสู่จุดเดิม ที่เคยให้ความรู้สึกจำเจในความเจ็บปวดน้อยใจอีกเสมอ
สมศักดิ์รู้ตั้งแต่คืนนั้น แต่เพิ่งค้นพบว่าชายร่างเล็กบางที่ขับมอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอยเป็นนักข่าวหญิงคนนี้ การมาเป็นมือปืนให้บรรจบเพียง2ปี กับการฆ่าคนซึ่งต่างกันไม่ไกลกับการรับจ้างฆ่าไก่ในสมัยก่อน ทำให้เขามีใจเยือกเย็นถึงขั้นอำมหิต ลงมือได้เฉียบขาดในทุกครั้ง
ทว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ยังไม่ละสิ้นจิตใจเมตตา ในคืนนั้นเขาทั้งเหนื่อยและเพลียเพราะสังหารไปหลายคนพร้อมๆกัน จึงละเว้นการติดตามกระท้อนอย่างทันที แม้สายจะรายงานเขาว่าพบหล่อนที่จุดใดแล้ว สมศักดิ์แค่สั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูหญิงสาวห่างๆไว้ก่อนเท่านั้น ทำให้กระท้อนชะล่าใจ
การเป็นนักฆ่าไม่ใช่อาชีพที่สมศักดิ์รักเลย แต่เมื่อหางานเกือบทุกที่ไม่ได้ ด้วยเกิดมาหน้าตาดันคล้ายโจรในความรู้สึกของชาวบ้านที่พบเห็นบ่อยๆ อีกทั้งมักถูกอันธพาลทุบตียามเจอะเจอพบหน้ากัน ทำให้เขาเบนความคิดไปผิดทาง มองแค่ผู้มีกำลังกล้าแข็งและเล่ห์เหลี่ยมจัดเท่านั้น จึงมีสิทธิ์เดินในสังคมคนเมือง เมื่อเพื่อนชวนไปทำงานกับนายบรรจบที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรายได้ดีกว่าการฆ่าไก่เขาจึงรีบตามไปทันที
ไม่นานเขาจึงรู้ว่าเบื้องหลังการได้รายได้นับหมื่นคือการฆ่าอีกนั่นเอง ทว่าการฆ่าครั้งนี้ไม่ใช่ไก่ เป็นคนเช่นเดียวกับเขา แม้บางวันจะมีความคิดเบื่องานนี้ขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ไม่กล้าถอยหลังกลับไป เพราะไม่งั้นเขานั่นแหละ จะต้องไปรายงานตัวที่ยมโลกแทน
.
ห้าทุ่มนพดลลงมาส่งกระท้อนที่รถ เมื่อรถของหญิงสาวแล่นออกไป สมศักดิ์ก็ขับตามไปเรื่อยๆ เมื่อกระท้อนดับไฟที่ห้อง สมศักดิ์ก็เริ่มลงมือทำงาน เขาตรงไปที่ด้านหลังคอนโดฯ อาศัยความมืดและช่วงเวลาที่ คนเก็บขยะกำลังง่วนกับงาน เล็ดลอดเข้าประตู ตรงไปที่ห้องของกระท้อนทันที เขาใช้ผ้าชุบน้ำใสๆ ก่อนคาดปิดปากตัวเองแล้วจุดวัตถุขึ้นชิ้นหนึ่ง สักพักตลอดทั่วทางเดินเต็มไปด้วยหมอกควันกลิ่นเอียนๆชวนเวียนหัว
แปลกยิ่งนัก เมื่อสมศักดิ์เจาะกลอนหน้าห้องของกระท้อนด้วย ที่เจาะไฟฟ้ากระทัดรัดอันหนึ่ง แม้เกิดเสียงไม่ดังกึกก้อง แต่ยามดึกสงัดเช่นนี้มันก็ดังชัดเจนทั่วชั้น..แต่ไม่มีใครตื่นเยี่ยมหน้าออกมาดูสักคนเดียว!!
กระท้อนเริ่มฝันอีกแล้ว ชายร่างหนา มือเท้าโตหยาบหนา อย่างคนกรำงานหนัก เดินไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อเนียนบางของหล่อน ที่แขวนอยู่ข้างๆโต๊ะเครื่องแป้ง เขาจับเสื้อนั้นบิดเป็นเกลียว ก่อนนำมาคล้องรอบคอกระท้อน มัดเสื้อเข้าหากัน ค่อยๆรัดจนเริ่มติดรอบลำคอระหงนั้น 
จากนั้นเขาก็ถอดรองเท้าออกเหลือไว้แต่เพียงถุงเท้า ยกขาข้างหนึ่งกดยันไว้ตรงปลายคางของกระท้อน สองมือจับชายเสื้อที่มัดรอบคอหล่อน..กระชากสุดแรงเกิด กระท้อนสะดุ้งเฮือก ก่อนดิ้นรนกระเสือกกระสนยิ่งขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก พร้อมกันนั้น หล่อนก็ยกสองมือขึ้นพยายามแกะสิ่งที่รัดรอบคอตัวเอง ไม่นานหล่อนเริ่มรู้สึกว่าทั่วร่างเหมือนไร้สิ้นเรี่ยวแรง มือไม้อ่อนปวกเปียก..และแล้วหญิงสาวก็แน่นิ่งไป
ไปสู่ที่ชอบๆนะคนสวย บนเส้นทางนั้นไอ้ปองพลไปรออยู่แล้ว คงไม่เหงาแน่
สมศักดิ์ปลดเสื้อออกจากคอกระท้อนม้วนเป็นก้อน สอดเข้าถุงกระดาษที่หยิบมาจากบนโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดประตู หิ้วถุงเสื้อกับกระเป๋าใส่เครื่องเจาะไฟฟ้า ที่ทิ้งไว้ตรงหน้าห้อง เดินกลับลงไปที่ทางเดิม เมื่อผ่านทีวีวงจร ตรงมุมประตู เขาก็ขยับคอเสื้อขึ้นปิดแนบหน้า ดึงหมวกให้กดต่ำลง ก้มหน้าเปิดประตู กลับขึ้นรถขับออกไป
.
คุณกระท้อนคะ ลุกขึ้นเถิด ยายมารับคุณแล้วค่ะ อย่าให้ท่านทูตรอนานนะคะ
กระท้อนค่อยๆลืมตาขึ้น ตัวเบาหวิว ร่างลอยไปมาได้?? กระท้อนตาตื่น เหลียวมองยายจัน ยายจันไม่ได้ตอบอะไร นอกจากชี้มือไปที่เตียง กระท้อนหันไปมองตามร่างที่หลับแน่นิ่งไม่ไหวติง ช่างเหมือนหล่อนราวกับแฝด ยายจันตอบคำถามนั้นว่า
ใช่ค่ะยายมารับวิญญาณคุณ ยายมาจากแผนกเสริมบุญ ปลดทุกข์ค่ะ มาเพื่อรับคุณไปเป็นเจ้าสาวของท่านยมทูต คุณนับว่าโชคดีนะ ที่คราวก่อน คุณไปบ้านนายบรรจบ เผอิญท่านยมทูตประจำการพอดี ท่านไปรับวิญญาณของ สส. 2 คนนั้นแล้วเกิดถูกชะตากับคุณ หลังจากที่ได้ส่งภรรยาเก่าไปเกิด ท่านก็เป็นหม้ายมานาน... พอดีตำแหน่งผู้ช่วยยมทูตว่างลงอีก ท่านเลยติดต่อไปที่แผนกของยาย ให้ช่วยหาคนเก่งๆไปทำหน้าที่นี้อีก ยายตรวจรายชื่อไปมา พบว่าคุณเหมาะสมที่สุด เลยเดินทางมารอรับคุณ เพื่อไปทำหน้าที่นี้แถมเป็นโชคสองต่อที่ได้ไปเป็นเจ้าสาวคนต่อไปให้ท่านยมทูตด้วย
ไม่นะคะยาย ท้อนมีลูกได้เกือบ2 เดือนแล้ว ให้ท้อนคลอดลูกก่อนได้ไหมคะ
หญิงสาวต่อรองด้วยเสียงสั่นสะอื้น หล่อนยังอาลัยทุกๆอย่างบนโลกนี้รวมทั้งชายคนรัก
ถ้าคุณไม่ตายตอนนี้ อีกแค่10วันคุณก็จะถูกสิบล้อทับตาย หรืออีกที อีก3เดือนคุณก็จะตายเพราะแท้งลูก เสียเลือดเกินขนาดนะคะ ตายตอนนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ...ไปช่วยท่านยมทูตจับวิญญาณเลวร้ายดีกว่านะคะ เมื่อกรรมหมดลงคุณจะได้ไปเกิดใหม่มีคนรักจริงๆกับเขาสักที เรารีบไปกันเถิดค่ะ ช่างตัดเสื้อคงมารอที่สะพานความตาย เพื่อวัดตัวตัดเสื้อให้คุณแล้วนะคะ แค่เราเดินผ่านสะพานความเป็นนี้ไปคุณก็จะพบโลกใหม่ของคุณทันที
ท้อนยังไม่อยากตาย ท้อนอยากอยู่กับนพดล ยายช่วยท้อนด้วย ฮือๆๆๆ
ยายช่วยคุณไม่ได้ค่ะ ที่จริงคุณอาจจะแค่อาการสาหัส ถ้าคุณไม่ได้แย่งคนรักใครอีก แต่นี่เคราะห์กรรมเจอกำลังบวก จึงหนักมากกลายเป็นสองเท่า เพราะคุณเคยแย่งคนรักของคนอื่นมาหลายหน และหลายชาติแล้ว คำสาปแช่งต่างๆของคนเหล่านั้น จึงกลายเป็นเส้นใยอุปสรรคล้อมชีวิตคุณไว้ ให้พบแต่ความทุกข์ในเรื่องรักมาโดยตลอด และชาตินี้คุณก็ยังทำลายความรักคนอื่นอีก แรงอาฆาตแค้นทั้งหลายที่หุ่มตัวคุณมาแต่ชาติก่อน จึงทะลักพลังออกมาผลักให้คุณตกลงไปที่ความซวยสายด่วน แล้วยังมาบวกกับคราวเคราะห์เบญจเพสของคุณ ทำให้คุณต้องตายก่อนเวลา ถึง25 ปีแต่คุณไม่ต้องกลัวเหงานะคะ เพราะท่านยมทูตดุแค่ใบหน้าเท่านั้น ใน 25ปีมนุษย์ คุณจะได้ไปเสวยสุขกับท่านยมทูต มีความรักที่สมหวังแน่นอนค่ะ
ยายจันจูงมือกระท้อนที่น้ำตาอาบหน้า เดินผ่านสะพานความเป็นไปสู่สะพานความตายที่ทอดยาวที่เบื้องหน้าอย่างช้าๆ เมื่อหญิงสาวหันกลับมาที่หน้าต่างห้องพักของตน ภาพนพดลกับลูกและภรรยาปรากฎขึ้นช้าๆ ทุกคนกำลังโบกมือให้หล่อนพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเป็นสุข กระท้อนหันหน้ากลับเดินตามยายจันโดยไร้หยดน้ำตาอีก..ที่กึ่งกลางสะพานเป็นตาย ยายจันตักน้ำจากตุ่มสีมรกต ยื่นน้ำสีใสเปล่งประกายมาให้กระท้อนดื่ม หญิงสาวดื่มโดยหมดความลังเลอีกต่อไป น้ำละลายความทรงจำหยดสุดท้ายไหลลงลำคอหญิงสาว ภาพเบื้องหน้าที่ไกลลิบๆลอยใกล้เข้ามา ชายในร่างสูทสูงสง่า มายืนรอรับหล่อนด้วยช่อดอกไม้และรอยยิ้มอย่างเต็มใจ				
comments powered by Disqus
  • JINJIN2007

    15 กรกฎาคม 2551 15:26 น. - comment id 87999

    เขียนเก่งมากเลยค่ะ ชอบมาก แฝงคติให้คิดด้วยดีค่ะ เนื้อเรือ่งแปลกดี เขียนอีกบ่อยๆนะคะ จะเป็นกำลังใจค่ะ
  • ครูพิม

    13 กรกฎาคม 2551 09:36 น. - comment id 88006

    1.gif
    
    ไม่เคยอ่านเรื่องสั้นของใครในบ้านกลอน
    ได้ประทับใจเท่าเรื่องนี้เลย..
    
    ขอบคุณมากนะคะ...
    
    16.gif16.gif
  • โอเลี้ยง

    13 กรกฎาคม 2551 20:33 น. - comment id 88009

    11.gif11.gif11.gifขอบคุณค่ะคุณครูพิม เรื่องนี้โอเลี้ยงเขียนครั้งแรกเมื่อ2ปีก่อนที่กลับมาหัดเขียนไทยใหม่ๆ ในตอนนั้นเขียนแล้วยังไม่สมบูรณ์นัก ในปีนี้เมื่อกลับไปอ่านที่เวบเดิมเลยเอามาเขียนใหม่อีกหน
    
    ปล.เป็น1ใน40เรื่องสั้น ที่โอเลี้ยงเขียนเรื่องนี้เห็นลงเวบไหนคนก็ชอบอ่านเลยเอามาลงที่บ้านกลอนดูด้วยค่ะ เผื่อจะมีคนชอบบ้าง
    
    เรื่องอาจยาวไปสักนิดสำหรับคนไม่ชอบอ่านหนังสือยาวๆนะคะ46.gif
  • แจ้นเอง

    13 กรกฎาคม 2551 22:05 น. - comment id 88012

    59.gif59.gif  โห  มีทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากลัวแต่ก็แฝงคติให้ด้วยนะ  ดีจังค่ะ  เขาเรียกเรื่องสั้นขนาดยาวรึเปล่านะ  ชอบมากๆเลย
    แถมกาแฟให้นะเพราะจะไปอ่านอีกหลายเรื่องเลยชงมาเผื่อค่ะ  อิอิ ไปก่อนนะ
  • โอเลี้ยง

    19 กรกฎาคม 2551 23:46 น. - comment id 100618

    11.gif11.gif11.gif
    
    ขอบคุณ คุณแจ้นเอง ที่มาอ่านและชอบนะคะ46.gif46.gif
  • โอเลี้ยง

    19 กรกฎาคม 2551 23:49 น. - comment id 100619

    11.gif11.gif11.gifขอบคุณกับกำลังใจค่ะคุณJINJIN2007 46.gif46.gif
  • นายงมงาย

    27 กรกฎาคม 2551 11:38 น. - comment id 100742

    มูฮัมมัดนั่นหรือ คือใครกันแน่.....?  ท่านศาสดามูฮัมมัดน่ะหรือ.....อย่าไปชื่นชมงมงายนักเลย ท่านก็เป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง  ที่ใช้ความเป็นหนุ่มรูปงาม อายุน้อย ผูกมัดใจสาวใหญ่สูงอายุผู้มั่งคั่ง  เพื่อการดำรงชีพ   แล้วขอแต่งงานด้วย   เพื่อครอบครองทรัพย์นำไปเป็นประโยชน์แก่ตนเอง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า  เกาะเมียกิน  ก็ได้  จึงกลายมาเป็นลักษณะนิสัยของหนุ่มมุสลิมทั่วไปในปัจจุบัน
    เพราะการที่ท่านศาสดามูฮัมมัดมีเมียแก่ แต่ไม่ค่อยจะมีความสุขในครอบครัว ไม่พอใจในชีวิตการครองคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว  จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ชายมุสลิมมีเมียได้ ๔ คน
    แต่พอมีเมียคนใหม่เป็นเด็กอายุน้อย ๆ ตั้งแต่คนที่ ๒ ก็เกิดความหวงแหนกลัวเมียเด็กจะไปปันใจให้ชายอื่นที่หนุ่มกว่า จึงบังคับให้เมียเด็กคลุมหน้าคลุมตา ไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมองเห็นความงดงามของเมียน้อยตัวเอง และเพื่อมิให้เป็นข้อครหา จึงกำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้หญิงมุสลิมทุกคนต้องคลุมหัวปิดหน้า
    ท่านศาสดาเป็นคนที่มีอีโก้สูง อยากโดดเด่นเหนือคนอื่น  จึงคิดหาวิธีการตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยการจัดตั้งลัทธิความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือ  อัลเลาะฮ์   และการที่ทุกคนจะติดต่อกับอัลเลาะฮ์ ได้ ก็จะต้องติดต่อผ่านท่านศาสดามูฮัมมัดเท่านั้น  คนอื่น ๆ ไม่เก่ง ไม่บริสุทธิ์ ไม่ดีเลิศ เท่าท่านศาสดา  ความคิดนี้ จึงไปขัดแย้งกับสาวกของพระเจ้าองค์อื่น ๆ  ที่พวกเขานับถือกันอยู่  ซึ่งก็คือ เผด็จการทางความคิดนั่นเอง   จึงเกิดสงครามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในการครอบครอง  หินกาบะห์   สถานที่ศักด์สิทธิ์ของพระเจ้าหลายองค์ในขณะนั้น
    การต่อสู้ทางความคิด และสงครามทางอาวุธ ของท่านศาสดามูฮัมมัดในระยะแรก พ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ถูกตามล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  จึงหาวิธีปลุกระดมมวลชน สาวกกลุ่มใหม่ให้ยอมสละชีวิตร่างกายในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านมูฮัมมัดเอง แต่อ้างว่าเป็นโองการจากอัลเลาะห์ ให้การต่อสู้ในครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ทางศาสนา โดยกำหนดหลักการที่ว่า การเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ที่มีความเชื่อแตกต่างไปจากพวกของศาสดามูฮัมมัดไม่ผิด และจะได้บุญ ได้ไปพบกับอัลเลาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าผู้วิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ให้คุณให้โทษ สร้างและทำลาย  ให้พรและสาปแช่ง  ต่อมวลมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ที่มีในโลก และนอกโลก ( ทุกอย่างเป็นประสงค์ของอัลเลาะฮ์ )
    แท้จริงความหมายของ  อัลเลาะฮ์  ก็คือ   ความเป็นจริงของธรรมชาติ  ( ผลย่อมเกิดแต่เหตุปัจจัยที่เหมาะสม )   แต่ศาสดามูฮัมมัด ได้กำหนดความหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า       อัลเลาะฮ์   เป็นองค์เทวะผู้วิเศษที่จะบันดาลอะไรก็ได้ตามคำร้องขอของท่านศาสดามูฮัมมัด ผู้ติดต่อกับอัลเลาะฮ์ได้โดยตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น
    เมื่อศาสดามูฮัมมัดชนะสงครามทางความเชื่อ ตั้งตัวเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามแล้วจึงกำหนดกฎของอัลเลาะฮ์ขึ้นเป็นหลักความคิดความเชื่อของศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นเผด็จการทางความคิด คล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วโลก  คือ........ 
    มุสลิมต้องเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ( อัลเลาะฮ์ ) โดยผ่านทางศาสดามูฮัมมัดคนเดียว  เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต้องเชื่อในอุดมการณ์ของพรรคโดยผ่านคนของพรรคเท่านั้น
    ทั้งมุสลิมและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ห้ามสงสัยในคำสอน ห้ามสงสัยในคำสั่งของพรรค ต้องอุทิศร่างกาย และชีวิตแด่ศาสดา หรือพรรค
    กฎของพรรคคอมมิวนิสต์ เปรียบเสมือนเป็นโองการของศาสดา ที่กำหนดเป็นคำภีร์         ( กุรอาน ) ที่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามหนทางเดียว
    นบีมูฮัมมัด เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์ความคิดความเชื่อ และหลักการทางศาสนา เช่นเดียวกับ มาร์ค  เลนิน เป็นเจ้าของแนวคิดและอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เหมือนกัน
    หลักการความเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์  ก็คือหลัก ความคิด ความเชื่อของอิสลาม
  • กร

    27 มีนาคม 2554 20:22 น. - comment id 123112

    เขียนดีมากครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน