วันนี้จะกินอะไรกันดีหละ เสียงเพื่อนร่วมงานฉันตะโกนถามข้ามโต๊ะกลับมามา เมื่อมองเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น เวลาเลิกงานของเราสาวออฟิต ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้าเมืองกรุงฯ มาเพื่อทำงานบัญชีแลกกับดือนที่สูงกว่าแรงงานขั้นต่ำไม่มากนัก ไม่กินพิซซ่านะ มันเลี่ย ฉันตอบกลับไป และคำตอบที่กลับมาเป็นประโยคคำถามว่า เอ็มเคไหม เราสองสาวตกลงไปทานสุกกี้ที่ห้างดังใจกลางเมืองกรุงฯ ไม่ห่างจากทำงานมากนัก แต่กว่าเราจะได้กินสุกกี้กันจริงๆ ต้องรอคิวกันอีกเกือบชั่วโมง ก็วันนี้มันวันเงินเดือนออกนี่น่า ใครใครก็ต้องมาหาเรื่องใช้เงินให้คุ้มความเหนื่อยที่ตรากตรำมาทั้งเดือน อาหารมื้อนี้เรากินกันสองคนหมดค่าใช้จ่ายไปห้าร้อยกว่ากว่า มันก็ไม่มากมายนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการกินอาหารอื่นอื่น บนห้างหรูหรู อย่างนี้ ค่ำค่ำ พ่อโทรศัพท์มาหา พร้อมกับทวงเงินเดือนที่ฉันต้องส่งกลับต่างจังหวัดทุกเดือน เงินที่ฉันส่งให้ที่บ้านไม่ถึงหนึ่งในสิบที่ฉันได้รับต่อเดือน ก็ฉันอยู่กรุงเทพนี่หน่า ค่าครองชีพย่อมสูงเป็นธรรมดา ไหนจะค่ารถ ค่าเช่าหอ ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ใหม่ใหม่ ที่ต้องซื้อเพิ่มทุกเดือนก็มากโข ก็จะให้ใส่ซ้ำไปซ้ำมา อยู่ได้ยังไง อายเขาแย่สิ อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว มีวันหยุดยาวสักทีคงต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปเยี่ยมพ่อแม่บ้าง ค่ำนี้พ่อโทรหาฉันลูกสาวสุดที่รักเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับพ่อก่อนบ้างว่า พ่อเดือนนี้หนูไม่ส่งเงินให้นะ จะเก็บเอาไว้เป็นค่ารถกลับบ้านพ่อตอบกลับว่าไม่เป็นไร ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่จะอดออมมากแค่ไหนนเดือนนี้ รู้ เพียงแต่ว่าพ่อกับแม่คงดีใจที่จะได้เจอลูกสาวสุดที่รักที่ไม่ได้เจอมาร่วมปี แล้วก็ถึงวันสิ้นปี ผู้คนเบียดเสียดยัดเยีดกันมากมายที่หมอชิต ฉันต้องจองตั๋ล่วงหน้าเกือบเดือน เพราะกลัวไม่มีที่นั่ง ฉันออกเดินทางจากกรุงเทพฯในช่วงค่ำ แล้วฉันก็เดินทางมาถึงบ้านอย่างลอดภัยในเช้าของอีกวัน ฉันคุยกับพ่อแม่ให้ท่านหายคิดถึงสักพัก ก็ขอตัวไปนอนพักสักตื่นเพราะว่าเพลียเหลือเกินกับการเดินทาง เมื่อตื่นมาช่วงบ่ายบ่าย ก็ไม่เห็นแม่ฉันจริงถามพ่อว่าแม่ไปไหน พ่อตอบกลับมาว่าไปเก็บผักที่สวน เพื่อเอาไปขาย แม่เก็บได้ผักมได้หนึ่งกระบุงใหญ่ใหญ่ ในช่วงเกือบบ่ายสาม แม่มานั่งล้างผักแล้วแบ่งป็นกำ เพื่อเตรียมตัวไปขาที่ตลาดย ฉันสังเกตเห็นแม่ว่าท่านผอมลงไปมาก ในช่วงสามสี่ปี่ผ่านมา ฉันเรียนจบแล้วแต่ดูพ่อกับแม่ไม่ได้สบายเอาเสียเลย แม่ปั่นจักรยานไปขายผักที่ตลาด เพราะมอเตอร์ไซค์พังได้หลายเดือนแล้ว พ่อบอกว่าท่านไม่คิดจะซ่อมเพราะเสียดายเงิน แล้วน้ำมันก็แพง หกโมงเยนแม่กลับมาจากตลาดพร้อมเงินค่าผักที่ขายได้ สี่สิบบาท ใช่แล้วแนฟังไม่ผิด นี่เหรือคือค่าตอบแทนของผักหนึ่งกระบุงโตโต ของแม่ฉัน นี่หรือคือรายได้ต่อวันที่พ่อกับแม่ฉันได้รับฉันได้ ถ้าฉันจำไม่ผิด สุกกี้ที่ฉันกินตอนต้นเดือน ผักหนึ่งถาดราคาร้อยกว่าบาท ทำไมมันช่างแตกต่างกันมากมายนัก พ่อบอกว่า ชาติที่แล้วแม่แกคงเป็นหนอน ชาตินี้ถึงได้กินผักทุกวัน พ่อเล่าอีกว่าบางครั้งเป็นลมระหว่างทางปั่นจักรยานไปขายผักเพราะประหยัดน้ำมัน มันเป็นมุขตลกที่ฉันไม่ค่อยจะขำสักเท่าไหร่ ฉันบอกตัวเองว่าต้องทบทวนการใช้ชีวิตที่มีให้มากกว่านี้ ฉันให้คนสองคนที่ให้ฉันมาทั้งชีวิตได้แค่นี้จริงหรือ ฉันรักตัวเองมากไปไหม และรักท่านทั้งสองน้อยไปไหม ฉันรู้คำตอบนี้ดีอยู่แก่ใจ และฉันก็รู้แล้วว่า...การฉลองเงินเดือนออกในเดือนหน้า ฉันจะทำอย่างไร ผักของแม่ฉันมีค่ามาก ไม่ใช่ราคีสิบของมันที่แม่ขายได้ แต่เป็นราคาที่แลกด้วยจิตสำนึกของความเป็นลูกที่ดี ที่ฉันทำหล่นหายไปกับแสงสีในเมืองกรุงฯเมิ่อไหร่ฉันก็ไม่อาจรู้ ***รักพ่อกับแม่มากค่ะ***
29 พฤษภาคม 2551 22:09 น. - comment id 97047
อ่านรู้เรื่องครับ แต่คำผิดเยอะมาก จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนหนึ่งที่เขียนแล้วมีคำผิดเยอะแต่เมื่อเทียบกับของคุณแล้ว ของผมดูเล็กน้อยทันที แล้วคำซ้ำซึ่งตามหลักแล้วควรใช้ ( ๆ ) ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ใช้ เช่น ใหม่ใหม่ กว่ากว่า เห็นแล้วบอกตรงๆ รำคาญตา แล้วจะพาลนึกไปว่าคนเขียนไม่มีความรับผิดชอบ ผมว่าคุณไม่น่าจะเขียนผิดนะ อาจจะตั้งใจเลยล่ะ เพราะคำพวกนี้เป็นคำพื้นๆ
25 พฤษภาคม 2551 12:04 น. - comment id 100304
26 พฤษภาคม 2551 08:24 น. - comment id 100310
เอาเรื่องสั้นมาลง 3 เรื่อง สงสัยจะเขียนอ่านมะรู้เรื่อง ก็มีคุณเอ็มนี่แหละ ที่ช่วยกระณาเข้ามาแสดงความห่วยใย ด้วยไอค่อนน่ารักน่ารัก ขอบพระคูณมากค่า...