ผมเคยเขียนกลอนในชื่อ ดาวบางดวง แล้วครั้งหนึ่ง นั้นก็นานมาก วันนี้ผมอยากเขียนอีกเป็นเรื่องสั้น ผมมีแผนที่ดาวอยู่แผ่นหนึ่ง มันเป็นกระดาษแข็งที่เป็นวงหมุนได้รอบ เดือนนี้ วันที่เท่านี้ ณ องศาประมาณนั้น เราจะได้เห็นกลุ่มดาวกลุ่มนั้น และในดาวกลุ่มนั้นก็จะเห็นดาวดวงที่มีแสงแจ่มที่สุดดวงนั้นดวงนั้น ผมเพลินมากในคืนที่ดาวพราว นอกจากได้นึกคิดเรื่องดาวผมยังได้คืดถึงคนที่ผมศรัทธา ดาวไม่เจิดจ้าอย่างตาวัน แต่ดาวก็แจ่มต่อใจ ในยามค่ำคืนที่โลกรายรอบมืดมิด สังคมของเราเวลานี้เหมือนยามวิกาลที่ผู้คนอยู่ในความหลับไหล ผู้เกิดใหม่ไม่น้อยเดินหลงอยู่บนทางที่คดเคี้ยวที่ข้างทางเป็นหลุกขวากและหุบเหวลึกสุดประมาณ และผู้ใหญ่เองก็ไต่อยู่บนเส้นลวดของศักดิ์ที่ต้องรักษาสภาพด้วยการยอม แม้กระทั่งการสละโอตตัปปะและหิริ ดังนั้นแม้แสงแห่งดาวจะน้อยนิด ก็ยังเป็นแรงใจให้ได้คิดในยามที่โลกรอบตัวหม่นหมองมืดมน ว่า..สังคมนี้คงมีความหวังอยู่บ้าง มองไปในท้องฟ้ายามราตรี ดาวบางดวงหรี่แสงราวจะเร้นตัว แต่ความจริงนั่นเป็นเพราะกลุ่มเมฆที่ทยอยทะมึนบดบังต่างหาก เมื่อนึกได้ว่าดวงดาวนั้นอยู่ยืนยาวกว่าเมฆทะมึน ผมก็รู้สึกชื่นใจขึ้นอย่างประหลาด ผมนึกถึงคนทำงานเพื่อสังคมในประเทศของเราแล้วก็มีความหวัง ท่านเหล่านั้นเหมือนดาว ในดวงใจของผู้คน ........ คุณนึกถึงใครบ้างครับ ที่เป็นดาวบางดวงในหัวใจของคุณ ท่านหนึ่งในหลายท่านที่ผมนึกถึง มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนท่านอื่น ๆ ผมเรียกสิ่งนั้นว่าอุดมคตินะครับ อุดมคติเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ที่ผู้คนต้องการไปถึง ผมเชื่อว่าเพราะมีสิ่งนี้ท่านเหล่านั้นจึงยังคงทำงานของท่านอยู่อย่างเกินขอบเขตที่มนุษย์ธรรมดาทำได้ ผมเห็นท่านขี่รถเครื่องสีดำคันเก่ามาก ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ลูกศิษย์ของท่านอยู่ เพื่อติดตามผลว่าสิ่งที่ท่านสอนลูกศิษย์ได้ลงมือทำหรือยัง เพียงแค่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปบ้านลูกศิษย์ทุกบ้าน โดยยังไม่คิดไปถึงว่าจะผลักดันให้ลูกศิษย์ลงมือทำงานเพื่อให้มีอยู่มีกินอย่างไร ก็ยังเกินขอบเขตที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้แล้วครับ เพราะหมู่บ้านที่ต้องไปมีเป็นร้อยหมู่บ้าน อยู่ต่างตำบลต่างอำเภอทั้งนั้น นี่แหละครับดาวบางดวงที่ผมจะเล่าให้ฟัง ถิ่นที่ผมอยู่ผู้คนยากจนมาก เป็นพลเมืองชั้นสามที่เห็นได้ชัดมากเมื่อไปทำงานรับจ้างตัดอ้อยแถบภาคตะวันตก นายจ้างจะรีดเอาแรงงานให้คุ้มกับเงินทุกเม็ดที่จ้าง งานหามร่งหามค่ำเพื่อให้ทันกับความเร่งรีบที่จะต้องส่งอ้อยเข้าหีบทำให้นายจ้างใส่ยาขยันลงไปในน้ำดื่มอย่างไม่ลังเล และมากกว่านั้นก็คือใช้เงินตกแรงงานไว้ข้ามปีเพื่อให้มีทาสผู้ซื่อสัตย์ไว้รีดเรี่ยวแรงไม่รู้จบ พ่อแม่ของเด็กจำนวนไม่น้อยอยู่ในสภาพแบบนี้คือไปทำงานต่างถิ่นแล้วส่งเงินกลับมาบ้านเพื่อให้ลูกและตายายซื้อข้าวกิน นอกจากขายแรงงานแถวภาคตะวันตก คนถิ่นผมยังจากบ้านไปทำงานเมืองหลวง งานเกือบทุกประเภทที่มีจ้างอยู่ในนั้นคนบ้านผมจับจองพื้นที่แล้วทั้งนั้น ทุกคนทำงานโดยไม่มีเวลาบ่น เพื่อส่งเงินกลับบ้าน อาชีพดั้งเดิมในไร่นา ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจนแทบไม่เหลือร่องรอยของเดิมแล้ว เช่นจากไถปักดำเก็บเกี่ยวด้วยแรงงานสัตว์และคนก็เปลี่ยนไปเป็นจ้างรถไถญี่ปุ่นทำแทนทุกอย่าง ต้นทุนทำนาที่แต่เดิมมีเพียงแรงกายก็กลายเป็นแรงเงินที่แลกมาจากหยาดเหงื่อที่กรุงเทพ นาที่เคยอุดมจากมูลสัตว์บัดนี้แม้จะพึ่งปุ๋ยเคมีก็ยังยากแล้ว เพราะดินกระด้างเกินเยียวยา เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส. บอกว่าเงินที่ชาวบ้านส่งกลับมาแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท แต่หนี้ที่ชาวบ้านมีอยู่กับ ธ.ก.ส.มากกว่านั้นร้อยเท่า ตัวเลขที่พูดถึงไม่ได้นับหนี้นอกระบบเข้าด้วย เงินที่สะพัดมากในเขตบ้านย่านตลาดคือเงินหวยใต้ดินและล็อตเตอรี่ มากกว่าเงินซื้อกินด้วยก็ว่าได้ ตัวเลขก็คือตัวเลข ชีวิตจริง ๆ คือ ชาวบ้านยังอด ๆ อิ่ม ๆ คือไม่ได้อิ่มทุกมื้อ บางเดือนเงินจากทางไกลก็ไม่มา หรือมาก็ฝืดเคือง ความรักจากทางไกลไม่เป็นสิ่งที่หวังได้ ชีวิตบ้านนอกอาจต่างจากชีวิตในเมืองในหลายมุม แต่บัดนี้มีมุมหนึ่งที่เกือบคล้ายกัน นั่นคือเริ่มเลี้ยงลูกด้วยเงินและทีวีเหมือนกัน เด็ก ๆ ไม่ได้สัมผัสการโอบอุ้มอบรมจากพ่อแม่เพราะเขามีแต่เวลาหาเงินไม่มีเวลาให้ลูก ลูกไม่อาจพึ่งความมั่นคงทางใจจากพ่อแม่ก็ไปพึ่งความมั่นคงทางเงินจากทางอื่น เด็ก ๆ หัวหมุนเมื่อมีปัญหา ใครก็ช่วยไม่ได้ เพราะปัญหาของเขาคือปัญหาทางใจ ชาวบ้านที่ไม่ไปจากถิ่น มีชีวิตที่อัตคัตทีเดียว พืชผักที่เคยมีให้เก็บกิน ปูปลาทีมีให้ดักจับเอา ข้าวที่มีในยุ้งบัดนี้อยู่ในสภาพแร้นแค้นแล้วทั้งหมด เพราะพวกเขาได้สูญเสียที่ดินผืนใหญ่ดั้งเดิมของตน มาครองที่ดินผืนเล็กผืนใหม่ที่ได้จากการบุกเบิกป่าบนที่สูง ที่ที่ว่านี้แทบจะไม่เหลือความอุดมสมบูรณ์เพราะตะกอนดินถูกชะล้างไปในการปลูกมันสำปะหลังในปีที่สองที่สาม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พวกเขาเอามันที่หัวเล็กเท่าหัวแม่เท้าไปขายเพื่อซื้อข้าวมายาไส้ ครอบครัวส่วนใหญ่เริ่มเป็นอย่างนั้น ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือพวกเขาหลายคนเริ่มจะสูญเสียที่ดินผืนใหม่อีกรอบเพราะมันทำอะไรไม่ได้ก็ต้องขายออกไปเพื่อซื้อข้าว นั่นเป็นสิ่งที่ดาวดวงที่ผมนับถือเล่าให้ฟังและเพ่งมองลงไป ผมเห็นและคุณก็อาจจะเห็น ============================================== คุณเชื่อไหมครับ ว่าดาวดวงที่ผมพูดถึง ท่านได้ไปเยี่ยมนักเรียนครบทุกคน รู้จักบ้านของเด็กทุกบ้าน รู้ว่าเขามีกินหรืออดอยาก รู้ว่าเขาลำบากหรือสุขสบาย ท่านบอกผมว่า หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเด็กวัยเรียนจึงหนีออกจากห้องเรียน แต่ท่านไม่สงสัยแล้ว เด็กไม่อยากเรียนเพราะเขาเรียนไม่ได้ เขาไม่มีใจที่จะเรียน ที่น่าเป็นห่วงมากก็คือหลายคนถึงขั้นไม่เห็นค่าของสิ่งที่ว่านั้น ปัญหาของเด็กหลาย ๆ คน คือเขาขาดที่พึ่งทางหัวใจ เมื่อเรียนไม่ได้เขาก็ไม่มีความสุขที่จะอยู่ในห้องเรียน เทียวหนีเรียนให้ครูไล่ตาม บางคนเป็นหนักเข้าก็ต้องย้ายที่เรียน ไปเรียนที่อื่นก็เหมือนเดิมคือเรียนไม่ได้ ไม่อยากอยู่ เมื่อออกไปอยู่นอกห้องเรียนก็ก่อปัญหาให้สังคมเดือดร้อนสารพัดสารพัน ไม่ใช่แต่เด็กที่มีปัญหา ผู้ปกครองของเด็กก็มีปัญหา อยู่คนละทาง อยู่ต่างถิ่น หาเงินตัวเป็นเกลี่ยวเพื่อส่งให้ลูก ไม่น้อยเลยที่พ่อแม่แยกทางกันเพราะความบีบคั้นทางเศรษฐกิจ ภาระหนักตกอยู่กับย่ายายตาปู่ที่ดูเหมือนจะสื่อสารกับลูกหลานได้ยากขึ้นทุกวัน ปัญหาลักษณะนี้มันหนักหน่วงข้นเข้มขึ้นทุกวัน จนหลายคนนึกไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาโดยเริ่มต้นตรงไหน ดวงดาวที่ผมพูดถึง ท่านบอกว่ามันต้องเริ่มที่การศึกษา ถ้าการศึกษาสนใจที่จะแก้ปัญหาพวกนี้ มันมีทางเป็นไปได้ แต่ระบบการศึกษาทุกวันนี้ไม่เป็นอย่างนั้น มันเป็นยังไงหรือครับ ท่านว่า.... มันเหมือนการซื้อหวยล็อตเตอรี่ ที่จะมีคนถูกรางวัลอยู่ไม่กี่คน การศึกษาของเราก็เป็นแบบนั้น มันมีคนอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้นแหละที่จะโชคดีได้ทีต้น ๆ ในการแข่งขันเรียนและหางานทำ มีคนจำนวนน้อยนิดที่จะได้งานที่ดีทำ ที่เหลือนอกนั้นทั้งหมดต้องดิ้นรนหางาน แทบไม่ต่างจากผู้ใช้แรงงาน ที่น่าห่วงก็คือหลายคนคิดสร้างงานเองไม่ได้ ต้องคอยเป็นลูกจ้าง รับจ้างเพื่อให้มีเงินซื้อกิน แต่การศึกษาก็ไม่สามารถที่จะสร้างคนที่มีสมบัติที่ดีเพียงพอต่อการเป็นลูกจ้างที่ดี จนบริษัทต่าง ๆ บ่นไปตาม ๆ กันว่า พวกเขาต้องฝึกลูกจ้าง เอาใหม่ บางแห่งต้องตั้งโรงเรียนเอง นั่นเป็นปัญหาที่พอเห็นทางออก แต่พวกที่ไม่ถูกหวยล่ะ แม้รางวัลเลขท้ายก็ไม่ถูก คือพวกที่เรียนก็เรียนไม่ได้ งานก็แทบไม่มีจ้าง พวกนี้จะอยู่อย่างไร ก็มาเป็นแบบที่ท่านว่า คือบุกเบิกพื้นที่ป่าเขาไปข้างหน้า เพื่อที่จะปลูกพืชทำลายความอุดมสมบูรณ์ของดินอย่างสูง เพื่อจะมีเงินซื้อกินในปีที่สอง ปีที่สามก็อยู่ไม่ได้ ต้องบุกรุกไปอีก ที่เดิมก็ตกเป็นของคนมีเงินในเมือง ลูกหลานที่ออกมาก็มีปัญหาเดียวกัน แต่หนักหน่วงน่าเหนื่อยหน่ายกว่าอีก ปัญหาพวกนี้ไม่มีทางออกเลยหรือครับ ผมถาม ท่านตอบว่า มี ถ้าเราเข้าถูกที่ แก้ถูกทาง ทางไหน ใช่ไหม นี่ไง ที่การศึกษานี่ไง... ============================ เพื่อประกอบคำตอบ ท่านได้ชวนผมไปบ้านนักเรียนด้วย เมื่อได้เห็นผมถึงกับอึ้ง ถึงนาที่นี้ผมจึงพึ่งเข้าใจว่าทำไมเด็กจำนวนไม่น้อยจึงไม่อยากเรียน ก็เขาจะเอาใจที่ไหนไปเรียนเล่าครับ อนาคตของประเทศเหล่านี้อยู่อย่างแร้นแค้นมาก เรือนชานของพวกเขาเหมือนคนมีอายุที่ซวนเซจะล้ม ทั้งค่อนข้างรก ไม่เป็นระเบียบ ขยะพวกถุงพลาสติกหูหิ้วเกลื่อนอยู่รอบบ้าน พวกเขาไม่มีเวลาที่จะเอาใจใส่เรื่องพวกนี้ เพราะปากท้องต้องการเวลานั้นมากกว่า ทุกที่ที่ท่านพาไปดูเป็นแบบนี้เกือบทั้งนั้น พ่อแม่เขาไม่อยู่ก็ไม่มีคนที่จะคอยกำชับให้ดูแลเรือน ตายายที่แก่เฒ่ามากก็ยังต้องดูแลเรื่องกับข้าวกับปลาของหลานเหลนทั้งที่แบเบาะและกำลังอยู่ในวัยเรียน ภาพที่เห็นชวนสลดใจยิ่งนัก ถ้าผมไม่ตามท่านไปผมก็ยังจะคิดว่าไม่มีภาพแบบนี้ และตัวเลขจีดีพีของประเทศที่ผมรับรู้ก็คงจะยังไม่สวนทางกับตัวเลขความอยู่ดีมีสุขของคนยากจนอยู่ต่อไปอีก คุณเชื่อไหมครับ ว่ามีเด็กอายุไม่ถึงสิบสองปีดีต้องรับผิดชอบครอบครัว ทำงานหาเงินซื้อข้าว คุณเชื่อไหมครับว่ามีเด็กอายุไม่ถึงสิบสามปีดีต้องขาดเรียนในบางวันเพื่อไปรับจ้างเพื่อให้มีเงินมาโรงเรียน และคุณเชื่อหรือไม่ว่ามีด้วยเหมือนกันที่เด็กอายุไม่ถึงสิบสี่ปีดีที่ต้องทำทุกอย่างแบบผู้ใหญ่เพื่อให้ตัวเองและน้องรอดจากความหิวโหย สิ่งเหล่านี้ยังมี ยังเห็นได้เมื่อผมตามท่านลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ถึงวันนี้ผมจึงไม่สงสัยเลยต่อปัญหาสังคมที่มันเหมือนกับเร่งระดมเข้ารุกฆาตความอยู่เย็นของคน การศึกษาของเรารับรู้เรื่องพวกนี้และมีทางแก้ไหม ทางไหนที่จะทำให้การศึกษาแก้ปัญหาความอดอยากยากจนได้ หรือว่าการศึกษาก็เหมือนการซื้อหวยล็อตเตอรี่จริง ๆ ผมคิดในขณะที่ตามท่านจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ========================== "ข้าว คือเอทีเอ็มของชาวบ้านนะ ถ้าชาวบ้านมีข้าวในยุ้ง ชีวิตของเขาก็ไปได้ดีขั้นหนึ่ง แต่ทุกวันนี้เขาปลูกข้าวไม่ค่อยได้ ดินมันเสื่อมความสมบูรณ์ คุณดูสิ แถวนี้อีกหน่อยก็ไม่ต่างจากทะเลทรายแล้ว" ท่านพูดขณะที่ขี่รถเครื่องไปช้า ๆ และชี้ให้ผมดูผืนนาแล้ง ที่ตอซังข้าวกรอบแกร็นปลิวหมุนไปในลมร้อนที่พัดวนเป็นวง "ปีนี้ผมจะให้นักเรียนปลูกข้าว โดยใช้ที่ดินน้อย ๆ แต่ให้ผลผลิตสูงที่สุด ปีที่แล้วผมให้นักเรียนเลี้ยงปลาและปลูกผักเป็นอาหาร เขาทำได้ดีพอสมควร เดี๋ยวคุณก็จะได้เห็นในหมู่บ้านข้างหน้าโน้น" แล้วผมก็ได้เห็นจริง ๆ ว่าเด็กที่เรียนวิชาเลี้ยงปลาปลูกผักประสบผลสำเร็จคือมีปลาและผักเป็นอาหาร การสอนแบบนี้จึงเป็นการสอนที่เขาใช้ประโยชน์ในวันนี้ได้จริง ๆ ใช่ไหมว่า ความอดอยากไม่สามารถรอให้อิ่มในสิบยี่สิบวันข้างหน้า หรือจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย "ผมขี่รถเครื่องไปตามหมู่บ้านแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้วนะ ถ้าไม่บ้าแบบผมทำไม่ได้หรอก" ท่านว่าแล้วก็หัวเราะ "แต่ผมว่า มีแต่คนบ้า ๆ เท่านั้นแหละที่โอบอุ้มสังคม" คราวนี้ท่านหัวเราะเสียงดังมาก รถเครื่องกำลังพาเราเข้าหมู่บ้านที่เงียบเชียบหมู่บ้านหนึ่งแล้วนะครับ ==================================== ผมได้คำตอบต่อคำถามเดิมครบถ้วน เมื่อออกจากหมู่บ้าน แต่มันก็มีคำถามใหม่เกิดขึ้นอีก คำถามใหม่ก็คือระบบการศึกษาของเราเห็นว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่เป็นปัญหาจริงหรือไม่ ในขณะที่เราพุ่งเป้าไปที่การแข่งขันในเวที่โลกไร้พรมแดน เราเห็นแผลเน่าที่กัดกินเนื้อในตนเองอยู่หรือไม่ แผลจากความอดอยากแร้นแค้น และความหมดหวัง ถ้ามองเห็น ถามว่าเราจะเริ่มกันที่ตรงไหนในระบบการศึกษา ก่อนจากดาวที่ผมเคารพนับถือมา ผมถามท่านแบบติดตลกว่า ถ้าผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลและรับผิดชอบกระทรวงจัดการศึกษา หากผมถามท่านว่าจะให้ผมทำอย่างไร ท่านกล้าที่จะบอกตรง ๆ ไหม ดวงดาวของผมหัวเราะเสียงดังปานฟ้าคำราม และว่า "นี่แหละปัญหาสำคัญของการศึกษาไทย คนใหญ่มองไม่เห็นปัญหาของคนเล็ก ๆ และคนเล็ก ๆ ก็ไม่กล้าบอกปัญหากับคนใหญ่ ๆ ขอบคุณมากที่บอกผม เดี๋ยวผมจะเตรียมการบ้านไว้ เผื่อว่าวันหน้าอาจจะมีคนมองเห็นคนทำงานในระดับรากหญ้าแบบบ้า ๆ แบบเรา เข้ามาถามว่าจะให้ผมทำยังไง " ======== ผมลาจากท่านมาแล้ว แต่ภาพและงานของท่านยังแจ่มอยู่ในหัวใจของผมไม่เลือนลบลงได้ ค่ำคืนที่ผมมองดาวบนท้องฟ้า โดยไม่ต้องดูแผนที่ดาว ผมก็รู้ว่า ดาวบางดวงของผมอยู่ที่ไหน ใช่ครับ ผมมีดาวบางดวงอยู่ในใจ เพื่อเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่ต่อสู้กับความท้อถอยที่เข้ามาเยือนเป็นบางคราว ผมนึกแล้วก็ยิ้มกับคำของตัวเองด้วยที่ว่า ก็มีแต่คนบ้า ๆ ทั้งนั้นที่ช่วยกันโอบอุ้มสังคม ขอบคุณครับดวงดาวของผม
16 มีนาคม 2551 08:47 น. - comment id 99556
ผมจะเขียนฉีกไปอีกแนวซักช่วงนะครับ ขอบคุณมิตรทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้ความเห็นไว้
16 มีนาคม 2551 10:51 น. - comment id 99560
เรนเองเก๊าะมีดวงดาวหนึ่งที่เรนศรัทธา..และเชื่อมั่น ทุกครั้งที่เรนเหนื่อย.. ทุกครั้งที่สับสน.. ดาวดวงนั้น..เค้าเป็นกำลังใจให้เรน.. นานมากด้วยดิคะ ที่เรนเคยทำกับพ่อ.. นอนดูดาว.. พ่อสอนให้เรนเรียนรู้.. กลุ่มดาวลึกลับ...กระดาษแผ่นนั้น เรนเองเก๊าะมี .. เก็บไว้เพื่อระลึกถึงพ่อ .. พ่อเรนชอบดูดาว.. ... พ่อชอบพาเรนไปแบบแคมปิ้ง..ด้วยดิคะ..เรนชอบมาก.. พ่อถามเรนว่า มัยเรนชอบชอบดูดาว.. เรนตอบพ่อว่า เก๊าะดวงดาวเล็กๆมากมากมายมันมีสีสันที่แตกต่างระยิบระยับเต็มท้องฟ้า..สวยดี.. ..เรนเคยแย้งพ่อ..ตอนที่เราเห็นดาวตกพร้อมๆกัน.. สีของดาวสวยมากด้วยนะคะ.. พ่อเรนเห็นเป็นสีแดง.. แต่เรนเห็นแตกต่างจากพ่อ.. เรนเห็นเป็นสีเหลืองสดใส.. และดาวเก๊าะเคยตั้งชื่อให้กับดาวดวงนั้นด้วยนะคะ.. .. .. เรนจะมาอ่านต่ออีกนะคะ..
16 มีนาคม 2551 12:19 น. - comment id 99566
ทักทายคุณrain ผมนึกถึงคุณพ่อน้องrain ท่านอาจจะเคยเขียนบทกวีหรืไม่ก็ไม่แน่ใจ ถ้าผมเป็นท่านผมจะเขียนว่า ลูกคือฝนฉ่ำใจ รินรดลงในหทัยมิวาย ชื่นเย็นสุดจะประมาณ นำความเบิกบานมาเป็นสาย เอื้อดินที่ผากผ่าว คลายความรวดร้าวอันเลวร้าย ปูปลาเปรมและปรี่ ว่ายเวิงวารีเรียงราย คนนาได้ปลูกข้าว คนทั้งเมืองมีหวังวาวทั้งหญิงชาย ลูกคือฝนลูกคือฝน ลูกจงรักประชาชนอย่าคลาย ฯ ด้วยความรำลึกถึงนะครับ
16 มีนาคม 2551 17:04 น. - comment id 99573
ดาวบางดวงเจิดจ้ายามราตรี ดาวบางดวงริบหรี่ปราศสีสัน ดาวบางดวงพ่วงแสงแห่งมณีจันทร์ ดาวบางดวงผ่องพรรณนิรันดร
16 มีนาคม 2551 17:18 น. - comment id 99574
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ เขียนต่อไปนะคะ ชีวิตรอยทางก็เป็นเด็กชนบท ทุกคนกว่าจะเรียนจบลูก 8 เลือดตาแทบกระเด็น ฟันฝ่าอุปสรรค์ทุกรูปแบบ เพียงแต่หวังว่าการศึกษาสามารถทำให้วิถีชีวิตดีขึ้น คนที่ไม่เคยอยู่ชนบทจะไม่ทราบหรอกคะ ความแร้นแค้นยากจนเป็นอย่างไร "ถึงวันนี้ผมจึงไม่สงสัยเลยต่อปัญหาสังคมที่มันเหมือนกับเร่งระดมเข้ารุกฆาตความอยู่เย็นของคน" คำพูดนี้เป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจริงและน่าเศร้าใจมากคะ ตัวอย่างเด็กในหมู่บ้านหลายๆ คนเรียนหนังสือแต่ไปไม่ถึงดวงดาว ปัญหาท้องไม่มีพ่อก็เยอะ ปัญหาเด็กวัยรุ่นผู้ชายทะเลาะฆ่ากันตายในโรงเรียน อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป แม้แต่กระทั้งการข่มขื่นในโรงเรียน ซึ่งไม่น่าจะเกิดมันก็เกิด คุณค่าต่ออาชีพของคำว่าครูก็น้อยลงในการใส่ใจต่อเด็ก คนที่ทำดีกลับกลายเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง กลายปค่านิยมต่างๆ เปลี่ยนไป นายทุนเริ่มเข้ากวาดซื้อที่ดิน แล้วใครจะเป็นผู้แก้ไข หากสังคมไม่ช่วยกันเอง
16 มีนาคม 2551 17:21 น. - comment id 99575
ดาวพราวพร่างฟ้ากล่อมราตรี เหมือนมีมิตรมาสโมสร ดาวย่อมแจ่มแก่ใจเหมือนให้พร เพื่อก้าวย่างบ่รุ่มร้อนในโลกร้าย สวัสดีครับคุณอัลมิตรา
16 มีนาคม 2551 17:23 น. - comment id 99576
ทักทายคุณรอยทางด้วย ขอบคุณครับ ข้อเขียนของคุณทำให้ผมตั้งใจโฟกัสลงไปให้ตรงจุด ผมดีใจที่คุณอ่าน
16 มีนาคม 2551 18:09 น. - comment id 99578
ดวงดาวของ โคลอน ก็คือ ในหลวงค่ะ พระองค์ท่านมองเห็นประชาชนของพระองค์เสมอ ทุกครั้งที่คิดถึง ในหลวง จะต้องจับที่อกตัวเองทุกที เพราะมันรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนมีก้อนแข็งๆมาปิดทางเดินหายใจ เวลาเรารู้สึกว่าลำบากก็เลยจะไม่บ่น เพราะเรายังรับผิดชอบแค่ตัวเราครอบครัวเรา แค่นั้นเอง...ไม่ได้แบกปัญหาทั้งหมดของคนทั้งประเทศไว้ทำไมจะต้องอ่อนแอจริงมั๊ยคะ
16 มีนาคม 2551 19:32 น. - comment id 99581
ใช่เลย ขอบคุณครับคุณโคลอน
16 มีนาคม 2551 22:10 น. - comment id 99587
ดาว คือ สิ่งที่สูงส่ง ดาว เปรียบเสมือนตัวแทนความสว่างไสว ดาวดวงนั้นวาววับประดับใจ ดวงนั้นไซร์คือ เตี่ย ของฉางน้อยเอง อิอิ ... สำหรับฉางน้อย คำว่า ดาว เปรียบเสมือนตัวแทนความเป็นฮีโร่ในใจค่ะ ไม่มีใครเป็นฮีโร่ เก่งเหมือนเตี่ยตัวเอง อิอิ ป่านนี้เตี่ยจะเป็นดาวงดวงไหนน๊า
16 มีนาคม 2551 22:22 น. - comment id 99590
สวัสดีครับคุณฉางน้อย ไม่ได้ทักทายกันนานมากเลย ผมเขียนเรื่องสั้น ๆ ติด ๆ กันมาหลายเรื่องได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแน่ อาจเป็นเพราะดาวของผมอีกบางดวงมั้งที่เป็นแรงผลักให้อยากเขียน ดวงดาวของเราคือฮีโร่ของเราถูกต้องแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ ความจริงผมจะยังไม่นอนตอนนี้หรอก คงอีกซักพักจึงขะขึ้นไปนอน วันนี้อยู่บ้านคนเดียว ลูก ๆ กับแม่ของเขาไปเที่ยวทะเลกัน ผมมีภาระที่ที่ทำงานเลยไม่ได้ไปด้วย พรุ่งนี้เช้าเขาก็จะกลับถึงบ้านแล้วครับ ลูกโทรมาบอกว่าแม่กินอาหารทะเลท้องเสียตอนกลางวัน ผมโทรไปถาม ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว บ้านเงียบมาก แต่ก็ไม่เหงาครับ ผมนั่งสมาธิ สบายดีมาก-ฮาได้ไหมนี่
17 มีนาคม 2551 00:06 น. - comment id 99592
ดาวล้านดวง สุกสว่าง ท่ามกลางฟ้า พราวนภา ยามราตรี แต้มสีสัน หากหนึ่งดวง นวลไสว ในใจกัน เป็นของขวัญ อันล้ำเลิศ ประเสริฐทรวง หนึ่งดารา บนฟ้ากว้าง กระจ่างจิต แสงน้อยนิด พิศวิไล อยู่ในสรวง ยามเคลื่อนคล้อย ลอยลิ่วผ่าน อีกล้านดวง งดงามซึ่ง หนึ่งในทรวง ห้วงหัวใจ
17 มีนาคม 2551 13:23 น. - comment id 99597
พินิจเถิดเพื่อนพ้องตรองตรงตรง อันที่คงอยู่นานตราบกาลไหน คือหมู่เมฆทะมึนปานมุ่งรานใจ หรือดาวหรี่ดวงไกลสุดสายตา ทะมึนเมฆแม้ว่ามาปรากฏ ให้บางคนรันทดต่อวาสนา ที่สุดเมฆก็ค่อยเลือนเหมือนมายา ต่างจากดาวที่คู่ฟ้า หยอกตาวัน
17 มีนาคม 2551 13:46 น. - comment id 99598
สวัสดีค่ะ พี่ก่อพงษ์ ดาวบางดวงเจิดจรัสอยู่กลางฟ้า คอยส่องแสงแววมาเฝ้าปลอบขวัญ สาดแสงพราวเคียงข้างคู่เพ็ญจันทร์ เป็นแสงอันงดงามท่ามดวงใจ พี่ก่อพงษ์ค่ะคงจะเป็นดาวดวงที่ดอกบัวเห็นแล้วค่ะ ดาวดวงนี้ชอบส่องแสงอยู่ตามชนบท แต่ดาวที่ส่องอยู่กลางใจดอกบัวคนละดวงกันนะค่ะ อิ อิ อิ ดอกบัวขอให้พี่ก่อพงษ์พร้อมครอบครัวมีความสุขค่ะ
22 มีนาคม 2551 12:00 น. - comment id 99649
ขอบคุณครับน้องดอกบัว