จำได้ว่าผมนึกอยากมีลูกครั้งแรกตอนยังเรียนหนังสือไม่จบดี และตอนนั้นผมก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนด้วย ไม่รู้ว่าคิดบ้าบอไปได้อย่างไรในเมื่อการมีลูกต้องอาศัยการมีแม่ของลูกและต้องอาศัยการเป็นครอบเป็นครัวด้วย ซึ่งผมไม่มีเลยซักอย่าง ความฝันที่จะมีลูก อาจเป็นเพราะผมอ่านหนังสือมาก ได้สัมผัสความอบอุ่นอ่อนโยนของความรักของแม่ ผูกพันกับแม่ทั้งในตัวหนังสือและแม่ในชีวิตจริง ความรู้สึกวัยเด็กสำหรับผมกับแม่ ผมจำได้ว่าแม่คือผู้หญิงที่ผมต้องปกป้อง แท้จริงแล้วแม่เป็นฝ่ายปกป้องผมต่างหาก ความรู้สึกกับพ่อเป็นคนละอย่าง พ่อคือคนที่ผมเคารพและอุ่นใจเสมอเมื่อไปด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ผมเคยโกรธพ่อมากที่คราวหนึ่งใช้คำเรียกผมเป็นอย่างอื่นไม่ใช่คำว่าลูก "ลูก"คำนี้เป็นคำที่น่าซึ้งใจมากสำหรับคนที่เกิดมาจากพ่อแม่ เมื่อมีลูก ผมเรียกลูกว่าลูก รักเขาด้วยหัวใจ ถึงแม้ความรักของผมที่มีต่อลูกจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าความรักที่แม่ของเขามีต่อเขา ผมก็เชื่อว่าความรักของผมน่าจะเติมเต็มส่วนขาดที่แม่ของเขาไม่สามารถให้ได้ ส่วนนั้นคือส่วนของความเป็นพ่อล่ะ "พ่อคร๊าบ อาบน้ำหรือยัง" เสียงใส ๆ ของเขาทำให้ผมเงยหน้าจากงานที่ทำเพื่อดูเวลาสำหรับภาระอื่นๆ เสมอ แต่ก่อนผมเองเป็นฝ่ายถามว่า"ลูกคร๊าบ..อาบน้ำหรือยัง" วันเวลาผ่านไปเขาดูแลผม เหมือนที่ผมเคยดูแลเขา นี่เองที่ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของการเกิดขึ้นมาในโลกและได้เป็นพ่อเป็นลูกกัน ooo ภาพติดตาฝังใจในวัยเด็กคงส่งผลต่อความนึกคิดของผมไม่น้อย ทำให้ผมอยากเป็นพ่อแบบพ่อ อยากแข็งแรงกำยำ อยากเก่งเวทย์มนต์คาถาแบบพ่อ แต่ที่ว่ามานั้นผมทำและเป็นได้แค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง ตัวพ่อดำเมี่ยม กล้ามเป็นมัด แกร่งยิ่งกว่าแกร่ง ทำไร่ไถนาได้ทั้งวัน เวลาไปไหนด้วยกันผมเดินตามพ่อแทบไม่ทัน 1 ก้าวของพ่อคือ 4 ก้าวของผม ดังนั้นขณะที่พ่อเดินผมจึงเหมือนวิ่งตาม พ่อว่ายและดำน้ำเก่ง แต่ผมแค่พอพยุงตัวให้ขึ้นฝั่งได้ พ่อหาปลาเก่งทำปลาร้าปลาเค็มปลาแห้งไว้กินนานๆได้ แต่ผมแค่จับได้ซักตัวสองตัวก็ดีใจแทบแย่ อีกมากและอีกมาก ที่ผมเป็นได้ไม่เท่าพ่อ ก็คงเหมือนลูกทั้งหลายที่เกิดมาใต้ร่มเงาของผู้บังเกิดเกล้าอยากเป็น อยากเก่งเหมือนพ่อ แต่เป็นได้แค่เสี้ยวกระจี๊ดของความนึกคิดอยากเป็น ถ้าผมเป็นพ่อล่ะ ในวันนั้นที่ผมนึกคิด ผมจะเป็นพ่อแบบไหน ผมจำได้ว่า ผมอยากจะเป็นพ่อแบบเพื่อนของลูก ที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ที่เรียนรู้ไปด้วยกัน สร้างงานที่เป็นอนุสรณ์ของการเกิดมาเป็นพ่อลูกกันด้วยกัน และผมก็ยังจำได้ด้วยว่า ตอนนั้นผมขำตัวเองที่นึกว่าเป็นพ่อของใครเข้าแล้ว ทั้งๆ ที่ยังแทบจะไม่รู้จักความรักจากหญิงสาวคนไหนด้วยซ้ำ 000 แม่ของลูกควรจะเป็นคนแบบไหนหนอ ผมคิดในแวบสั้น ๆ ไม่นานผ่านเลยไป เพราะชีวิตรอบตัวหลายหลากน่าสนใจมากกว่า เพื่อนพาทำกิจกรรมการเมืองก็ทำ เพื่อนพาไปศึกษาวรรณกรรมก็เอา ออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทก็บ่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำบ่อยกว่าคืออ่านและเขียนหนังสือในมุมเงียบ ๆ ในห้องสมุด การได้เข้าห้องสมุดเป็นความสุขที่สงบเงียบดี ผมได้เรียนรู้การเขียนภาพแบบจีนจากหนังสือภาพภู่กันจีน จนนำมาสู่การทดลองเขียนจนเกือบช่ำชองเพื่อหาเงินหาทองใช้อยู่พักใหญ่ หรือแม้แต่การอ่านวรรณกรรมก็ทำให้เอาจริงเอาจังในการเขียนทั้งเรื่องสั้นและกลอนจนมีผลงานตีพิมพ์ด้วยในช่วง นั้น ระหว่างทำกิจกรรมก็แวบไปคิดเรื่องลูกสลับด้วยเป็นช่วง แม่ของลูกควรจะเป็นคนแบบไหนนะ ผมมีภาพของแม่ชัดเจนมาก นี่เองที่ทำให้คิดว่าผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูก ต้องเหมือนแม่ของผม แม่เล่าว่าแม่อ่านหนังสือให้ผมฟังตั้งแต่ผมอยู่ในท้อง เมื่อคลอดผมแล้วแม่ก็กล่อมนอนด้วยคำกลอนยาว ๆ แม่โอบอุ้มผมเพื่อให้รับรู้หัวใจรักของแม่ เมื่อผมเติบโตรู้ภาษาแม่ก็ไม่เคยใช้ถ้อยคำใดกล่าวว่าให้เจ็บช้ำในความเขลาทีผมมีและเป็น นี่คือภาพที่แจ่มชัด แม่ของลูกก็น่าจะเป็นแบบแม่ แต่แหม นี่ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยที่จะรู้ว่า หัวจิตหัวใจของใครลึก ๆ แล้วเป็นอย่างไร เพื่อนผมบอกว่าเฮ๊ยมึงก็ลองรักใครดูซักคนสิ คบกันไปนาน ๆ เดี๋ยวก็จะรู้เองว่าหัวใจของเขาเป็นอย่างไร ผมมองหน้าเพื่อนอย่างเลื่อนลอยจนมันถามผมว่า มึงรู้จักความรักหรือเปล่าวะ ผมหัวเราะ และว่า รู้ ... กูรู้จักความรักมาแต่เกิด หลังจากวันนั้นมาผมมีแรงจูงใจที่จะรักใครซักคนชัดเจนขึ้นมาก และก็เริ่มรู้ว่าความรักนี้ยากต่อการทำความเข้าใจน่าดู 000 ผมทำความเข้าใจความรักอยู่นาน นานจนคิดล้มเลิกที่จะหาแม่ของลูก สิ่งที่ผมหวาดจนขลาดก็คือความผิดหวัง ผมมองเห็นเพื่อนหลายคู่หันหลังให้กัน เห็นคนหลายคนเปลี่ยนความรักเป็นความชัง หน่ายแหนงและหน่ายหนี เมื่อขัดใจกัน หัวใจของคนที่ชังกันแล้วต้องอยู่ร่วมโลกกันมันเป็นความขื่นขมเหลือรับ ผมไม่ต้องการเป็นอย่างนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมขลาดที่จะรัก และชักช้าที่จะตกลงปลงใจกับหญิงสาวคนไหน เพื่อนว่า "อ้ายห่อ มึงก็อย่ารักแบบทุ่มเทนักซีวะ รักแบบนั้นก็พอดีช้ำใจตาย มันต้องรัก ๆ หลอก ๆ เผื่อเลือกไว้บ้าง ไม่ใช่พอเขาเลือกที่จะคบกับคนอื่นดูบ้างมึงก็ซึมเหมือนบ้า" ผมฟังแล้วก็ยิ้มขื่นๆในความไม่ประสีประสาในรัก ผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ คือพอเขายิ้มหวานกับคนอื่นผมก็ขื่นขม เศร้าหัวใจอย่างสุดเศร้า ผมถามตัวเองว่า แบบนี้มึงจะรักใครได้หรือ และ มึงเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าวะ คำถามข้อหลังผมตอบไม่ได้ ผมรู้แต่ว่า รักนี้ทุกข์หนอ ดังนี้แล้วผมจึงพับความฝันที่จะมีลูกไว้นาน นานจนผมคิดว่าลืมสนิทว่าผมเคยฝันที่จะมีลูก ลูกเอ๋ย หรือเราไม่มีวาสนาต่อกัน พ่อคงอาภัพต่ำต้อยเกินไปที่จะได้ใช้คำนี้เรียกใครซักคนที่เกิดมาจากเลือดเนื้อเชื้อไขและชีวิตจิตใจของพ่อ 000 ช่วงเรียนหนังสือชั้นอุดมศึกษาเป็นช่วงที่ผมมีเวลาทำสิ่งที่อยากทำมาก อยากเล่นดนตรีก็ไปเรียนกับพรรคพวกที่อยู่ในชมรมดนตรี อยากเป็นนักเขียนก็ไปเข้าชมรมวรรณศิลป์ อยากศึกษาธรรมะก็ไปเข้าชมรมพุทธศาสนา อยากถ่ายภาพเป็นก็ไปเข้าชมรมถ่ายภาพ อยากเล่นยูโดได้ ก็ไปเข้าชมรมยูโดอยากปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์เก่งก็เข้าชมรมเกษตร สารพัดที่สนใจก็มีสารพัดที่จะให้เรียนรู้ การเรียนในชั้นอุดมศึกษามีอิสระและหลากหลายกว้างขวาง แม้แต่วิชาเรียนผมอยากเรียนวิชาใดก็ขอเข้าไปนั่งเรียนได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเรียน ผมได้ฟังประสบการณ์ของบุคคลมากมายที่สถาบันการศึกษาเชิญมาเป็นอาจารย์พิเศษและผู้สอน หรือแม้การอบรมหลักสูตรสั้น ๆ เกี่ยวกับอาชีพการงานหรือความรู้เฉพาะทางก็มีเยอะแยะที่ให้ผมได้ลงทะเบียนเรียนรู้ จนผมรู้สึกว่า การศึกษาในชั้นอุดมศึกษานี่คือการตกลงไปในขุมทรัพย์ของความลุ่มลึกของความรู้ มีความสุข สนุกและมีโอกาสสร้างสรรค์ ถ้ามีลูกผมจะให้เข้าได้รับโอกาสที่ดีนี้ เหมือนที่เด็กชายชาวนาคนหนึ่งที่ฝันอยากจะมีลูกได้รับจากพ่อแม่ของเขา ผมเขียนที่ปกในของหนังสือทุกเล่มที่เริ่มสะสมไว้ให้ลูกที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ว่า แด่ลูก...ผู้เป็นหัวใจของพ่อ หนังสือเหมือนเพื่อน เพื่อนที่ทำให้ผมได้ยิ้ม ยิ้มแบบเข้าใจไม่ใช่แสร้งยิ้มตามมารยาท หนังสือทำให้ผมได้ท่องไปในโลกแม้ไม่มีเงินค่าโดยสารซักบาท หนังสือทำให้ผมเข้าใจและทำใจได้เร็วต่อความทุกข์ที่ขบกัดชีวิต หนังสือทำให้ผมเห็นคุณค่าของสรรพสิ่งที่เอื้อเฟื้อและแม้แต่เป็นคู่ห้ำหั่นกันผมอยากอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ผมอยากฟังเสียงลูกอ่านหนังสือ ผมอยากเห็นลูกสร้างสรรค์สิ่งที่เขารักขึ้นมามีคุณค่าต่อเขาเองและโลก หัวใจของผมดูเหมือนพองโตขึ้นเท่าตะวันเมื่อผมฝันและเห็นนิมิตรอันเลือนรางว่ามีลูกแล้ว "พ่อครับ...ผมรักพ่อ" นั่นเป็นน้ำเสียงที่ได้ยินในความฝันยามหลับ แหมช่างชื่นเย็นหัวใจดีแท้ พระท่านว่า ผู้คนมีความฝันถึงสิ่งใดมักมีใจเกี่ยวพันและเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ถ้าเช่นนั้นก็หมายเอาได้ว่า ผมย่อมเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับผู้ที่จะเกิดมาเป็นลูก แค่คิดหัวใจก็เอิบอิ่ม เอมใจอย่างกับเพิ่งละจากสมาธิเมื่อหัวอรุณ 000 ความฝันของผมมาเป็นจริงเมื่อเดินทางมาไกลถึงค่อนชีวิต เวลานี้ผมได้ยินน้ำเสียงที่ผมเคยได้ยินในความฝัน ทุกวัน มากกว่านั้นคือผมได้โอบกอดคนที่ผมฝันถึง ใช่ครับ เขาคือลูกของผม " พ่อครับ ตอนพ่อเป็นเด็กคุณปู่พาทำอะไรบ้าง" ผมได้เล่าเรื่องยาว สลับกับฟังความเห็นของเขา ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์แบบตรงไปตรงมาแบบเด็กทำให้ผมยิ้ม ยิ้มในความช่างคิด "พ่อจนจังเลยนะตอนนั้น" "อาจจะใช่ครับหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ถ้าความจนหมายถึงไม่มีอะไรจะกิน พ่อก็ไม่ถึงขั้นนั้น เรามีข้าวปลา มีนามีน้ำ มีพืชผัก มีหมากไม้ ของพวกนั้นคือสิ่งที่ทำให้เรามีกิน แบบนี้พ่อว่าไม่ใช่ความจน แต่ถ้าความจนคือการมีบ้านหลังเล็ก ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่มีรถยนต์ขับ แบบนั้นอาจจะว่าจนในความคิดของคนทั้งหลาย" "ทุกวันนี้พ่อรวย.." ผมยิ้ม "ไม่ใช่แค่รวย เรียกว่ามั่งคั่งเลยทีเดียว" เขาทำหน้างง ๆ "พ่อมั่งคั่ง ความสุข" "อ๋อ..." เขายิ้ม เราคุยกันไม่รู้เบื่อ ผมสนุกที่จะตอบคำถามเขา นานๆจึงฟังถ้อยคำตอบที่ผมเป็นคนถาม "ลูกไปเรียนรู้การเล่นคีย์บอร์ดเพลงพวกนี้มาจากไหน" ผมถามแล้วนิ่งฟัง เขาวางมือจากแป้นคีย์บอร์ดอันเล็ก ๆ ราคาไม่กี่ตังค์แล้วตอบผม "ลูกชายของลุงเป็นคนสอนครับ ผมจำเอามาเล่นต่อ เพราะไหมครับ" "เยี่ยมมาก พ่ออยากเล่นเป็นจัง" "ไม่ยากเลยครับ เล่นตามโน้ต ดอรอมอก็ได้ หรือจะจำเสียงเอาก็ได้" ว่าแล้วเขาก็เล่นเพลงหมอลำที่เขาจำมาจากลูกชายของลุงให้ผมฟัง มันเป็นเพลงที่ดังมากเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง บางทีหลายคนอาจจำได้ ใช่แล้วเพลงนั้นคือโบว์รักสีดำ ตอนเรียนอุดมศึกษาผมไม่ได้ฝึกหัดเล่นคีย์บอร์ด ได้วิธีเล่นกีตาร์แบบงู ๆ ปลา ๆ มาจากเพื่อนที่เล่นแบบเกาสาย แล้วมาฝึกต่อจนชำนาญในเพลงที่ตัวเองชอบ เวลาผมเล่นเขานิ่งฟังแล้วก็ขอเล่นต่อจากผม เพลงชะตาชีวิตเป็นเพลงที่เขาเล่นกีตาร์แบบดันสายแล้วผมถึงกับอึ้ง สำนวนนักวิจารณ์เพลงก็คงว่าคล้ายว่า แหมมันช่างบาดลึกดีแท้ "ผมแต่งเพลงได้นะพ่อ ฟังซีครับผมจะร้องให้ฟัง" เขาเคาะนิ้วช้า ๆ เมโลดี้นี้ผมไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน "..พวกเราคือเอ็กซ์ บาร์เบอร์ ช่างตัดผมยุคทอง ผองเราชอบบินไกล ไปตัดผมฟากตะวัน เธอจะไปกับฉันไหม......" "เยี่ยมมาก..." ผมปรบมือให้เขา"เก่งจริง ๆ พ่อโชคดีจังเลยที่ได้ฟังเพลงนี้ก่อนใคร" "ผมร้องให้เพื่อนที่โรงเรียนฟังบ้างแล้วครับ แต่ไม่จบเพลงดี แต่ที่ร้องมานี้พ่อได้ฟังจบเพลงเป็นคนแรก" เสียงเพลงของเขาเริ่มขึ้นอีก ผมยิ้มให้กับเพลงเอ็กซ์บาร์เบอร์ นักตัดผมที่เดินทางไกลไปตัดผมให้ใครต่อใครแม้ต้องข้ามตะวัน ผมพินิจน้ำเสียงและแววตาของเขา แล้วคิดคำนึง ผมรู้แล้ว ว่า วันนี้ผมคือคนที่มั่งคั่งอย่างที่สุด คนหนึ่งในโลก ใช่ครับ ผมมีความสุขล้นเหลือ ผมคือคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในชีวิต ในการที่ได้เกิดขึ้นมามีรอยบนโลกใบนี้ ความสำเร็จของผมมีหลักฐานอ้างอิงแล้วในโลก
28 กุมภาพันธ์ 2551 15:43 น. - comment id 99195
เรื่องนี้หากผมเขียนจบและหากแม้นมีคุณค่าใด ๆ ผมขอบูชาพ่อและแม่นะครับ
28 กุมภาพันธ์ 2551 17:02 น. - comment id 99196
อ่านแล้วอบอุ่นดีนะคะ ใครคิดได้แบบนี้แสดงว่าเป็นคนที่ จิตใจดีตั้งแต่เด็กค่ะ...เพราะสมัยนี้ ผู้ชายน้อยคนนัก จะคิดอยากมีลูกก่อนจะมี...(ละไว้ในฐานที่เข้าใจเนาะ) คุณพ่อ ของ ก่อพงษ์ ต้องเป็น หัวหน้า ครอบครัวที่ดีแน่ๆเลยค่ะ ลูกชายท่านถึงได้อยากมีครอบครัวและเป็น พ่อ ได้ ปล. โคลอน พูดแทนตัวเอง ว่า "ลูก" กับ พ่อ แม่ และ ยาย อ่ะค่ะ ไม่รู้เริ่มพูดตอนไหนและไม่รู้ด้วยว่าบางคนเค้าไม่แทนตัวเองว่า ลูก กัน พอดีเพื่อนมาเที่ยวบ้าน แล้วได้ยิน โคลอน คุยกับ แม่ แล้ว แทนตัวเอง ว่า ลูก แล้วเค้า บอกว่า น่ารักดี ก็ยัง งงๆ น่ารักตรงไหน ก็เลยคุยกันแล้วรู้ว่า ส่วนใหญ่เค้าจะพูดชื่อแทนตัวเอง อ่ะค่ะ
28 กุมภาพันธ์ 2551 18:05 น. - comment id 99200
สวัสดีครับคุณโคลอน ขอโทษด้วยที่ใช้คำบ้าน ๆ แบบนั้น ตอนยังเรียนหนังสืออยู่ เวลากลับไปเยี่ยมบ้าน ผู้เฒ่ามักถามว่าเอาเมียหรือยัง ความหมายของคนถามจริงๆก็คือแต่งงานหรือยัง ก็จะแต่งได้ยังไงล่ะเนาะ เพราะเรียนหนังสืออยู่ ค่าเทอมก็ยังต้องขอพ่อขอแม่ขอรัฐบาล ผมก็เข้าใจความปรารถนาดรของคนถามอยู่ลึก ๆ ว่าอย่าเพิ่งมีลูกมีเมียนะตอนนี้ เรียนให้จบหาการหางานทำเสียก่อน เก็บเงินเก็บทองสร้างเนื้อสร้างตัวเสียก่อนค่อยหา ผมก็ถือเอาคำถามเหล่านั้นแหละไว้เตือนตัวไม่ให้หลงทิศหลงทางไปจากการศึกษาเล่าเรียนไปเอาเมีย ha ====== มาที่เรื่องที่เขียนครับ ผมเชื่อว่าพ่อแม่คือต้นแบบของผู้เกิดทีหลังนะครับ การใช้ชีวิต ความเข้าใจชีวิต คือสิ่งที่ผู้เกิดใหม่จะซึมซับเอาทีละน้อย บางทีการได้พูดคุยกันเรื่องชีวิต ก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำ ขอบคุณมากครับที่มาพูดคุยด้วย
28 กุมภาพันธ์ 2551 18:57 น. - comment id 99201
สวัสดีค่ะ แวะผ่านมาแล้วเห็นชื่อเรื่องน่าสนใจก็เลยลองเข้ามาอ่านดู เนื้อหาดีมากเลยนะคะ สื่อให้เห็นถึงความอบอุ่นภายในครอบครัว ที่มีทั้งพ่อ แม่ และลูก จากการแต่งเรื่องสั้นนี้ได้สื่อให้เห็นว่าคุณเป็นผู้ชายประเภท Family Man นะคะ
28 กุมภาพันธ์ 2551 19:33 น. - comment id 99204
สวัสดีพี่ก่อพงษ์ นะคะ ฉางน้อยแวะทักทายคะ . ฉางน้อยก็อยากมีลูก แต่ยังหาพ่อของลูกไม่ได้ ทำไงดีน๊า อิอิ อ่านแล้วดูมีความสุขนะคะ ครอบครัวฉางน้อยก็สุขค่ะ ตอนที่มีเตี่ยอยุ่พร้อมหน้า สนุกจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ใครเป็นลุกกันแน่ อิอิ
28 กุมภาพันธ์ 2551 19:54 น. - comment id 99205
สวัสดีครับคุณการัณยภาส ดีใจที่ได้รู้จักครับ และขอบคุณมากที่เข้ามาพูดคุยด้วย ทักทายคุณฉางน้อยด้วย เพื่อนผมก็เคยพูดแบบคุณ ว่าอยากมีลูก อยากมีพ่อของลูก ผมก็ว่า คิดให้ดีๆนะ เพราะเข้ามาในวงโคจรแบบผมหรือแบบคนมีครอบครัวแล้ว หลุดออกไปได้ยาก เขาก็ว่าทำนองว่า ชีวิตโสดมันว้าเหว่เกินไป ผมก็ว่า ก็ไม่รู้ล่ะเห็นใครต่อใครเขาพากันออกทีวีเพื่อเลิกชีวิตคู่กันแยะมาก ชีวิตคู่ ชีวิตแบบคนมีครอบครัวน่าจะไม่มีความสุขทุกคน แต่เขาน่าจะไม่เชื่อผมหรอก จนกว่าจะได้พิสูจน์
29 กุมภาพันธ์ 2551 00:35 น. - comment id 99209
ขอบคุณครับคุณมัสลิน ผมกล่าวราตรีสวัสดิ์นะครับ อาบน้ำแต่หัวค่ำแล้วคร๊าบ
29 กุมภาพันธ์ 2551 00:20 น. - comment id 99211
อืมมม.......อ่านเรื่องราวของคุณก่อพงษ์แล้วทำให้คุณตั๊กรู้สึกว่าโลกนี้มีความชุ่มชื่น สดใส และ น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนะคะ เสียดายจัง ไม่มีโอกาสเป็นคุณแม่ของใครสักคน ไม่งั้นคงมีเรื่องราวมาเม้าท์กันบ้างล่ะ.......ฝากไว้ก่อนนะโอฬาร อิอิ สบายดีนะคะคุณก่อพงษ์ ดูแลตัวเองจ้า...... " คุณพ่อคร๊าบบบบ...อาบน้ำหรือยังเนี่ย "
29 กุมภาพันธ์ 2551 05:39 น. - comment id 99213
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยคะ แอบมาอ่านผลงานของคุณก่อพงษ์ อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้เข้ามาทักทาย ขอชื่นชมในความเป็นพ่อ ของคุณคะ
29 กุมภาพันธ์ 2551 06:06 น. - comment id 99214
สวัสดีครับคุณรอยทาง ขอบคุณมากครับ
29 กุมภาพันธ์ 2551 08:33 น. - comment id 99215
แวะมาอ่านเนื้อหาสาระดี ๆ ถ้าท่านเป็นฝ่ายแนะแนวสังคมนี้ดีขึ้นเยอะเลยครับ
29 กุมภาพันธ์ 2551 09:06 น. - comment id 99217
ดีจ้า.......คุณก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์...... หุหุ ได้เข้ามาอ่านก้ออดอมยิ้มมะได้แฮะ.....ผู้ชายเค้าก้อมีมุมมองน่ารักๆแบบนี้เหมือนกัน....เจนว่าเมื่อคุณก่อพงษ์ ได้เจอคนที่ใช่และใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยคงจะอบอุ่นมากทีเดียว และเมื่อได้เป็นคุณพ่อจริงๆ คงจามีความสุขมากมาย..... ปล.สำหรับเจนเห็นลูกพี่ๆที่ทำงานแล้วหมั่นเขี้ยวทุ๊กกกกที.....ฝันอยากจะมีเหมือนกันอ่ะจ้า หุหุ
29 กุมภาพันธ์ 2551 09:43 น. - comment id 99218
สวัสดีค่ะ ก่อพงษ์...ชื่อนี้เป็นชื่อจริงหรือนามแฝงคะ.. ...น้ำผึ้งดีใจที่ยังมีผู้ชายแบบคุณอยู่ในโลกใบนี้และอยู่ในประเทศไทย ขอให้หญิงไทยเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่คุณจะเลือกเป็นคุณแม่ให้กับลูกของคุณนะคะ..(ไม่อยากให้เราเสียดุลให้กับต่างชาติ ) ....ความผูกพันของพ่อ แม่ ลูก ในสังคมปัจจุบันค่อนข้างจะเหลือน้อยลงทุกที ไม่มีบ้านไหนที่จะมีครอบครัวเหลือครบทุกคน ถ้าไม่เสียชีวิตก็หย่าร้าง ไม่เว้นแม้แต่บ้านของน้ำผึ้งเอง.. ...พี่ชายของน้ำผึ้งมักจะแสวงหาภรรยาอยู่เสมอ มีลูกกับผู้หญิงคนไหนก็ปล่อยให้แม่เป็นคนเลี้ยง(หมายถึงแม่ของน้ำผึ้ง) ส่วนตัวของเขาเองก็หาใหม่อยู่ร่ำไป บางทีเหล่าภรรยาของเขาก็จะโทรไประบาย ร้องทุกข์ ร้องขอกับแม่ของน้ำผึ้งเรื่องพี่ชายที่ไม่หยุดเสียที ...บ่อยครั้งที่แม่ต้องทุกข์ร้อนใจ ต้องร้องให้ ต้องเหนื่อยและลำบากในการดูแลหลานๆ..แต่พี่ชายก็ไม่เคยหยุดเสียที และดูท่าว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้นอนอยู่ในโลงศพ (ขอโทษที่ต้องเอ่ยคำนี้ ทั้งที่ไม่ชอบเลย) ...น้ำผึ้งจึงอยากชมเชยที่คุณคิดดี คิดที่จะสร้างครอบครัวให้ดีมีความอบอุ่น สิ่งหนึ่งที่น้ำผึ้งอยากบอกคุณและทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม "อยากให้มีความรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณได้ทำทุกอย่าง อย่าให้คนอื่นต้องเดือดร้อนหรือรับเคราะห์แทนในสิ่งที่คุณทำ และที่สำคัญเด็กที่เกิดมาไม่ว่าคุณตั้งใจหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาไม่ได้มีความผิดอะไร หากคุณใจร้ายพอที่จะทำร้ายเขา ก่อนที่คุณจะทำ..ได้โปรดคิดให้เขามีโอกาสรอด..เพื่อให้เขาได้เลือกชีวิตของเขาเองบ้าง..เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเองด้วยซ้ำไป..) ..ขอฝากไว้แค่นี้นะคะ และขอชื่นชมคุณที่เป็นผลุกชายที่ดีของพ่อแม่นะคะ....บายค่ะ
29 กุมภาพันธ์ 2551 11:32 น. - comment id 99220
ส่วนมากจะฝันว่า..โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร แต่เรื่องสร้างครอบครัวนี่ ไม่ค่อยได้คิดนอกจากเล่นสมมุติเป็นพ่อ แม่ ลูก กัน แล้วเอาผ้าห่มมาคลุมโต๊ะทำเป็นบ้าน แล้วผลุบเข้าผลุบออก เพราะมันร้อนอบเหลือกำลังค่ะ บางทีก็เล่นตำผักบุ้งกัน สนุกดี.. :)
29 กุมภาพันธ์ 2551 12:37 น. - comment id 99221
ขอบคุณคุณคนบนเกาะครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชมทักทาย ขอบคุณคุณเจนจัดให้ด้วย ผมดีใจด้วยที่คุณได้ยิ้ม ขอบคุณถ้อยคำของคุณน้ำผึ้งเดือนห้ามากๆครับ ชื่อก่อพงษ์ แปลว่าผู้สร้าง ส่วนพงษพรกับชาญวิชช์เป็นชื่อลูกชายของผมเอง เพิ่งเรียนม.1 กับป.5 ครับ ทักทายคุณกุ้งหนามแดงด้วยครับ ตอนเป็นเด็กก็เคยเล่นเป็นพ่อแม่เหมือนกันครับ เอาไม้ไผ่มาทำบ้านหลังเล็ก ๆ เอาใบไม้มาซื้อมาขาย ทำไมจึงคิดอยากเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่รู้นะตอนนั้น
29 กุมภาพันธ์ 2551 13:16 น. - comment id 99222
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ ขอชื่นชมด้วยใจนะคะ เรื่องที่เขียนอ่านแล้วประทับใจมากเลย คล้าย ๆ ว่ากำลังอ่านสมุดบันทึกของคุณอยู่ประมาณนั้น ... ซึ่งถ้าเป็นความรู้สึกจริง ๆ ของลูกคนหนึ่ง ก็น่าเสียดายไม่น้อยที่พ่อของคุณไม่ได้อ่าน ผู้หญิงไม่น้อยที่ฝันถึงชายในแบบที่คุณเป็น แต่จะมีกี่คนที่ได้พบในชีวิตจริง .... อย่างน้อยก็พอจะแน่ใจได้ว่า "ผู้ชายในฝัน" ยังมีอยู่จริง ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ กับงานเขียนเรื่องต่อ ๆ ไป
29 กุมภาพันธ์ 2551 14:41 น. - comment id 99225
สวัสดีค่ะ พี่ก่อพงษ์ ดอกบัวมาอ่านงานเขียนพี่ก่อพงษ์ค่ะ บัวอ่านตั้งแต่เมื่อวาน แต่รอให้พี่ก่อพงษ์เขียนจบก่อนแล้วค่อยคุย แต่นี้ก็รู้สึกยังไม่จบนี้ค่ะ อย่างไรบัวก็มารออ่านค่ะ เพราะปัญหาครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่หนักหนามากค่ะ กับคนสองคนที่ต้องมาอยู่ด้วยกัน บัวพูดในฐานะที่บัวมองคนรอบข้างบัว แค่นั้นค่ะ สังคมในเมืองกับชนบทก็ไม่เหมือนกันแล้วค่ะ แล้วดอกบัวจะมาคุยใหม่นะค่ะเมื่อพี่ก่อพงษ์ เขียนจบแล้ว เรนก็คงรอให้พี่ก่อพงษ์เขียนจบเหมือนกันค่ะ แต่ลูกชายของพี่ก่อษ์ดูน่ารักค่ะ น้องทั้งสองกับภรรยาของพี่ก่อพงษ์โชคดีมากค่ะ ที่ได้เจอผู้ชายอย่างพี่ก่อพงษ์ แต่บัวก็รู้ว่ายังมีผู้ชายอย่างพี่ก่อพงษ์ อีกมากที่เขาเหล่านั้นมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวและพ่อแม่ของเขา นี้ขนาดว่าบัวจะคุยน้อยๆก่อนนะค่ะพิมพ์เสียยาวแล้วค่ะ ดอกบัวขอให้พี่ก่อพงษ์เขียนงานดีๆ มาให้อ่านอีกนะค่ะ และขอให้พี่ก่อพงษ์และภรรยาพร้อมลูกชายทั้งสองพบแต่ความผาสุขค่ะ
29 กุมภาพันธ์ 2551 15:41 น. - comment id 99227
เคยไปนั่งให้หลานหมอบกราบในวันแม่ที่โรงเรียนของหลาน รับหน้าที่แทนตัวจริง เคยไปนั่งรับมอบดอกมะลิในวันพ่อ ในขณะที่เก้าอี้แถวหน้าเป็นบุรุษล้วน รับหน้าที่แทนตามเคย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมผู้ปกครอง การจัดการเรื่องการกิน การอยู่ หอบกระเติงกันไปหาโรงเรียน กระทั่งงานศพของหลาน ก็ยังเป็นธุระจัดการตั้งแต่เคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาล เรื่องที่บอกว่าเคย เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว กว่าค่อนชีวิตที่มีอยู่ ไม่รู้ว่ามันเหมือนกับการมีลูกตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า มันเป็นความรับผิดชอบ และบทบาทที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ น่ะ ไปทำงานก่อนเด้อ วันนี้ 29 เดือนกุมภา โกลาหลพอสมควร เนื่องจากบางโปรแกรมที่มีการเขียนไว้ คำนวนวันที่ผิดพลาด ซึ่งเมื่อสี่ปีที่แล้วไม่พบในระบบ เพราะฟลุ๊ค ตรงกับวันอาทิตย์พอดี ... เฮ้อ
29 กุมภาพันธ์ 2551 17:19 น. - comment id 99228
สวัสดีครับคุณหลังม่าน ขอบคุณมากครับที่เข้ามาพูดคุยด้วย สิ่งที่คุณหลังม่านพูดทำให้ผมนึกได้ ผมจะทำในสิ่งที่ควรทำนั้นครับ ==== ทักทายน้องดอกบัว ดีใจที่ได้พูดคุยกันครับ ขอบคุณมากสำหรับความรู้สึกดี ๆ และน้ำใจไมตรีที่มีให้กันเสมอมา พี่จะเขียนต่อให้น้องอ่านนะครับ === คุณอัลมิตราครับ สิ่งที่คุณอัลมิตราพูดทำให้ผมได้ข้อสรุปสั้นอันหนึ่ง สิ่งนั้นคือหน้าที่และความรับผิดชอบครับ ความรักประกอบด้วยสองอย่างนั้นเป็นพื้นฐานแน่นอน
29 กุมภาพันธ์ 2551 17:19 น. - comment id 99229
เคยได้ยินผู้ใหญ่ท่านนึง เคยเล่าให้ฟังว่า การที่ผู้ชายคนนึงเกิดมา สิ่งที่ทำให้ชีวิตประสบผลสำเร็จ และภาคภูมิใจที่สุด คือการได้เป็น "พ่อ" คน
29 กุมภาพันธ์ 2551 17:26 น. - comment id 99230
สวัสดีครับคุณมายอามีน ผมก็คล้ายๆ เคยได้ยินอย่างนั้น และผมจะอิ่มเอมใจมากหากผมเป็นพ่อที่ดีได้ ผมว่าสิงที่พ่อภาคภูมิใจมากคือความสำเร็จในชีวิตของลูกครับ พ่อและแม่ก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกันนี้
2 มีนาคม 2551 03:00 น. - comment id 99258
สวัสดีคะคุณก่อพงษ์ เข้ามาทักทายอีกรอบ รออ่านต่อคะ อ่านเรื่องราวของคุณ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจทีจะเขียนอะไรขึ้นมาเยอะเลย ประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายของคุณจริงๆ สมัยนี้ยากเหลือเกินที่จะเห็นผู้ชายที่มีแนวความคิดเช่นคุณ ขอชื่นชม
2 มีนาคม 2551 06:41 น. - comment id 99260
สวัสดีครับคุณรอยทาง แรงบันดาลใจของผม ผมเคยเขียนในคำอุทิศในหนังสือเล่มหนึ่งว่า แด่นักเขียนและบรรณาธิการในโลกการอ่านของผม ถ้าข้อเขียนของผมเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคุณได้จริงๆ ผมก็ขอให้แรงบันดาลใจนั้นเป็นเป็นแรงผลักให้คุณได้ลงมือเขียนงานที่งดงามประดับโลกและประดับหัวใจผู้คนนะครับ ขอบคุณมากครับ
2 มีนาคม 2551 09:35 น. - comment id 99261
แป้ปป เรนมานะคะ..
2 มีนาคม 2551 18:02 น. - comment id 99263
สวัสดีค่ะ พี่ก่อพงษ์ ดอกบัวมาอ่านจบแล้วค่ะ บอกได้คำเดียวว่าคนที่เป็นคุณพ่อนี้ได้ เป็นคนที่เด็กๆทุกคนและลูกๆฝันหาค่ะ แต่ดอกบัวก็เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า แล้วแต่บุญวาสนาของบุคคลนั้นที่ทำมาค่ะ จริงๆบัวมีเรื่องคุยมากมาย แต่บัวขอเอาไว้คุยตอนพี่ก่อพงษ์เขียนเรื่อง เกี่ยวกับความรักดีกว่าค่ะ บัวจะได้เก็บเกี่ยวเอาไว้สอนตัวบัวเองบ้างค่ะ บัวขอให้พี่ก่อพงษ์ และพี่ผู้หญิง น้องทั้งสอง มีความสุขสดชื่นตลอดไปค่ะ
2 มีนาคม 2551 19:09 น. - comment id 99264
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ อ่านเรื่องราวของคุณ ทำให้อดคิดถึงตัวเองสมัยเป็นนักเรียน จนเข้ามหาวิทยาลัย เป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่ง เคยเป็นถึงประธานชมรมต่างๆ คนรู้จักเรามากมาย จบมาทำงานก็มุ่งมั่นตั้งตาทำงานอยู่แต่ในกลุ่มผู้คนสังคมเสียส่วนใหญ่ แต่กลับไม่มีใครมาจีบเลย ฮิฮิ เดินทางทั่วประเทศไทย แต่มีความรู้สึกว่าเหมือนเราอยู่คนเดียว สิ่งที่ตัวเองมีเพื่อนก็คือหนังสือ ต้องเสียสละเงินซื้อหนังสือดีทุกเดือนจนเต็มตู้ บางเล่มรักมากก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกือบจำได้ทุกตัวอักษร บ้างว่างก็จะเข้าไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ตาม ดอกหญ้า ซีเอ็ดซ์ บ้าง หนังสือคือเพื่อนจริงๆ ดังที่คุณก่อพงษ์ ได้เขียนไว้ เขาบอกว่าคนที่อ่านหนังสือเยอะชอบขีดชอบเขียน ทำกิจกรรมเสียสละเพื่อสังคมนั้น มักจะเป็นคนที่ละเอียดอ่อนและเข้าใจคน ดิฉันรู้สึกว่าคุณก่อพงษ์ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น จึงอยากเขียนชื่นชมด้วยความจริงใจ เคยไปทำงานอยู่อิสานหลายปีเดินสายแทบทุกจังหวัดประทับใจคนอีสานมาก ดิฉันเพิ่งลาออกตัดสินใจแต่งงานกับคนต่างชาติตอนนี้อยู่ต่างประเทศคิดว่าหากตัวเองมีลูก จะให้เขาเดินไปตามทางและความฝันของเขา เพียงแต่เราเป็นเพื่อนประคับคองร่วมทางเดินไปกับเขาคะ ขอชื่นชมและดีใจที่เห็นชายไทยเป็นเช่นคุณ
2 มีนาคม 2551 11:17 น. - comment id 99265
ขอบคุณครับคุณrain ผมจบเรื่องนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เรื่องต่อไป ผมอยากเขียนเกี่ยวกับความรักบ้าง
2 มีนาคม 2551 11:30 น. - comment id 99266
.. แว้ปป..
2 มีนาคม 2551 20:59 น. - comment id 99269
ทักทายคุณRain สวัสดีครับน้องดอกบัว พี่ก็ได้ยินพ่อพี่พูดแบบนั้น แต่แม่ใช้คำอีกคำหนึ่งว่าอยู่ที่การสร้างเหตุที่ดี ผลจึงดี เลี้ยงลูกดี ลูกก็ดี พี่คิดว่าสองอันนั้นคืออันเดียวกันครับ ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีต่อพี่และครอบครัว ขอให้น้องได้รับพรอันเลิศนั้นเช่นเดียวกัน ==== สวัสดีครับคุณรอยทาง ชื่อคุณรอยทางละม้ายชื่อตัวละครเอกในเรื่องสั้นยาวเรื่องหนึ่งของผมนะครับ เธอชื่อรอยวรรณ เธอไปอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน ขอขอบคุณสำหรับถ้อยคำเติมกำลังใจจากคุณรอยทาง ผมรู้สึกเหมือนคุณรอยทางเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันนะครับ หวังว่าคงได้พูดคุยกันอีก มีความสุขกับการเดินทางครับ
3 มีนาคม 2551 04:19 น. - comment id 99273
ดีนะครับที่ยังมีพ่อ ให้บอกรัก แต่ยังมีอีกหลายๆคน ที่อยากจะมีพ่อรวมทั้งผม การมีพ่อมันเป็นยังไง แต่เสียดายผมไม่มีพ่อแท้ๆ แต่ก็ยังดีนะครับที่ผมยังมีแม่ ให้บอกรักคริๆ โตขึ้นอยากจะคิดได้แบบคุนจังเรย์ ก็ดีนะครับที่ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่ บะบายครับไปและ ข้าน้อยขอคารวะมันยาวมั๊กมาก แต่ก็ดีที่ได้อ่านมันคุ้มกับเวลาที่เสียไปจริงๆ
3 มีนาคม 2551 06:21 น. - comment id 99275
อรุณสวัสดิ์ครับคุณ♥lnoตลoดปั♫♪‼¶§☼♀↨ ขอบคุณครับที่เข้ามาทักทายคนเขียน ขอให้โชคดีครับ
3 มีนาคม 2551 12:19 น. - comment id 99278
แอบมาดูกี่ครั้งก็ชื่นใจนะ .... (อบอุ่นดี)
3 มีนาคม 2551 14:34 น. - comment id 99282
ขอบคุณคุณหลังม่านครับ
3 มีนาคม 2551 16:50 น. - comment id 99287
สวัสดีคะคุณก่อพงษ์ และเพื่อนร่วมทาง จริงๆ แล้วคนเราอยากเกิดมาครบสมบูรณ์แบบ แต่ไม่มีใครที่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถที่จะสร้างได้ตามฝันของตัวเอง เช่น คุณก่อพงษ์ เลือกที่อยากเป็นจะพ่อ แต่พ่อของรอยทางตายแต่ยังเป็นเด็ก ชื่อรอยทางเป็นนามแฝงคะ เพราะเห็นว่าชีวิตที่ผ่านตั้งแต่เกิด ไม่ค่อยอยู่กับที่กับทางนัก พอจะได้พักก็มาอยู่เสียไกลสุดกู่ ก็เลยคิดอยากจะสร้างสรรค์อะไรไว้เป็นที่ประทับใจบ้าง ขอบคุณคะที่ได้พูดคุย
3 มีนาคม 2551 17:04 น. - comment id 99288
ขอบคุณครับคุณรอยทาง ผมเข้าใจแล้วครับ และยินดีในการลงมือเขียนของคุณด้วย
8 มีนาคม 2551 09:39 น. - comment id 99415
อ่านแล้วดูอบอุ่นไงไม่รู้ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกค่ะ ฝ้ายเกิดมาโดยไม่รู้จักหรอก คำว่าพ่อ แต่มีแม่ ที่ให้ความรักฝ้ายเต็มเปี่ยม จนไม่รู้สึกขาดแคลนหรือว่า เป็นปมด้อย ตอนเด็กๆเคยคิดโกรธแค้น พ่อ ตัวเองนะค่ะ (เพราะพ่อทำให้แม่ลำบาก หลอกลวงแม่) แต่แม่มักปลอบเสมอ ว่าไงเขาคือพ่อ จนมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่อยากตามหา หรือไง บ้างที่พื้นฐานการเติบโตมาก็มีส่วน ทำให้ เรารู้สึกว่าการไม่มีพ่อ ไม่เห็นแปลกไง ซึ่งนะวันนี้ ทัศนคติ ในเรื่องครอบครัวเลยกลายเป็นว่าไม่มีสามี ก็สามารถเสี้ยงดูลูกได้ (สามีไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว) พ่อมาอ่านเรื่องนี้ทำให้รุ้สึก คิด ว่าถ้าฝ้ายมีพ่อ มันจะเป็นไง ทั้งที่ไม่เคยคิดมาเลยซักนิด ขอบคุณที่ทำให้ฝ้ายได้คิด อย่างน้อยก็นิดนึง
8 มีนาคม 2551 10:35 น. - comment id 99419
ขอบคุณครับคุณกิ่งฝ้าย