นี่สินะจิตสว่าง...โอ้ว ชิท!
Jintalohitt
เธอทิ้งผมไปซะงั้นเลย...
ให้ตายเหอะ...หมายถึงให้ไอ้คนที่แย่งเธอไปจากผมน่ะตายซะเหอะ
น่าเสียดายผมไม่รู้จักมันเลย ทั้งชื่อหรือหน้าตา
แต่เชื่อว่านิสัยแย่ๆแบบมัน ต้องรูปหล่อจัญไรแน่นอน
ไม่งั้นเธอคงไม่หลงผิดไปกับมันอย่างนี้หรอก
เพราะผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเธอเสียเมื่อไหร่
เหตุการณ์นี้จึงเข้าข่ายถูกทิ้งแบบอิงมิวสิควีดิโอตามท้องตลาดได้ทุกกระเบียด
เธอทิ้งผมไปซะงั้นเลย...
ให้ตายเหอะ...ผมหมายถึงให้ไอ้คนที่.. หา ผมบ่นเป็นรอบที่สองแล้วเหรอ
ขอโทษผมไม่รู้ตัวจริงๆ
สงสัยผมจะประสาทเสียเพราะถูกทิ้งแน่ๆ
จริงๆนี่ก็เข้าวันที่ 251 แล้วที่เธอทิ้งผมไป
ต้องยอมรับว่าช่วงแรกๆผมแค้นเธอและไอ้หมอนั่นมาก
(ซึ่งจริงๆผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นหมอหรือทำอาชีพอะไร)
ช่วงนั้นผมหมกมุ่นกับความคั่งแค้น จนสามารถคิดวิธีฆ่าคนให้พ้นผิดได้ถึง 249 วิธี
อย่างเช่นการยืนเบียดให้มันถูกรถเมล์ร่วมทับใต้
ใครๆก็รู้ว่าคนแย่งขึ้นรถมันมั่วมากไม่มีใครมัวจำหน้าใครได้หรอก
ต้องขอบคุณที่ทุกคนมีเรื่องรีบ ตั้งแต่รีบไปดูใจแม่ ยันรีบขึ้นไปแย่งที่นั่งเพียงเพราะขี้เกียจยืนอีกแค่2ป้ายเท่านั้น
และที่สำคัญต้องขอบคุณรถเมล์ร่วม ซึ่งแผนนี้จะเกิดไม่ได้เลยถ้า
รถเมล์ร่วมเกิดมีมารยาท ไม่ปาดแซงเข้าป้าย ไม่ขับกระชากขาดสติ
แค่นี้มันก็ต้องถูกรถเมล์ร่วมเหยียบตายโดยจับมือผมดมไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ
แต่นั้นก็เป็นแค่ความคิดช่วงแรกของผมเท่านั้น
เพราะเมื่อล่วงเข้าวันที่250 หรือก็คือเมื่อวานนั่นเอง
ผมได้พบทางสว่างวาบขึ้นในใจแล้ว
ผมจะใช้ธรรมเข้าข่มจิต เพราะเสียงธรรมะสัญจรจากทีวีเข้ากระแทกหูผมอย่างจัง
"ฟังธรรมะจะได้ไม่โง่ แต่ถ้าฟังโปเตโต้ รักแท้ดูแลไม่ได้"
ประโยคนั้นจุดใจผมอย่างจั๋งหนับ โอ้วใช่ รักแท้ดูแลไม่ได้ ผมชอบวงโปเตโต้ซะด้วย
เพราะคำว่าโปเตโต้ผมเลยหยุดฟังต่อ
"เวลาเราจะตายน่ะจิตเราเป็นอย่างไรก็จะพาไปยังที่แบบนั้น เรียกว่าไปที่ชอบๆ"
"จิตตกชอบทุกข์ ก็ไปทุคติภูมิ จิตสว่างชอบสุขก็ไปสุคติภูมิ"
"ดังนั้นเราควรพึงทำจิตให้สะอาด แลสว่างอยู่เสมอ"
"ฟังธรรมะจะได้คิด แต่ถ้าฟังยาพิษ ก็บอดี้สแลม"
ประโยคหลังผมไม่ทันได้ฟังเอามาคิดเพราะดูไร้สาระชอบกล
โอ้ว จริงสินะหากเราปล่อยตัวปล่อยใจให้ทุกข์ขนาดนี้ คงได้ตายไปทุคติภูมิแน่ๆ
เรื่องอะไร ตอนยังเป็นก็เศร้าจะตายแล้ว ตายไปยังไปที่แย่กว่าอีก แถมไปคนเดียว ไอ้พวกนั้นก็สุขของมันอยู่ดี
อย่ากระนั้นเลย ออกจากห้องทุกข์ไปทำจิตให้สว่างดีกว่า
ผมกระวีกระวาด ออกจากห้องไปรับไอแดดและแสงสว่างทันที
เพราะตระหนักดีว่า คนเราตายได้ทุกเมื่อ ใครจะรู้ผมเดินอยู่ดีๆไอ้ลูกอุกกาบาตขนาด 2 มม.ที่เหลือรอดจากการเสียดสีในชั้นบรรยากาศ
อาจร่วงลงมาทะลุหัวผมเอาก็ได้
ผมเดินออกมาเจอผู้คนและตั้งจิตอุทิศว่า ต่อให้ตายก็ไม่เป็นไรหากได้ตายเพราะทำดี
ย่อมดีกว่าอยู่ยืนยาวแต่มืดหม่นด้วยไม่เคยทำกุศลใดๆ
ที่ป้ายรถเมล์ที่ผมเคยคิดแผนยืมล้อรถเมล์ร่วมฆาตกรรมนั้น
ผมสำรวมใจอย่างสงบ เพื่อจะได้เพ่งพิจารณาว่าจะช่วยผู้ใดได้บ้าง
อาจเป็นหลวงพี่ที่กำลังบิณฑบาตตรงนั้น แต่อย่าเลยทำทานลักษณะนี้ไม่ได้บุญเท่าไหร่
ไปสนับสนุนพระสงฆ์ทำอัตวิบากกรรมด้วยนิโคตินบรรจุมวนอย่างในย่ามนั้น ไม่เข้าท่า
พาลจะได้บาปแทนบุญ แถมพระฆ่าตัวตายบาปหนักกว่าคนทั่วไปอีก หลวงพี่เขาจะรู้ไหมนะ
ช่างเถอะผมตัดสินใจแล้วว่าจะเอาเศษเงินทอนจากที่ขึ้นรถเมล์ซื้อน้ำให้เด็กซักคนที่กำลังขอทานอยู่
ซักที่แถวป้ายรถเมล์ที่ผมจะลง
ในตอนนี้ผมอาจช่วยคุณป้าคนนั้นที่ของพะรุงพะรังแทน อ้า..หากรถเมล์มาผมจะช่วยป้าเขาขนของขึ้นรถ
เฮ้ย! รถเมล์ร่วมสีเขียวทรงโลงศพคันนั้นไหงวิ่งถลันขนาดนั้น
ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
เฮ้ย! ไอ้ผู้ชายคนนั้นไหงกำลังโทรศัพท์คุยกะแฟนยิ้มหวานลืมโลกขนาดนั้น
แถมกำลังก้าวออกไปไม่ได้ดูรถเอาเลย!
ตายแน่ๆ ด้วยใจเป็นกุศลอย่างไรไม่ทราบทำให้ผมไต่ตรองวิกฤติตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพียงวูบวินาที
อันไม่เคยทำได้มาก่อนในชีวิต ดั่งเวลาหยุดนิ่งให้ผมเสวนากับตัวเองซะงั้น
"ผมจะช่วยเขาดีไหม"
"ดีแน่การช่วยชีวิตคนย่อมประเสริฐสุด แต่นายน่ะตายแน่"
"หือ ทำไมล่ะ อ๋อเพราะไอ้รถเมล์ร่วมนั้นมัวแต่เหลียวไปมองเย้ยรถคันที่มันแซงเข้าป้าย จนลืมดูว่ามีคนอยู่ข้างหน้า"
"อืมประกอบกับ ไอ้ผู้ชายนี่ก็ถลำตัวไปมากยากจะดึงกลับ คงได้แต่ผลักให้พ้น แต่เราก็คงโดนชนเสียเอง"
"คงเป็นอย่างนั้น การทำบุญจนเสียชีวิตนี่ไม่ดีแน่"
"ไม่หรอก หากเราช่วยเขาก็ย่อมช่วยพ่อเขาแม่เขา แฟนเขาให้พ้นจากห้วงทุกข์ด้วย"
"อืมจริง เราตายก็คงผิดต่อพ่อกับแม่ แต่ก็ยังน้อยกว่าเขาที่มีแฟนอีกคน งั้นช่วยเขาถือว่าคุ้มกว่าสินะ"
"อืมงั้น โดดเลยเหอะ"
สมองผมวาบกลับมาพร้อมคำสั่งกระโดดผลักเต็มแรง ชายคนนั้นลอยหลุดพ้นแนวรถเหยียบไปหวุดหวิด
ส่วนผมโดนเต็มๆคา2ล้อหน้าไม่พลาดซักดอกยาง
ชายคนนั้นอยู่ในอารามตกใจผุดลุกถลาวิ่งไปอีกฝั่งรวดเร็ว
ผมนึกในใจ แหมไม่มีขอบคุณสักคำ แต่ช่างเหอะเขาคงกำลังตกใจ
เราได้ทำดีจนตัวตายเลยหรือนี่ โอ้ว!สุดยอด อ้า!แสงสว่าง นี่สินะที่ว่าจิตสว่าง
ประตูสวรรค์กำลังเปิดรับเราแล้ว ย๊ะฮู้! ยิปปีเย้เย๋เย!
"เป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี๊คุยโทรศัพท์อยู่ดีๆก็หลุดไปเลย"
"ผมไม่เป็นไรหรอก ไม่บาดเจ็บอะไรเลย"
"นี่มิ้นต์รีบวิ่งมาหาเลยนะ รู้มั้ยว่ามิ้นต์เป็นห่วงพีน่ะ"
หือ มิ้นต์ ชื่อเหมือนแฟนตูเลยบังเอิญจัง เสียงก็คล้ายๆกัน บังเอิญได้อีกน่ะ
โห หน้าก็เหมือนด้วยสิ โคตรบังเอิญเลย ..เฮ้ย! ชิบ! นั้นยัยมิ้นต์แฟนตูจริงๆนี่หว่า
งั้นไอ้นั่นก็ไอ้คนที่แย่งแฟนตูล่ะสิ โชคดีจริงได้รู้ทั้งหน้าทั้งชื่อมันเลย
เฮ้ยไม่ใช่!
นี่ผมช่วยชีวิตไอ้คนที่อยากฆ่าอยู่เมื่อวานนี้นี่เองเหรอเนี่ย!!!
ผมลืมสติแสงสว่างตรงหน้าหลุดลอยไปความมืดค่อยๆบดบังภาพคนทั้งสองคนที่กำลังกอดกันกลมจนมืดมิด
ผมรู้สึกเหมือนกำลังร่วงลงข้างล่างอย่างรุนแรง นี่สินะจิตตก ตกแรงจริงๆ
โอ้ว ชิท!