ทุจริตเลือกตั้งพฤติการณ์นักการเมืองเลวเส้นทางสู่รากเหง้าของปัญหาคอร์รัปชั่น
ลุงแทน
ทุจริตเลือกตั้งพฤติการณ์นักการเมืองเลวเส้นทางสู่รากเหง้าของปัญหาคอร์รัปชั่น
แม้ว่าผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งทำให้พรรคพลังประชาชนมีเสียงข้างมากพร้อมที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่ล่วงเลยมาเกือบเดือนแล้วก็ยังไม่แน่ว่า พรรคพลังประชาชนจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบบาลได้หรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการแจกใบแดง และใบเหลืองว่าที่ส.ส.เป็นจำนวนมาก ย่อมสะท้อนให้เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่เพิ่งผ่านมา ยังมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างท้าทายกฎหมาย และอำนาจรัฐ ยังไม่รวมถึงการซื้อเสียงที่ กกต.ยอมรับว่า ไม่สามารถเอาผิดได้เนื่องจากขาดพยานหลักฐานมัดแน่น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการซื้อเสียงของพรรคการเมืองในปัจจุบัน พัฒนารูปแบบที่แนบเนียนซับซ้อนมากขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของ กกต.
การซื้อเสียงและทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่เกิดขึ้นย่อมสะท้อนให้เห็นว่า กลไกอำนาจรัฐและกกต.ยังไม่สามารถสกัดกั้นการซื้อเสียง เพื่อทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริงได้ ทั้งนี้การเมืองกลายเป็นธุรกิจที่ต้องทุ่มลงทุนจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ รัฐ ย่อมแน่นอนว่าผู้ลงทุนย่อมต้องหวังผลในการ ถอนทุนบวกกำไรอีกมหาศาล สิ่งนี้จึงเป็นรากเหง้าแห่งปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นและยังสามารถ อาศัยอำนาจรัฐใช้วิชามารทุกรูปแบบเพื่อทำลายศัตรูทางการเมือง และสร้างฐานทางการเมืองของตัวเองหวังผูกขาดอำนาจในระยะยาว
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ ทางหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, คณะกรรม การตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดิน จะต้องร่วมมือกันหาทางป้องกันไม่ให้มีการซื้อเสียงเลือกตั้งได้อีก และต้องร่วมกันหาวิธีการให้การศึกษาแก่ประชาชนผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งไม
่ให้ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ทุจริตอย่างที่เป็นอยู่เพื่อให้การเลือกตั้งใน อนาคตมีความบริสุทธิ์และยุติธรรมมากขึ้น
นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม บอกว่า ปัญหาทุจริตโกงกินจัดว่ามี ความเลวร้ายพอๆ กับการรัฐประหาร แต่ถ้าหยุด การคอร์รัปชั่นไม่ได้ ก็คงไม่สามารถหยุดยั้งการรัฐประหารได้เช่นกัน เพราะกลุ่มที่ทำการรัฐประหารจะอ้างว่า ต้องการคืนอำนาจสู่ประ ชาชน สำหรับการเริ่มต้นปราบปรามคอร์รัปชั่น ต้องทำให้สังคมมีความชัดเจนจริงจังในเรื่องการ ต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ เพราะขณะนี้ประชาชนกว่า 90% ไม่ชอบการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ในมุมมองต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่กระทำการ ทุจริตคอร์รัปชั่น สังคมกลับให้ความยอมรับนับถือ มองว่าไม่เป็นไร เพราะงานปราบปรามไม่ใช่หน้าที่ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐ
นอกจากนี้การทุจริตคอร์รัปชั่นยังแทรก ซึมไปถึงเรื่องการเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำองค์กร ผู้บริหาร นับจากเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 เป็นเวลากว่า 75 ปี เรามีผู้นำที่เป็นต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตน้อยมาก เมื่อเทียบ กับคนทำชั่วแล้วได้ดี มีเงินเป็นพันล้านบาท บางคนไม่มีฐานะพอเข้าสู่แวดวงการเมืองหรือมีตำแหน่งสูง ก็มีเงินเป็น 100 ล้านบาท และยังได้รับความนับถือไปไหนมีแต่คนยกมือไหว้ แสดงถึงความเป็นสังคมธนบัตรนิยมสุดโต่ง
หากต้องการเริ่มต้นงานปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องเริ่มสร้างความรู้ความเข้า ใจให้แก่ประชาชนถึงพิษภัยของการทุจริต เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศชาติ แต่ปัจจุบันเรากลับมีมุมมองที่ว่า กินตามน้ำ รับคอมมิสชั่น วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง ไม่เป็นไร โกงแล้วแบ่ง ดีกว่าอมไว้คนเดียว จึงทำให้ระบบคอร์รัปชั่นกระจายไปทั่วประเทศ ระบบคิดแบบนี้ทำให้นักการเมืองโกงกินแล้วแบ่งเงินให้พรรคครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ตนเองกลายเป็นบุคคลสำคัญจะได้รับการผลักดันให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น และหาวิธีการทุจริตที่แยบยลมากขึ้น รวมถึงการนำเงินไปซุกซ่อนไว้ในต่างประเทศ เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ จากนั้นก็มาบอกประชาชนว่า การทุจริตดีต่อภาพรวม หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอยู่อย่างนี้จะแก้ปัญหาทุจริตไม่ได้ เพราะมิจฉาทิฐิแห่งการคอร์รัปชั่นจะได้รับความนิยมแพร่หลาย
นายจรัญบอกว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเชื่อมโยงกับการทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้ง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่การ ทุจริตเลือกตั้งเพื่อเป็นช่องทางการเข้าสู่อำนาจ ทางการเมือง เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งแล้วก็ต้องถอน ทุนด้วยการโกง เพื่อนำเงินมาซื้อเสียงให้ได้ตำแหน่งที่สูงกว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ชาวบ้านไม่รู้สึกอะไรที่เลือกคนโกงเข้าไป เพราะคน ที่เลือกเข้าไปให้ผลประโยชน์แก่พวกเขา นอก จากเรื่องการทุจริตของนักการเมืองแล้ว ยังต้อง ระวังการซื้อขายตำแหน่งราชการ คนพวกนี้เมื่อเข้าสู่วงจรซื้อขายตำแหน่งก็ต้องโกงเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงขึ้น จนสุดท้ายต้องเข้าเป็นแนว ร่วมของฝ่ายการเมือง
การเมืองยังคงวนเวียนอยู่ในเรื่องของการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง โดยหาได้มีอุดมการณ์จิตสำนึกเพื่อชาติบ้านเมืองแม้แต่น้อย ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าแม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไป แต่ก็เป็นประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอกที่ยังย่ำอยู่กับที่ ซึ่งผลการเลือกตั้งทั่วไปที่ออกมาจะพบว่า แวดวงนักการเมืองยังคงเป็นเหล้า เก่าในขวดใหม่ที่เต็มไปด้วยบรรดานักการเมือง ประเภทน้ำเน่า หรือผู้มีอิทธิพลจำนวนมาก ขณะที่พรรคการเมืองยังคงมีพฤติกรรมใช้วิชามารทุกรูปแบบเพื่อแก่งแย่งอำนาจ ช่วงชิง ต่อ รอง หรือสมคบกันแบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยมีผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นอาหารอันโอชะ
ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยังแสดงให้เห็นว่าอำนาจเงินยังมีอิทธิพลต่อการออกเสียงลงคะแนนของประชาชน
อยู่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะประชาชนในภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางจังหวัด มีหลักฐานชัดเจนในหลายๆ จังหวัดระบุว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งหลายพรรคการเมืองใช้เงินซื้อเสียงจากประชาชนทั้งในรูปแบบโดยตรงผ่านหัวคะแนน และรูปแบบทางอ้อมผ่านผู้นำชุมชน ในบางจังหวัดมีวิธีการที่แยบยล โดยนอกจากจะจ่ายเงินซื้อเสียงในขั้นแรกแล้ว ยังมีการจ่ายเงินรางวัลเป็นโบนัสให้แก่หัวคะแนนที่ เป็นผู้นำชุมชนอีกด้วย
ทั้งหมดเป็นรากเหง้าของประชาธิปไตยที่อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ว่าเราอาจ จะมีรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด มีกฎเกณฑ์มีระเบียบแบบแผนที่ขีดเขียนไว้สวยหรูเพียงใด แต่หากว่ายังปล่อยให้วิถีและวงจรอุบาทว์เกลือกกลั้วอยู่คู่กับเส้นทางของนักการเมือง เชื่อได้เลยว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นก็ยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป เพียงแต่นักการเมือง ซึ่งได้ตำแหน่งมาในวิถีทางที่ผิดปกติ โดยสำเหนียกและสดับรับฟังเอากระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติ อย่างแท้จริง เชื่อว่าปัญหาการทุจริตคอร์ รัปชั่นอาจจะบรรเทาเบาบางมากกว่านี้--จบ--