รุ้งทอฝัน#10
ฝากรักฟากฟ้า
ในตอนสายวันนั้น หลังจากกลับจากวัด ปราชญ์และครูทอรุ้งก็ได้พาน้องฝันไปที่โรงเรียนประจำบ้านหมู่บ้านตามที่ได้นัดหมายไว้กับผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งต้องทำความเข้าใจอย่างมากกับครูที่จะขอให้รับน้องเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติ ด้วยทางโรงเรียนยังไม่เคยรับเด็กกลุ่มนี้เข้าเรียน
จะเป็นไรมั๊ยคะ ถ้าหากช่วงแรกๆ คุณปราชญ์จะช่วยคุณทอรุ้งมาช่วยดูแลน้องฝันถึงห้องเรียนด้วย
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนหญิงเอ่ยปากเชิงขอความคิดเห็น
ได้ครับ ยินดีเลยครับ
อย่างนั้นขอเวลาให้ทางโรงเรียนได้ศึกษาแนวทางที่จะจัดกิจกรรมให้น้องนะคะ ท่านหันมาทางทอรุ้ง ยังไงคงต้องขอคุณแนะนำด้วยนะคะ
ค่ะ
วันนี้จะชมห้องเรียนก่อนมั๊ยคะ อนุบาลหนึ่ง
ท่านผู้อำนวยการหันกลับมาถามปราชญ์ เขาพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ท่านจึงให้ครูที่กำลังสอนในชั้นเรียนติดกับห้องสำนักงานช่วยพาทั้งสามไปที่ห้องเรียนอนุบาล
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยน้องฝันได้พบกับคุณครูที่จะดูแลตอนเข้าเรียนและเพื่อนๆ ท่าทางที่ไม่ยอมคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าของน้องจะมากขึ้น
น้องฝันไม่งอแงหรอกค่ะ ทอรุ้งบอกกล่าว แต่แรกๆ คงต้องทำความคุ้นเคยมากๆ หน่อย
หากเมื่อมีกิจกรรมร้องรำทำเพลงเธอยืนมองด้วยความสนใจขยับตัวไปด้วย
น้องฝันจะชอบดนตรีนะคะ เวลาทำอะไรด้วยเสียงเพลงจะทำได้เร็ว
ทอรุ้งแนะนำ และก่อนถึงเวลาอาหารกลางวันทั้งสามจึงลากลับพร้อมกับบอกจะนำน้องฝันมาเข้าเรียนในเทอมที่สอง แต่การเข้าเป็นนักเรียนจริงๆ คงเป็นปีการศึกษาต่อไป
ปราชญ์รู้สึกพึงพอใจในการจัดการเรื่องรียนให้ลูกสาวเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐาน นึกดีใจและขอบคุณที่หมอแนะนำทอรุ้งมาให้ ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ หากไม่ได้ทอรุ้ง เขาเองอาจไม่สามารถจัดการอะไรได้อย่างนี้
เมื่อกลับถึงสวนก็พบว่าป้าพรรณเตรียมมื้อกลางวันสำหรับเลี้ยงเด็กเล็กลูกคนงานในสวน ซึ่งทอรุ้งขออนุญาตเขาไว้เพื่อให้น้องฝันได้มีโอกาสได้คุ้นเคยกับเด็กรุ่นเดียว
ตอนนี้มีเด็กๆ มารออยู่ที่สนามหญ้าด้านหลังบ้านประมานสิบคน แสงจิ่งมารับเด็กน้อยไปร่วมวง นายหรุ่งทำหน้าที่คอยแจกลูกโป่งแก่เด็กๆ
ปราชญ์ไปนั่งที่เก้าอี้สนามอีกด้าน ดูลูกสาวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาไม่เคยคิดที่จะทำแบบนี้มาก่อนนอกจากการเก็บลูกไว้แต่ในบ้าน ด้วยความคิดที่ว่าน้องฝันไม่เหมือนคนอื่น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเธอแทนแม่ที่ตายไป
ทอรุ้งเข้าร่วมกลุ่มเด็กๆ นำเล่นเกมสนุกๆ โดยการเปิดเพลง น้องฝันยืนมองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่ห่างนักมีเจ้าพูห์คอยวิ่งเล่นล่อหลอกกับเด็กๆ ไปทั่วสนามด้วย หลายครั้งที่ทอรุ้งต้องจูงมือเธอเข้ามาร่วมเล่นกับเพื่อนๆ ...ผู้หญิงคนนี้ให้ความหมายกับชีวิตเขาทีละน้อย....
นายระวังอย่าเป็นสมภารซะล่ะ
ปราชญ์นึกถึงคำพูดของผู้เป็นเพื่อนและหมอประจำตัวลูกสาว
คุณทอรุ้งเขาเป็นคนดี ใครอยู่ใกล้จะอดรักไม่ได้
นายด้วยรึป่าว หมอ
ไอ้หมาหวงราง หมอธีรินทร์ตอบกลับไม่ตรงคำถาม
ปราชญ์เคยนึกสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างครูทอรุ้งกับหมอธีรินทร์ หากทั้งสองไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะได้พบกันแต่อย่างไร เขารู้สึกพอใจอยู่เงียบๆ แต่คำพูดของเพื่อนกลับทำให้เขาต้องคิดระวังตัว
แหมมมม! พี่ปราชญ์ มองไม่กระพริบตาเชียวเหรอ
น้ำเสียงไม่พอใจของวัสสิกาดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ เรียกเขาละสายตามาจากลานสนามหญ้า
สนุกกันใหญ่เชียว
หญิงสาวพูดพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับลากเข้ามานั่งชิดกับเขา วางกระเป๋าหนังราคาแพงบนโต๊ะกับตุ๊กตาตัวใหญ่เท่าขนาดตัวน้องฝัน
ของขวัญวันเกิดน้องฝันค่ะ
ขอบคุณแทนลูกสาวครับ
อะไรกันคะ วันนี้มีเด็กเงี้ยวมาด้วยเหรอ สกปรกจัง
เธอทำเสียงขึ้นจมูก ที่โรงคัดส้มเธอจะมีห้องสำนักงานเฉพาะไม่ให้คนงานเข้ามายุ่งเกี่ยว
ไม่หรอก พวกนี้เขาสะอาดครับ
ทอรุ้งหันมาเห็นผู้มาร่วมงานคนใหม่จึงก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับน้องฝัน สักครู่แสงจิ่งจึงพาน้องฝันเดินมาโดยในมือน้อยทั้งสองค่อยประคองแก้วน้ำหวานสีแดงสดใส วัสสิกาเขม้นมองแต่ยังฝืนส่งยิ้มให้เมื่อรู้ว่าชายที่ตนหมายใจไว้มองดูอยู่เช่นกัน
น้องฝัน น้าส้มเอาตุ๊กตาเป็นของขวัญค้วยครับ
จะด้วยอะไรก็ตามเด็กน้อยวางแก้วน้ำอย่างร้อนรนแล้วโผหาผู้เป็นพ่อ ทำให้แก้วน้ำนั้นล้มลงน้ำหวานสีแดงหกไหลเลอะเทอะจากโต๊ะส่วนหนึ่งหยดลงที่กางเกงยีนส์ของวัสสิกา
เธอลุกพรวดพราดชนขอบโต๊ะแก้วน้ำกลิ้งตกลงบนพื้นสนามแตก ปราชญ์อุ้มน้องฝันขึ้นจากพื้นสนาม
ต๊าย กางเกงส้มเลอะน้ำแดงหมดแล้ว เสียงเธอแหลมเกรี้ยวกราด ดูสิ ผู้ใหญ่มีก้อไม่ให้ยกมา ใช้เด็กยกมาแทน
ปราชญ์มองดูกางเกงของเธอ
เลอะไม่มาก จิ่ง! เขาหันไปบอกแสงจิ่งที่ยืนมองอย่างตกใจเช่นกัน พาคุณส้มไปล้างน้ำหวานก่อนไป
ไม่เป็นไรค่ะ ส้มไปเอง
เธอยังค้อนขวับไปที่ทอรุ้งซึ่งกำลังวิ่งมารับน้องฝันจากปราชญ์ เธอกล่าวขอโทษแทนเด็กน้อยที่ยังทำหน้างงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองสักนิด
แสงจิ่งเองยังนึกขยาดคุณส้มเพราะรู้ว่าแม่เลี้ยงคนนี้ถือตัวแค่ไหน จะให้ตามไปดูแลส่วนตัวจริงๆ เธอคงไม่กล้าหรอก
วัสสิการู้สึกว่าตนกำลังโกรธและไม่พอใจอย่างยิ่ง หากวันนี้เธอไม่เข้ามาในสวนด้วยตนเอง ปราชญ์คงจะลืมไปแล้วว่าได้บอกให้เธอมาร่วมงานวันเกิดวันนี้ด้วย
ความจริงเธอได้เสนอให้พาลูกสาวไปกินอาหารที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ แต่ปราชญ์กลับบอกว่า ครูทอรุ้งเตรียมการไว้เสร็จสรรพแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวนี้ปราชญ์มักจะออกชื่อครูทอรุ้งบ่อยขึ้น จากสายตาที่เธอเห็นในวันนี้เธอก็พอรู้ว่าปราชญ์กำลังเปลี่ยนไป สายตาที่เขาจับจ้องมองไปที่ครูสาวใหญ่ดูแช่มชื่นและอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยมองเธอแบบนั้นบ้างเลย
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาแม้เธอจะแสดงออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรต่อเขาเพียงใด ระยะห่างยังคงเท่าเดิม
...จะทำอย่างไรดี ไม่อยากจะสูญเสียเขาไป....
วัสสิกามองดูภาพสะท้อนในกระจกเงา เธอสาวกว่า เปรียบไปแล้วยังสวยกว่าครูทอรุ้งที่อายุมากกว่า หน้าตาจืดๆ นั้น ฐานะรึก็ไม่ได้น้อยหน้าใครในถิ่นนี้ เธอจะยอมเสียเขาไปให้แม่ครูสาวใหญ่คนนั้นละหรือ เธอยิ้มให้กับตนเองอย่างมั่นใจและต้องการเอาชนะให้ได้
คืนนี้ฝนตกอีกแล้ว ดูท่าทางจะไม่ยอมหยุดตกง่ายๆ เสียแล้ว บ้านเงียบเชียบได้ยินแต่เสียงสาดซ่าของสายฝนที่มีลมพัดมาเป็นระยะๆ นับตั้งแต่วันเกิดของน้องฝันฝนก็ตกมาตลอด
นางซอมาเล่าให้ฟังว่ามีดินที่ไหลถล่มตามเส้นทางบนดอยหลายแห่ง หากป้าพรรณบอกว่าเป็นอย่างนี้เสมอของที่นี่ ไม่มีอะไรมากนัก
ทอรุ้งรู้สึกเยือกๆ ในอก คงเป็นเพราะฝนตกมากจนอากาศเย็นกว่าปกติ เสียงประกาศแจงงานวัดดังมาเป็นระยะๆ พร้อมกับเสียงเพลงการแสดงที่แสงจิ่งไปร่วมงาน
ตอนหัวค่ำนายหรุ่งขับรถออกไปส่งป้าพรรณเพื่อเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มแม่บ้านเกี่ยวกับการจัดอาหารโรงทานที่ปราชญ์รับไว้เป็นเจ้าภาพ แสงจิ่งจึงออกไปพร้อมกับนางซอที่ขอตามไปดูการฝึกซ้อมด้วย
แม่ครูอยู่คนเดียวได้ก่อ นางซอถามอย่างเป็นห่วง
ได้สิคะ เป็นไรไป ทอรุ้งหัวเราะท่าทีละล้าละลังของนางซอ บางทีคืนนี้จะให้น้องฝันนอนด้วย ถ้าหากคุณปราชญ์กลับดึก
ปราชญ์ลงไปเชียงใหม่กับวัสสิกาเมื่อตอนบ่ายด้วยงานแสดงความยินดีการเปิดสาขาใหม่ของวัสสิกาเอง
คงเป็นเพราะฝนตกพรำจึงทำให้บ้านดูเงียบเหงา หลังจากที่พาน้องฝันเข้านอนแล้วเธอจึงเปิดโน้ตบุค พิมพ์งานไปได้สักพักรู้สึกง่วงงุนอย่างมากจนไปสามารถฝืนรอให้คนอื่นๆ กลับมา เธอจึงปิดเครื่องและเข้านอน โดยมีเจ้าพูห์วิ่งตามเข้ามาซุกตัวอยู่ข้างเตียง ท่าทีหวาดระแวง ตื่นๆ
เป็นรัย พูห์ กลัวฝนตกเหรอ หือ
เธอเอาผ้ามาปูข้างเตียงแล้วอุ้มมันนอนหน้าเตียง ก่อนจะปิดไฟนอน
ปราชญ์เริ่มกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกกับงานเลี้ยงที่ไม่ยอมเลิกราแบบนี้ นึกเสียใจที่น่าจะเอารถยนต์มาคนละคันกับวัสสิกาก้อสิ้นเรื่อง สาขารับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและขนส่งสินค้า วัสสิกาเร่งเปิดให้ทันฤดูกาลนี้
พี่ปราชญ์ไปกับส้มนะคะ เธอออดอ้อน ในฐานะลูกค้า..คนสำคัญของส้ม
งานนี้ล้วนแล้วแต่มีแขกเหรื่อพ่อค้านักธุรกิจมากมาย จนปราชญ์คิดว่าบางคนนั้นถูกเชิญมาทำไม เขายกนาฬิกาดูเวลาอย่างกระวนกระวาย เพราะอย่างไรเสียเขาต้องเดินทางกลับคืนนี้
เขาพยายามโทรกลับไปบ้าน แต่ไม่มีคนรับสาย เครื่องของป้าพรรณก็ติดต่อไปได้ โทรเข้าเครื่องของครูทอรุ้งกHไม่รับสายอีก
สงสัยจะเล่นเนตเพลินสิท่า เขาคิดอย่างหงุดหงิด จนแทบไม่อยากอยู่ในงานต่อไป
พี่ปราชญ์เป็นอะรัยคะ
ส้มเดินเข้ามาที่โต๊ะ เอามือเกาะไหล่เขาและก้มลงพูดด้วยอย่างสนิทสนมราวกับจะประกาศให้ทุกคนในโต๊ะได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขา
สัญญาแล้วนี่คะว่าจะไม่งอแงกลับบ้าน
ป่าวครับ ไม่มีอะไร
เขาพยายามรักษามารยาทอย่างยิ่งที่จะไม่แกะมือเธอออกจากไหล่
แล้วก้อสัญญาว่าจะกลับฝางพร้อมส้มด้วย
ปราชญ์นิ่งเฉยด้วยไม่รู้จะตอบอย่างไร วัสสิกาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปคุยกับแขกโต๊ะอื่น ปราชญ์จึงขอตัวลุกไปโทรศัพท์อีกครั้งด้านนอกงาน เขาแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปด้วยยังไม่สามารถติดต่อใครได้
เมื่อเขากลับไปนั่งที่โต๊ะเดิม เขาจึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอล์ที่แขกร่วมโต๊ะชงส่งมาให้ ด้วยความฉุนเฉียว
ตายจริง พี่ปราชญ์ เมาแล้วเหรอคะนั่น
เจ้าภาพสาวโฉบมาดูแลเขาอีกที เขาก็ดื่มจนเมามายนั่งตาปรือ เขาส่งโทรศัพท์ให้วัสสิกา
ช่วยโทรเข้าเบอร์นี่หน่อยสิ
เสียงเขาอ้อแอ้ วัสสิการับมาดูแต่พอเห็นเบอร์ที่เขาให้โทออก เธอเม้มปากแน่นถือไว้เฉยๆ หากบอกกับเขาว่า
รู้สึกจะปิดเครื่องไปแล้วค่ะ
เธอก้มลงกระซิบข้างหูเขา
พี่ปราชญ์ไปพักแปบมั๊ยคะ
ไม่เป็นไร
อือ พักหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวงานก้อเลิกแล้วยังไงก้อต้องกลับฝางค่ะคืนนี้
เธอพยักหน้าให้เด็กช่วยงานที่ยืนอยู่ไม่ห่างพาเขาเข้าไปพักในห้องสำนักงานด้านใน เธอกดปิดเครื่องโทรศัพท์ก่อนที่จะหย่อนลงกระเป๋าเสื้อของเขา
ทอรุ้งพยายามจะลืมตาขึ้น คิดมาได้ยินเสียงโทรศัพท์แว่วมาแต่ยังเคลิ้มหลับไปอีก คราวนี้คล้ายเธอได้ยินเสียงหวีดร้อง หรือเสียงลมฝน เธอพยายามลืมตาขึ้น เธอไม่แน่ใจว่าเธอลืมตาหรือยังด้วยทุกอย่างรอบตัวมืดมิด แต่เธอรู้ว่าเธอตื่นแล้ว
......เสียงอะไร....ลมฝนเหรอ ......
เสียงสาดซัดที่รุนแรงบนหลังคาดังสนั่น เรือนเล็กไหวยวบ เธอผวาลุกขึ้นนั่งทันที เธอไม่ได้หลับ! เธอลืมตาแล้วแต่เธอมองไม่เห็นอะไร เสียงครางหงิงๆ และลิ้นนุ่มๆ ที่มันเลียมือเธอ ทำให้ทอรุ้งตื่นตัวเต็มที น้องฝันพลอยสะดุ้งตื่นด้วย ร่างเล็กเบียดเข้ามาหา เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากอาการสั่นเทา
โครม!
เสียงอะไรสักอย่างกระแทกเข้ากับเรือนเล็ก เธอสะกดไม่ให้ส่งเสียงร้องออกไป แขนข้างหนึ่งเธอโอบกอดน้องฝันไว้ สิ่งหนึ่งที่เธอคิดได้คือโทรศัพท์มือถือ ทอรุ้งควานมือไปในความมืดไปยังตำแหน่งที่เธอคิดว่าวางเครื่องอยู่ โชคดีที่หาเจอแต่เธอยังไม่มีเวลาที่จะกดดูเครื่อง
...วู้ๆ! ....
เธอคิดว่าเธอได้ยินเสียงกู่ร้อง ทอรุ้งลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มเด็กน้อย
พูๆ ม๊ะ พู
เธอร้องบอกเมื่อได้ยินเสียงเห่าเล็กๆ ทอรุ้งต้องความนลงบนเตียงเพื่อหาร่างนั้น พอคว้าได้เธอพยายามจดจำทางออกนอกห้องให้ได้
มีอะไรบางอย่างกระแทกกับตัวบ้านอีก จนเธอเซไปปะทะกับฝาผนังห้องเธอกอดรัดอีกสองชีวิตไว้แนบอก พอเธอสามารถเปิดประตูได้เธอต้องปะทะกับสายฝนที่กระหน่ำ และเธอต้องตกใจกับคลื่นน้ำที่สาดปะทะตัวเธอเต็มๆ
ม๊ะ! ม๊ะ!
น้องฝันกอดคอเธอแน่น ทอรุ้งพยายามลืมตาท่ามกลางเม็ดฝนที่กระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ไม่ต้องกลัวลูก ไม่ต้องกลัวนะคะ เสียงที่ปลอบโยนสั่นกึกกัก เธอคิดว่าเธอเห็นแสงไฟจากสวน ไม่รู้จะเป็นแสงไฟจากอะไรแล้วนี่ทุกคนไปไหน ป้าพรรณ นางซอ แสงจิ่ง
...โครม! !!!
เสียงดังสนั่นขึ้นอีกพร้อมกับคลื่นน้ำที่สาดขึ้นมา โดยสัญชาตญาณที่เธอนึกขึ้นได้นั่นคือ
น้ำป่า!!!!!!!!