นักพูดยอดเยี่ยม...แต่ชีวิตยอดแย่
คีตากะ
ณ ห้องประชุมอันกว้างขวางใหญ่โตที่จุคนนับพัน แถวหน้าสุดนั่งไว้ด้วยคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติจำนวนหลายท่าน สถานการณ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากเวทีแห่งนี้กำลังมีการแข่งขันการกล่าวสุนทรพจน์ของนักพูดที่ผ่านการคัดเลือกมาจนถึงรอบสุดท้ายจำนวน 40 คน เพื่อสรรหานักพูดที่มีคะแนนรวมสูงสุดและนักพูดยอดเยี่ยม โดยเก็บคะแนนจากการพูดในแบบต่างๆ มาแล้วเป็นเวลาถึง 3 วัน เช่นการพูดในโอกาสต่างๆ การพูดแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เป็นต้น และวันนี้เป็นวันสุดท้าย นี่คือรอบชิงชนะเลิศ เพื่อตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขา เหล่านักพูดที่มาจากหลากหลายสาขาอาชีพและหลากหลายองค์กร ผู้คว้าเงินรางวัลพร้อมโล่เกียรติยศซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาอมโรคคล้ายกำลังป่วยไข้หนักคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาคล้ายเบื่อหน่ายต่อโลกนี้เต็มทน ราวกับว่าแม้เพียงสายลมก็อาจทำให้เขาล้มลงได้ทุกเวลา ทุกขณะ สถานที่ที่เขาควรอยู่เวลานี้ควรจะเป็นห้อง ICU ของโรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งมากกว่าที่จะเป็นเวทีแห่งนี้ ! แต่ภายหลังเขากลับคว้ารางวัลนักพูดคะแนนรวมสูงสุดและนักพูดยอดเยี่ยมได้คนเดียวทั้งสองรางวัลโดยไม่มีทีท่าดีใจแม้แต่น้อย คล้ายว่าเขาถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นสะกดให้ขึ้นเวทีด้วยความจำใจก็ปาน เขาเดินขึ้นเวทีอย่างเชื่องช้า ในสภาพอิดโรย คงมีแต่แววตาเท่านั้นที่ยังเปล่งแสงประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงตะวัน เขาเหม่อมองขึ้นสู่ท้องฟ้าและได้พูดถ้อยคำดั่งต่อไปนี้....
ท่านคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติและท่านผู้มีเกียรติที่รักทุกท่าน..มีผู้รู้ท่านหนึ่งได้เคยกล่าวไว้ว่า การจะทำงานให้ประสพความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้นั้นจะใช้แต่คุณธรรมอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ต้องอาศัยความรอบรู้เจนจบในทุกๆด้านที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ ด้วย จึงจะสำเร็จได้ กระผมมีความคิดเห็นว่าผู้รู้ท่านนั้นกำลังกล่าวถึงคำว่า ปัญญา ปัญญาคือสิ่งใด ? ปัญญามีอยู่แล้วในตัวของคนทุกคนในปริมาณที่เต็มเปี่ยมและสมบูรณ์เท่ากัน ปัญญาไม่สามารถได้รับมาจากการศึกษาเรียนรู้ หรือจากตำราใดๆ ปัญญาไม่สามารถได้รับจากประสบการณ์ใดๆ ปัญญาไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้และไม่สามารถได้รับมาจากการฝึกฝนด้วยระบบใดๆ ในโลก ปัญญาคือมหาพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ คือขุมทรัพย์อันมหาศาล คือความสามารถในการหยั่งรู้ทุกเรื่องราวในจักรวาล คือห้องสมุดของจักรวาลอันเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ของศาสตร์ทุกแขนงและก็มีอยู่แล้วในตัวมนุษย์ทุกคน เพียงแต่กำลังนอนหลับอยู่เท่านั้น การจะได้รับปัญญานั้นต้องมาจากการนำปัญญาที่มีอยู่แล้วนั้นออกมาใช้บ่อยๆ ในแต่ละสถานการณ์ของชีวิต คล้ายการเรียนรู้จากสัญชาตญาณภายในขณะที่จิตใจอยู่ในภาวะเงียบสงบ เมื่อปัญญาถูกใช้บ่อยๆก็จะทราบว่าตัวเองมีปัญญามากน้อยแค่ไหนและเกิดการพัฒนาให้มากขึ้นได้ .......ท่านที่รักทั้งหลายนักวิทยาศาสตร์ได้เคยทำวิจัยพบว่ามนุษย์ได้ใช้ระดับสติปัญญาที่มีอยู่โดยเฉลี่ยไม่เกิน 10 % เท่านั้น ยกเว้นนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกบางท่านที่อาจจะมีมากกว่านี้บ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วการนำปัญญาหรือศักยภาพจากภายในออกมาใช้ยังคงอยู่ในระดับต่ำซึ่งถือว่าเป็นความล้มเหลวของมนุษยชาติอย่างมากมาย
สุดท้ายนี้กระผมจึงอยากจะกล่าวว่าการได้ค้นพบปัญญานั้นท่านจะได้พบกับความสุขที่แท้จริงด้วยเช่นกัน ท่านจะสามารถทำสิ่งอันพิศวงต่างๆได้มากมายและมีความรอบรู้ในสิ่งต่างๆมากมายที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นกระผมจึงหวังว่าการดำเนินชีวิต การทำงาน ต่อจากนี้ไปของท่านจะเป็นการทำงานเพื่อที่จะเรียนรู้จักปัญญาให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อทุกท่านจะพบกับความสุข และรู้จักตัวตนของท่านเองได้มากขึ้น สวัสดีครับ