***** กล้วยร้อยหวี มีพันผล ***** กล้วยร้อยหวี มีพันผล ในหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ฉบับพระราชทาน เล่มที่ 30 ศาสตราจารย์เบญจมาศ ศิลาย้อย อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้วย ได้เขียนบอกไว้ว่า “...ในสมัยอยุธยา เดอลาลูแบร์ อัครราชทูตชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางมาเมืองไทยในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2230 ได้เขียนบันทึกถึงสิ่งที่เขาได้พบเห็นในเมืองไทยไว้ว่า ได้เห็นกล้วยงวงช้าง ซึ่งก็คือกล้วยร้อยหวีในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่ปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ประดับนั่นเอง...” “กล้วยร้อยหวี” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Musa chiliocarpa Back. อยู่ในวงศ์ Musaceae มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กล้วยงวงช้าง” มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นไม้ล้มลุก มีขนาดเล็กกว่าต้นกล้วยน้ำว้าที่พบเห็นกันได้ทั่วไป ลำต้นสูงราว 2-3 เมตร ดอกออกที่ปลายต้น ซึ่งช่อดอกมีดอกหนาแน่นมาก ใช้เวลา 6 เดือนจึงตกเป็นปลีห้อยลงมา และทยอยออกผลเป็นหวีกล้วยขนาดเล็กราวร้อยหวี แต่ละหวีมีผลประมาณ10-15 ผล เครือหนึ่งมีความยาวราวเมตรกว่าๆ ถึงสองเมตร มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เมื่อรวมจำนวนกล้วยทั้งหมดในหนึ่งเครือตกราว 1,000 กว่าผล แต่หากเป็นเครือที่สมบูรณ์มากๆ ก็อาจให้ผลถึงสองร้อยหวีทีเดียว ผลของกล้วยชนิดนี้มีขนาดเล็ก เนื้อน้อย แต่มีเมล็ดมาก และจะออกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น เพราะระยะเวลาในการเป็นหวีกล้วยเล็กๆ จนสุดเครือ นั้นยาวนานมากราว 9-12 เดือน เมื่อออกผลแล้วก็จะตายไป แต่สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยหน่อ แม้ว่าจะมีจำนวนผลมาก แต่ความที่มีเมล็ดมากและเนื้อน้อย จึงไม่นิยมนำมารับประทาน เพียงปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อความแปลกตาและสวยงาม ส่วนประโยชน์ทางพืชสมุนไพรของกล้วยร้อยหวี ก็มีเช่นเดียวกันคือ ใช้ผลดิบทั้งเปลือกหั่นตากเเห้งป่นเป็นผงชงน้ำร้อน หรึอปั้นเป็นเม็ดรับประทานรักษาเเผลในกระเพาะอาหาร เเก้ท้องเสียเรื้อรัง เเผลเน่าเบื่อย เเผลติดเชื้อต่างๆ ส่วนเปลือกของผลสุกใช้ด้านในทาส้นเท้าเเตก หัวปลีเเก้โรคโลหิกจาง ลดน้ำตาลในเลือดเเก้โรคเบาหวาน ส่วนรากต้มดื่มเเก้ไข้ได้อย่างดีเป็นต้นปัจจุบันกล้วยร้อยหวีแทบจะไม่ค่อยมีให้เห็นกันมากนักอาจเป็นเพราะหาหน่อพันธุ์ยากก็เป็นได้ แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรกล้วยพันธุ์นี้ก็ยังคงมีให้ชื่นชมอยู่ในโลกนี้อย่างแน่นอน *****สำหรับเรื่องของกล้วยที่มีกล่าวถึงในพระไตรปิฎกนั้น คราวนี้ขอนำเรื่องผลแห่งการถวายผลกล้วย มาบอกเล่ากัน ในพระไตรปิฎก หัวข้อ กทลิผลทายกเถราปทานอันว่าด้วยผลแห่งการถวายผลกล้วย ของพระกทลิผลทายกเถระ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า “เราได้เห็นพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก ทรงรุ่งเรืองดังดอกกรรณิการ์ โชติช่วงเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญและดังดวงประทีป เรามีจิตเลื่อมใส โสมนัส ได้ถือเอาผลกล้วยไปถวายแด่พระศาสดา ถวายบังคมแล้วกลับไป ในกัลปที่ 31 แต่กัลปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้การที่เราได้มาในพระศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าของเรา เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา3เราบรรลุแล้วโดยลำดับพระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”
7 ธันวาคม 2550 19:59 น. - comment id 98542
สวัสดีครับลุงแทน วันนี้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยม (ไม่มีเวลาเข้ามาบ่อยนัก) คุณลุงแทนนำมากล่าวไว้ดีมาก กล้วยร้อยหวีหรือกล้วยงวงช้าง รสหวานหอม อร่อย ไม่มีเมล็ดหรอกครับ บางลูกก็มีบ้าง แต่ไม่มาก ผมปลูกและนำมารัปประทานเป็นประจำ ลูกกล้วยจะทะยอยสุกจากโคนลงมาทางปลาย สุกไปเรื่อยๆ เราก็เก็บรับประทานได้เรื่อยๆ ทุกวัน อร่อยดี ตอนท้ายเอ่ยถึงพุทธศาสนา ท่านผู้อ่านก็อย่าตกใจเกี่ยวกับปริยัตินะครับ บางทีเราอ่านแล้ว ไม่เข้าใจ เลยพาลไม่สนใจไปเสีย พระที่เรียนเปรียญธรรม จนเป็นมหา ก็หยิ่งทะนงตน จนคนหมดศรัทธา อวดแต่กิเลส ตีความหมายของธรรมะไปในทางปริยัติหมด ไม่เคยปฏิบัติให้รู้แจ้งตามที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ก็เลยทะนงตัวว่าเก่ง ที่แท้นรกเป็นที่ตั้งโดยไม่รู้ตัว ท่านทั้งหลายครับ ปริยัติก็ปล่อยเขาปริยัติไปเถอะ เรามาพุทโธ แล้วพิจารณากรรมฐานห้า คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนังกันดีกว่า พิจารณามากๆ จะพ้นจาก นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะเกิดอยู่ในสองภพ คือ มนุษย์ กับสวรรค์เท่านั้น.......สาธุ จากลุงหมอ