จิ้งจก
ทองหยิก
หอมอรุณกรุ่นกลิ่นระรินหลา แผ่ลงมาจากสรวงทบวงสวรรค์
แทรกกระทบบริวารบวรบรรณ์ เจิดจรัสจัดสรรทั่วถิ่นแดน
ผิจะกล่าวหนาวนี้หนาหน้าหนาว เหล่าหนุ่มสาวเหงาหงอยเศร้าสร้อยแสน
คราคนรักจักต้องห่างไปต่างแดน หนาวสุดแสนเศร้าสร้อยหงอยหทัย
เสียงไก่โห่รับขวัญตะวันรุ่ง แต่หัวใจข้าเหงางุ้งเจ้ารู้ไหม
สายตะวันแทรกสอดลอดฟ้าไกล แสงตะวันปาดหัวใจด้วยไฟเปลว
ลมแห้งแห้งพริ้วโพกโบกทิวสน หัวใจคนจักสลายละลายเหลว
อยากจะฉุดหยุดสาวเจ้าคนเลว จะจากจรหนุ่มเอวบางไปทางใด...
เช้าวันเสาร์ของเดือนพฤศจิกายนวันหนึ่ง ตอนที่ผมกำลังแต่งกลอนอยู่ที่ระเบียงบ้านของป้าแต๋ว ป้าสุดที่รักของผมเอง ตอนนั้นแกยังไม่กลับมาจากวัด มีจิ้งจกตัวเล็กๆตัวหนึ่งตกลงมาตรงหน้าของผมเกือบจะหล่นลงมาเข้ากระติกน้ำใบเตยที่ผมเปิดไว้อ้าซ่ารอการตักครั้งต่อไป ก็ป้าแต๋วคนดีของผมนั่นแหละครับที่อุตส่าห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่มาเตรียมน้ำใบเตยให้หลานรัก ผมพักอยู่กับป้าแต๋วมาตั้งแต่มัธยมต้น ตอนนี้ผมก็ใกล้จะจบ ม.ปลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว แล้วผมก็เพิ่งจะสอบปลายภาคเสร็จเมื่อวันพุธที่ผ่านมานั่นเอง ครอบครัวผมอาศัยอยู่นอกเมือง มีแม่ พ่อ ผม แล้วก็น้องสาวที่เรียนอยู่ ม.1 ของโรงเรียนใกล้ๆบ้าน ส่วนป้าแต๋วแกเป็นแม่หม้ายอาศัยอยู่คนเดียวหลังจากที่สามีของแกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แกใจดีกับผมแล้วก็น้องสาวของผมมากครับ
ผมชอบดื่มน้ำใบเตยมากถึงมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีพระมเหษีเอาอำมฤตใส่รองเท้าแก้วของนางซินเดอเรลล่ามาวางเคียงแก้วน้ำใบเตยนั้น ผมก็คงจะดื่มน้ำใบเตยของผมอย่างเดิม แล้วก็อาจจะเทน้ำอำมฤตนั้นทิ้งแล้วผมก็จะเอารองเท้าแก้วไปวางไว้ในตู้โชว์ในห้องรับแขกของป้าแต๋วซะ ส่วนพระมเหษีก็ค่อยว่ากันทีหลัง
กลับมาที่จิ้งจกตัวน้อยของผมดีกว่าครับ มันหล่นลงมาได้อย่างไรทั้งๆที่จิ้งจกเป็นสัตว์ที่มีมือและเท้าเหนียวกว่าหมากฝรั่งตรานกแก้วซะอีก หรือว่ามันจงใจกระโดดลงมาเพื่อหวังจะลองลิ้มชิมรสหวานๆกลิ่นหอมๆของน้ำใบเตยของผม ผมลองเอาดินสอในมือของผมเขี่ยๆดู ปรากฏว่ามันไม่ขยับ โอ้แม่เจ้า ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหล่จนจิ้งจกตกลงมาเจอแล้วตัดสินใจกลั้นใจตายขนาดนั้น!
ผมค่อยๆเอามืออันอ้วนๆป้อมๆของผมพยูงจิ้งจกเจ้ากรรมขึ้นมาดูให้ชัดๆถึงผนังเซลล์ชั้นhypodermis ตัวมันเหนียวๆนุ่มๆเหมือนคอป้าแต๋วตอนที่แกกลับมาจากพรวนดินในสวนผักของแก ตาของมันจ้องมองอะไรซักอย่างอย่างไมกระพริบแม้แต่ครั้งเดียว ผมอยากจะช่วยจิ้งจกตัวนั้นเหลือเกินแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ผมเคยเรียนวิชาสุขศึกษามาตอนมัธยมต้น แต่ก็ไม่เคยเห็นว่ามีหลักการปฐมพยาบาลจิ้งจกอยู่ในหลักสูตรเลย ว่าจะ mount to mount ให้ซักกะหน่อยแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าลิมฝีปากของผมกว้างพอๆกับปากกระติกน้ำใบเตยใบนั้น แล้วอีกอย่าง ปากของผมมีกลิ่นที่เป็นธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร ผมไม่อยากจะให้จิ้งจกน้อนตัวนั้นตายรอบที่สองในเวลาอันใกล้เคียงกัน
ผมพลิกเจ้าจิ้งจกน้อยกลับไปกลับมาเพื่อที่จะผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพราะว่าผมเคยได้ยินมาว่าถ้าคนเป็นชักกระตุกหรือเป็นลมบ้าหมูหรือบ้าอะไรก็ช่าง ให้นวดตามมือตามเท้าแล้วก็กล้ามเนื้อตามที่ต่างๆ แต่จิ้งจกน้อยของผมมีมือมีเท้าที่ไม่ใหญ่มาก ผมจึงได้แคพลิกกลับไปกลับมาแล้วก็เอานิ้วชี้จิ้มๆที่บริเวณหน้าอกของมัน ผมจ้องดูใกล้ๆปรากฏว่ามันยังไม่ตายครับ! อวัยวะภายในส่วนที่ทำหน้าที่คล้ายๆกับหัวใจของมนุษย์ของจิ้งจกตัวนั้นยังทำงานอยู่ แล้วทำไมมันไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเลยหละ หรือว่ามันช็อคที่เพิ่งเคยเห็นมนุษย์ที่หน้าไม่เหมือนมนุษย์เป็นครั้งแรก โถๆๆ เวรกรรมของจิ้งจก ถ้ามันตายไปจริงๆมันก็คงจะไปบอกยมบาลของมันว่า ข้าตายเพราะตกใจในหน้าตาอันอุบาทว์ของมนุษย์คนหนึ่ง...
ผมเอานิ้วชี้ของมืออีกข้างหนึ่งแหย่ลงไปในแก้วน้ำใบเตย แตะน้ำใบเตยนิดหน่อยแล้วก็เอามาป้ายทั่วๆเจ้าจิ้งจกตัวน้อยที่นอนสลบตาค้างในมือของผม ผมจิ้มๆนวดๆตามลำตัวจากหัวจรดหาง ดูเหมือนจะเป็นเหตุเป็นผล แต่ทำอย่างไรเจ้าจิ้งจกตัวน้อยก็ไม่ฟื้นซักที
ผมคิดถึงคำที่แม่ของผมเคยบอกแล้วก็ครูที่โรงเรียนก็เคยเอ่ยให้ฟังว่า ถ้าหากจิ้งจกตกลงมาจากเพดาลหรือที่ไหนก็ตามแต่แล้วตายตรงหน้าของเรา โบราณเขาถือว่าไม่ดี แล้วก็จะมีเคราะห์ ผมรีบวางเจ้าจิ้งจกน้อยลงบนพื้นทันที ผมเอาฝากระติกปิดกระติกน้ำใบเตยแล้วก็รีบเก็บเสื่อสาดที่ปูนั่งพร้อมกับสมุดดินสอที่ผมตั้งใจจะเขียนกลอนเดินเข้าในบ้าน จะว่าผมงมงายก็ว่าเถอะนะ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะเกิดกับใครจริงๆ เอ... หรือว่าผู้ใหญ่สมัยก่อนคิดค้นสิ่งพวกนี้ขึ้นมาเพื่อหลอกเด็กๆอย่างเรา อย่างไรก็ตามแต่ วันนั้นผมได้แต่กลัว คิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ...
ผมมาเปิดทีวีดูข่าวตอนเช้าให้หายเซ็ง(กลัว)หลังจากที่เก็บเสื่อสาดไว้ในห้องพระ ปกติเราม้วนเก็บเสื่อไว้ที่ห้องพระเพราะว่าห้องอื่นถูกจับจองด้วยสิ่งของน้อยใหญ่หมดแล้ว แต่พระพุทธรูปแล้วก็เครื่องลางของขลังถูกเก็บไว้หิ้งข้างบน ข่าวเช้าวันนั้นก็เหมือนๆกับทุกวันนั่นแหละครับ คนฆ่ากันตาย อุบัติเหตุ การเมืองเน่าๆ ผมก็แค่จ้องดูที่ทีวีด้วยตาลอยๆ ในใจผมคิดถึงแต่จิ้งจกตัวนั้น หวังแค่ว่าป้าแต๋วจะกลับมาจากวัดไวๆ หรือไม่ก็แม่ผมหรือน้องผมโทรศัพท์มาหาป้าในตอนนั้นก็ยังดี ตัวผมเองไม่กล้าโทรไปเล่าให้ใครฟัง ผมมียางอายมากกว่าความกลัวครับ!
ผมเดินไปดูมันอีกทีด้วยใจสั่นๆ ผมยืนขาเดียวพิงวงกบประตูที่เปิดไว้มือนึงกอดอกอีกมือเอาค้ำกระพุ้งแก้มแล้วก็จ้องไปที่ตัวเจ้าจิ้งจก มันยังคงนอนสลบเหมือดอยู่ที่เดิม ผมรู้สึกเย็นที่เท้าเรื่อยขึ้นมาตามขา เป็นเพราะพื้นปูกระเบื้องในตอนเช้าด้วยละมั้ง ผมคิดเพื่อที่จะหลบหลีกความจริงที่ว่าผมกลัวมนต์ดำที่มากับจิ้งจกตัวที่นอนแอ่งแม้งอยู่สองเก้าถัดไปตรงหน้าซะมากกว่า ผมเดินไปหยิบกระดาษจากในบ้านมา ฉีกเอาแค่ชิ้นเล็กๆเพื่อที่จะได้ให้เจ้าจิ้งจกได้นอนหลบความเย็นของพื้นกระเบื้อง ตอนที่จะจับมันขึ้นมาไว้บนแผ่นกระดาษ ทำไมมือของผมมันสั่นเหมือนคนแก่ก็ไม่รู้ ผิวจิ้งจกที่ผมเคยคิดว่าเหนียวนุ่ม บัดนี้มันกลายมาเป็นแข็งทื่อเหมือนหนังหน้าแข้งของป้าแต๋วเสียแล้ว ถึงแม้ว่าจิ้งจกมันจะไม่มีขนห่างๆเหมือนขนหน้าแข้งของป้าแกก็ตาม
ผมเดินกลับมาที่ทีวีเหมือนเดิม เอนตัวลงบนโซฟานุ่มๆ เสียงวัสดุหุ้มโซฟาดังเอี้ยดๆเมื่อผมหย่อนก้นอ้วนๆกับตัวกลมๆหนาๆของผมลงไป ผมหยิบเอาหมอนสองใบข้างๆมากอดให้อุ่น ผมรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เหมือนอยากจะนอนอีกสักรอบ ว่าแล้วผมก็หลับโดยไม่สนใจเหตุการณืภายนอกและภายใน(ทีวี) มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่ป้าแต๋วแกมาปิดทีวี แกใส่ชุดสีขาวในมือมีภาชนะสำหรับใส่อาหารไปวัด ตอนแรกผมก็นึกว่านางฟ้าลงมาโปรด แต่พอมองลงไปถึงขาแกเท่านั้นแหละ โลกแห่งความจริงก็ปรากฏอย่างชัดเจน ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ยิ้มให้ป้าแก ป้าแต๋วแกก็ส่งยิ้มตอบ ผมนึกขึ้นได้เรื่องจิ้งจก ผมจึงเล่าเรื่องจิ้งจกให้แกฟังในตอนนั้น เพราะว่าผมไว้ใจป้าแต๋วของผมที่สุด แล้วป้าแต๋วก็รู้ด้วย
ป้าแต๋วนั่นลงข้างๆผม ในมือแกยังอุ้มภาชนะนั้นอยู่ ผมเล่าด้วยอาการตื่นเต้นสุดขีด แต่ป้าแกไม่มีอากับกริยาใดๆบ่งบอกว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติของมนุษยชน ทันใดนั้นเองป้าแต๋วคนดีของผมก็หัวเราะดังลั่น วัดความถี่ได้ 2.5 ริกค์เตอร์ ผมต่อว่าแกยาวใหญ่พอๆกับหลวงพ่อเทศน์ให้แกนั่นแหละมั้ง ผมคิดในใจ แล้วผมก็ลากมือแห้งๆหยาบๆที่ไม่เคยถูกวาสลีนหรือครีมถนอมผิวยี่ฮ้อใดๆมาก่อนในชีวิตของป้าแกไปที่ระเบียง ป้าแกก็ยอมไปแต่โดยดี ผมชี้ไปที่ร่างของเจ้าจิ้งจกผู้น่าสงสารให้ป้าแกดู โอ้แม่เจ้า!! มดมากมายมาจากแห่งหนตำบลใดก็ไม่รู้ มารุมมาตุ้มเจ้าจิ้งจกน้อยของผมซึ่งบัดนี้กลายเป็นศพน้อยๆนอนตายตาไม่หลับอยู่บนกระดาษแผ่นเล็กๆ ป้าแต๋วเดินไปหยิบไม้กวาดจากห้องครัวมาแล้วก็กวาดซากศพเจ้าจิ้งจกน้อยออกจากระเบียงบ้านลงข้างล่าง ป้าแกเอาไม้กวาดมายัดใส่ในมือของผมหวังใจว่าจะให้ผมเอามันไปเก็บไว้ในครัวที่เดิมพร้อมกับเอ่ยกับผมขึ้นว่า..
นี่แหละลูก...ชีวิตของสัตว์...ไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ วันหนึ่งก็ต้องจบลงอย่างนี้เหมือนกัน...
โอ้อรุณกรุ่นกลิ่นระรินหา สาดสายแสงลงมาอยู่มิหาย
กระแทกทบกลบทวีป์มิวางวาย มากลับกลายไปเป็นเช่นดังเงา
เหมือนมืดมนหมองมัวสลัวค่ำ คนชอกช้ำหลบหลี้เหมือนหนีเหงา
ดุจอาทิตย์มิดมืดหม่นไม่บางเบา โอ้ใจเราเฉาเหี่ยวไม่เพรียวแพรว
ว่าจะคอยแสงอรุณรุ่งเช้าใหม่ แต่หัวใจข้ามอดบอดเสียแล้ว
ตะวันสาดแสงจ้าว่าวาวแวว คนใจแป้วไม่เก่งกล้าท้าตะวัน...