บันทึกความเหงา(1) จาก:เมืองแพร่ 27 ส.ค. 50 ท้องฟ้าที่ยังคงฉ่ำฝน..หลังจากฝนกระหน่ำอย่างหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา.... สายน้ำในแม่น้ำยมตรงช่วงตำบลปากกาง อำเภอลอง..จังหวัดแพร่..วันนี้สีแดงด้วยฝุ่นโคลนดั่งสีของน้ำชาใส่นมแต่กลับถาโถมไหลเชี่ยวกราก..กวาดล้างหญ้าและต้นไม่เล็กๆที่งอกอยู่สองฟากฝั่งของแม่น้ำอย่างไร้ความปราณี.. หลายวัน....นานนับสองอาทิตย์ที่ฝนทะยอยตกในถิ่นแถบนี้...ค่อยเติมน้ำลงแม่น้ำยมสูงขึ้นทุกวัน..ภูเขาที่เตียนโล่งสองด้วยอิทธิพลของราคาข้าวโพดที่พุ่งสูงถึงกิโลฯละ 7 บาทของปีที่ผ่านมาและกระแสความร่ำรวยจากยางพารา..โหมกระหน่ำจนเกษตรกรเกิดความโลภอย่างถึงที่สุด..เครื่องเลื่อย..รถไถ..ถูกขนขึ้นภูเขา..วันแล้ววันเล่าจนไม่เหลือแม้แต่ต้นไม้ที่เคยเป็นอาหารและหยูกยา.... พวกเขาโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เติบโตมานานหลายปีลงภายในพริบตา..แล้วปลูกข้าวโพดต้นเท่านิ้วมือ..และหวังร่ำรวยด้วยเวลาเพียงข้ามปี...สาธุ..กับความคิด..และแวบหนึ่งของความสงสารเกษตรกรเหล่านั้นและสงสารประเทศไทย..ที่กำลังพัฒนาผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ให้เป็นทะเลทราย.. สองมือของฉันยังคงบวมและช้ำจากการโหมปลูกต้นไม้ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา..ขณะยืนดูน้ำในแม่น้ำแล้วเงยหน้ามองภูเขาหัวโล้นที่ไกลตาออกไป...บางวูบแห่งอารมณ์ก็อดสะใจไม่ได้เมื่อเกิดกรณีดินถล่ม....ปกติธรรมชาติคือผู้ให้..แต่เมื่อมนุษย์ไม่รู้จักเพียงพอก็สมควรที่จะถูกธรรมชาติลงโทษบ้าง...ไยคนต้องรอให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียผ่านน้ำตาก่อนถึงจะได้เริ่มแก้ไข....และมักจะสายเสมอ เสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนตำบลปากกาง ร้องบอกว่าชาวบ้านดักปลากกดคังขนาดใหญ่ได้จากแม่น้ำ..เขาเสนอขายปลากดคังราคา ก.ก.ละ 100 บาท..ปลาตัวนั้นหนัก 11 กิโลกรัม รวมแล้วราคา 1,100 บาท..ฉันเดินไปดู..ปลาใหญ่ตัวนี้.มีลูกตาที่ฝ้ามัว.. เข้าใจว่าอาจจะโดนฝุ่นโคลนในน้ำก็เป็นได้..หรือเป็นเพราะฉันตาฝาดก็ไม่รู้...ได้แต่คิดในใจ..หากเขาช่วยกันรักษาแม่น้ำ..รักษาป่า..พวกเขาอาจจะมีปลาให้กินมากกว่านี้..เพราะปลาราคาตัวละพันกว่าบาทซึ่งต้องใช้ข้าวโพดถึง 200 กิโลกรัมกว่าจึงจะพอ.. วันนี้ออกจากหมู่บ้านตอนบ่ายสามโมง..ตอนแรกกะว่าจะเดินทางเข้าเมืองน่านแต่ลูกน้องบอกว่าพื้นที่ๆจะลงพรุ่งนี้อยู่ตรงรอบต่อระหว่างจังหวัดแพร่กับน่านที่อำเภอร้องกวาง..แพร่..กับ..อำเภอเวียงสา..น่าน ดังนั้นน่าจะนอนที่แพร่ต่อ.เช้าค่อยเดินทางลงพื้นที่.. เมื่อเดินทางระยะสั้นๆไม่เร่งรีบ..ก็ถือโอกาสแวะที่บ้านนาตุ้ม..ต.บ่อเหล็กลอง..เพื่อเยี่ยมเยือนผู้ใหญ่จืด.เพราะนานแล้วที่ไม่ได้พบปะกัน .แต่เจตนานาแฝงของฉันอยู่ที่หมอนวดของหมู่บ้านนี้..ซึ่งเป็นหมอนวดที่เพิ่งเรียนรู้(ฝึกหัด)..และเพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการขับรถทางไกล...การนวดน้ำมันสักชั่วโมงช่วยให้สดชื่นขึ้นมาก.. เงินร้อยบาท..สำหรับสุขภาพของตัวเอง...ไม่แพงหรอก..ที่สำคัญหมอนวดเหล่านั้นอยู่ในช่วงเรียนรู้และพัฒนาฝีมือตัวเอง..การตั้งใจไปหา....คือการให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพวกเขาที่จะต้องพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆอย่าหยุดยั้ง..ด้วยความหวังลึกๆว่าพวกเขา 4-5 คนคือผู้ดูแลสุขภาพของชาวบ้านในชุมชน... ขณะนอนนวด..มีชาวบ้านสองสามคนนำเห็ดเผาะมาขายที่บ้านผู้ใหญ่บ้านในราคาลิตรละ 70 บาท..ฉันถามผู้ใหญ่บ้านว่าใครทำเห็ดเผาะกินอร่อยบ้าง....ตกลงเย็นนี้ตัดสินใจกินข้าวเย็นที่หมู่บ้านมื้อหนึ่ง..พอเวลาใกล้อาหารมีชาวบ้านนำกับข้าวมาร่วมวงอีกสี่ห้าคน..นับว่าครึกครื้นมาก.. ประมาณ 90 เปอร์เซนต์ของอาหารมื้อนี้ล้วนมาจากป่าจากธรรมชาติทั้งสิ้น..แกงเห็ด... แกงปลา..แกงกบ..ปู ..อึ่ง..ผักนึ่ง..สารพัดผักที่ออกในหน้าฝน .....ฮืม..คั๊ดท่อง (สำนวนของ ตามล ..น้องจากลำปาง..คั๊ดท้อง....อิ่มมากจนแน่นท้อง) สิ้นอาหาร..หมดนิทานแห่งความคิดถึง...จึงรำลาจากกันตอนสองทุ่ม..ขับรถมาตามเส้นทางคดเคี้ยวในภูเขากลับเข้าเมืองด้วยความสุขใจ...คืนนี้ฉันนอนที่ โรงแรมภูมิไทการ์เด้น..ห้อง103
2 พฤศจิกายน 2550 18:24 น. - comment id 98226
เขียนได้ดีมากมาก อ่านเพลินเหมือนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่และธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป หากไม่เข้าใจไม่หยุดยั้งการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ ธรรมชาติย่อมจะให้ผลสะท้อนตอบแทนอย่างสาสม เป็นการปรับสมดุลของโลกอย่างหนึ่ง
15 ธันวาคม 2550 17:33 น. - comment id 98641
เยี่ยมมากๆๆ เป็นนักวิชาการ ด้านเทคโนโลยี ไม่น่าเชื่อยังเก่งในด้านการประพันธ์ บทกวีได้เก่งมากๆๆ
7 พฤศจิกายน 2551 20:27 น. - comment id 102319
เดินทางคนเดียวระวังตัวเองด้วยนะคะ เศษดินที่อยู่ตรงนี้เป็นห่วงเสมอ