ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ฉันมองเห็นสายตาของเขาที่แลเลยไปยังด้านหลังของฉัน ตาเขาเบิกกว้างคล้ายดีใจกับสิ่งที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า เขายิ้ม..จนฉันแปลกใจ กำลังจะหันมองตามสายตาของเขา..พลันก็มีมือหนาหนักตะปบลงมาที่บ่าฉัน ฉันสะดุ้งสุดตัว หันมองตามมือที่วางบนบ่า..แล้วฉันก็กรีดร้องเบาๆด้วยความรู้สึกทั้งตื่นเต้น ตกใจ และก็ดีใจ ใช่ค่ะ เซอร์ไพรส์ที่เขาบอก มาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว เจ้าของมือที่วางบนบ่าฉันตอนนี้ ก็คือ เพื่อนรักที่สุดของฉันนั่นเอง เราไม่เจอกันเป็นเวลาหลายปีแล้วแต่ ยังคงมีการพูดคุยผ่านทางสายโทรศัพท์บ้าง เราแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย หลังจากที่เรียนจบ และแยกย้ายกันไปทำงาน เพื่อนฉันได้งานทำที่จังหวัดใหญ่ ทางภาคอีสาน ส่วนฉันเป็นประชาชนคนกรุงเทพนับแต่เรียนจบ เพื่อนฉัน มาพร้อมกับเพื่อนสนิทของเขา....เราทักทายกันเสียงดัง แทบไม่มีใครฟังใคร ความดีใจของเราทั้งคู่ทำให้แขกในร้าน โต๊ะข้างๆต่างอมยิ้มไปด้วย พวกเราพูดคุยกันอย่างออกรส...หลังจากที่เขาและเพื่อนของเขาปล่อยให้ฉันทักทาย พูดคุยกับเพื่อนของฉันอย่างเต็มที่ไปแล้วเรื่องที่เรานำมาพูดคุย หยอกล้อ หนีไม่พ้นเรื่องสมัยเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องครู และวีรกรรมสุดแสบ (อย่างหลังนี่ เป็นเรื่องฉันคนเดียวเท่านั้นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนอย่างเขา กับเพื่อนของฉัน คงไม่ทำเรื่องแบบนี้เป็นแน่)..เรามีเรื่องมากมายมาเล่าสู่กันฟัง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่มีสิ่งใดมาดึงความสนใจจากเราไปได้ แม้แต่อาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะมากมายหลายจานที่เราสั่งมา ก็กลับไม่มีคนแตะ ราวกับจะไม่ยอมเสียเวลาที่มีค่าแม้ซักวินาทีเดียวเพื่อการนั้น หลายครั้ง ที่เสียงของฉันกับเขาเงียบไป..(ขณะที่เพื่อนฉันกับเพื่อนเขาสนทนา)...เราแอบสบตากันเงียบๆ เราอ่านความรู้สึกของเราทั้งคู่จากสายตาแค่เขามองฉันนิ่งๆ ฉันกลับรู้ความหมายทั้งหมด..ฉันรู้ว่าเขากำลังพูดอะไร และเขากำลังจะบอกอะไรกับฉัน ฉันเห็นตัวฉันในเงาตาของเขา ฉันเห็นหัวใจของฉัน อยู่ในหัวใจของเขา ฉันเห็นสายตาเขาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความอาทรเหมือนเดิม ฉันเห็นตาคู่เดิมที่มองมายังฉันไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่เดือน กี่ปี ก็ยังไม่เปลี่ยน ฉันได้ยินเขาขอโทษ เขาเสียใจ เขารู้สึกผิด ฉันเห็นความห่วงหา อาวรณ์..ฉันเห็นทุกอย่าง ฉันรับรู้สิ่งที่เขาอยากจะบอกฉันทั้งหมดแล้ว....โอ้ว....ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่า เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย..พลันที่หัวใจฉันรับรู้อย่างนี้แล้ว...ความรู้สึกที่อยู่ในใจฉันเป็นเวลานานหลายปี เหมือนถูกปลดปล่อยไปด้วยเช่นกัน....ฉันไม่ต้องทนทรมานกับความเสียใจ กับความผิดหวังใดๆอีกแล้ว เพราะไม่ว่าชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือเขาจะมีใครคอยอยู่เคียงข้างเขาก็ตาม...ฉันยังพบว่าฉันยังคงอยู่ในใจเขาเสมอ เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้...เราก็ควรทำชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุด...ฉันจะต้องทุกข์ใจไปอีกทำไม ในเมื่อความรักของเขายังคงอุ่นอวลในใจฉัน จริงๆแล้ว มันอยู่ในใจฉันตลอดมา แต่เพราะมันถูกบดบังด้วยทิฐิ ด้วยความเขลา จึงทำให้ฉันมองไม่เห็น วันนี้สายตาของเขาได้ทำให้ทิฐิ และความเขลาของฉันหายไป..ฉันรู้สึกโล่ง เบาสบาย...หัวใจฉันเบาแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน.... -ฉันมองเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง ถือกระเป๋าให้หนุ่มน้อยขี้อาย ที่มีรอยยิ้มแทนคำขอบคุณในรถประจำทางสายที่เคยคุ้น -ฉันเห็นภาพเขากับฉันนั่งคุยกันที่ศาลาริมน้ำหน้าอำเภอทุกเย็นในช่วงปิดเทอม -ฉันเห็นภาพเขายืนบนรถไฟทั้งคืน(ตั๋วที่นั่งเต็ม) เพือมาหาฉันที่เชียงใหม่ในช่วงเทศกาล -ฉันเห็นเขาปั่นจักรยานจากหอพักหน้าม.เกษตรเพื่อมาซื้ออาหารโปรดที่ฉันอยากทานที่สามแยกเกษตร -ฉันเห็นภาพเขาจูงมือฉันฝ่าผู้คนนับพันเพื่อไปมุงดูผลสอบเอ็นทรานซ์ของฉันที่สนามจุ๊บ -ฉันเห็นรอยยิ้มกว้าง เสียงหัวเราะดีใจ สายตาภาคภูมิใจของเขาที่มองฉัน หลังจากมีชื่อฉันในบอร์ด -ฉันเห็นภาพเขาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองฉัน พาฉันไปรายงานตัวและตรวจสุขภาพที่สนามศุภฯ -ฉันเห็นภาพเขายืนกุมแผลที่เพิ่งผ่าตัดใหม่ๆเพื่อมาหาฉันที่บางกะปิ -ฉันเห็นภาพ ฉันปีนขึ้นไปเหยียบบนบ่าเขา เพื่อได้ชมนักร้องคนโปรดในคอนเสิร์ตโลกดนตรี -ฉันเห็นภาพนั่งมอเตอร์ไซด์ฝ่าสายฝนเพื่อกลับบ้าน (ในขณะที่ฉันนั่งรถที่ที่บ้านส่งมารับฉันที่ท่ารถประจำทางเรานั่งรถทัวร์จากกรุงเทพกลับบ้านพร้อมกัน รถมาถึงตัวจังหวัด เราต้องต่อรถเข้าบ้านอีก แต่เพราะฉันอยากทานอาหารแพงๆในขณะที่เราทั้งคู่ มีเงินแค่พอเป็นค่ารถกลับบ้าน แต่เขาก็ตามใจฉัน ซื้ออาหารให้ฉันทาน โดยที่เขาเสียสละไม่ทาน ทำให้เราไม่มีค่ารถพอที่จะต่อรถกลับบ้าน ฉันโทรศัพท์ให้รถที่บ้านมารับ เขาอยุ่รอจนรถที่บ้านมารับฉัน ฉันไม่กล้าให้เขานั่งรถไปด้วย เพราะกลัวแม่รู้ว่าเรามาด้วยกัน เขาจึงต้องเหมามอเตอร์ไซด์กลับบ้านเอง ในขณะที่ฝนตก) ฉันแนบหน้ามองเขาจากกระจก เขาโบกมือ และมีแก่ใจยิ้มให้ฉัน ทั้งๆที่ฉันเองที่ทำให้เขาลำบากขนาดนี้.... ฯลฯ ผู้ชายคนนี้ ทำทุกอย่างให้ฉัน อย่างที่ไม่มีใครคนไหนทำได้....ผู้ชายคนนี้ได้ให้ความรัก ความอบอุ่น เข้าใจ ห่วงใยเด็กผู้หญิงบ้านแตกคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโต เราผ่านคืนวันทั้งที่เลวร้าย และแสนสุขมาด้วยกัน....เรามีสายใยบางเบา แต่แน่นเหนียวที่เชื่อมหัวใจสองดวงของเราให้อยู่คู่กันจนเหมือนว่า ไม่มีใครจะพรากเราจากกันได้....แม้ใครจะพรากเขาไปจากฉัน แต่เขาก็ได้ไปเพียงกาย...เพราะหัวใจของเขา อยู่ที่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงตอนนี้ ฉันนึกถึงคำพูดของเพื่อนฉัน ที่แม่เธอเป็นเพื่อนกับแม่เขา หลังจากรู้ข่าวว่าเขาจะแต่งงาน เพื่อนโทรมาหาฉันด้วยความห่วงใย เพื่อนบอกฉันว่างานแต่งงานครั้งนี้ จัดขึ้นเพราะผู้ใหญ่..เขาไม่ได้เต็มใจ แต่ขัดแม่ไม่ได้...ฉันเถียงเพื่อนไปว่า ยุคนี้แล้วนะ คงไม่คลุมถุงชนกันได้ง่ายๆหรอก ถ้าเขาไม่ตกลงแม่จะบังคับได้อย่างไร ฉันไม่เชื่อที่เพื่อนบอก แต่อย่างไรก็ขอบคุณที่เพื่อนเป็นห่วงและหวังดีกับฉัน ฉันยังจำได้ เมื่อต้นปีช่างเสริมสวยข้างบ้านที่เป็นรุ่นพี่ฉัน เล่าให้ฟังว่า เพื่อนเธอ (เป็นภรรยาของเขา) บ่นให้ฟังว่า ชีวิตแต่งงานไม่มีความสุข เขาเป็นแฟมิลี่แมน ใครเห็นก็ชม ว่าครอบครัวนี้ดี ดูอบอุ่น ไปไหนไปด้วยกันตลอด แต่ไม่มีใครรู้หรอกนะ..ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร...เหมือนเขาพยายามทำหน้าที่ของเขาให้สมบูรณ์ แต่เขาไร้หัวใจ..หลายครั้งที่เห็นเขาชอบปลีกตัวไปนั่งเงียบๆคนเดียว เหมือนคิดอะไรอยู่ การพุดคุยกันในบ้านน้อยลง ตั้งแต่แต่งงานกันมาไม่เคยเห็นเขาร่าเริง ไม่มีการหยอกล้อ ไม่สวีท ถามคำ ตอบคำ...เพื่อนเขามาที่บ้าน ยังพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ (หมายถึงฉัน) ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีหรอทำไมพี่เขาไม่ลืม....." เธอคงไม่รู้หรอก ว่าฉันไม่ใช่แค่แฟนเก่า..แต่เรามีความหมายต่อกันและกันมากกว่านั้น...เราเป็นเลือดเนื้อ เป็นจิตวิญญาณของกันและกันต่างหาก ขณะที่คุยกัน หลายครั้งที่เพื่อนเขาถาม แต่เขาพยักหน้าให้ฉันตอบแทน ซึ่งฉันก็ตอบแทนเขาได้หมด ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร หรืออยากพูดอะไรออกไป ฉันมักรู้เท่าทันความคิดเขาเสมอ....จนเพื่อนเขาออกปากว่า....เสียดายว่ะ กูเสียดายจริงๆ..ทำไมไม่ใช่คนนี้วะ..มันผิดฝาผิดตัวไปหน่อยนะ ช่วงที่เขาออกไปเลื่อนรถ..เพื่อนเขาบอกฉันว่า "พี่เคยได้ยินชื่อนี้(หมายถึงฉัน) มาเกือบ 20 ปีแล้วนะ ไม่คิดว่าจะได้มาเจอ และก็แปลกนะที่พี่ก็ไม่ลืมชื่อนี้เหมือนกัน มันโทรมาบอกพี่ว่าจะมาหาเพื่อนที่กรุงเทพ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรา...มันไม่เคยลืมเราเลยนะ พี่เห็นมันเจอกับเราวันนี้ก็รู้แล้ว...ไม่เคยเห็นมันมีความสุขมีชีวิตชีวาแบบนี้มานานแล้วนะ... ..เฮ้อ...ไม่น่าเลยไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย คนสองคนรักกันขนาดนี้..แต่ทำไม.... ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้แล้วว่า ความรักที่แท้จริง อาจไม่ใช่การได้ครอบครอง...ที่ใดมีรัก ที่นั่นก็มีความสุขได้เสมอ ถ้าเราจะรุ้จักรักให้เป็น ฉันบอก..ฉันไม่คิดอะไรแล้ว วันนี้ควรเป็นวันที่เราทุกคนมีความสุขฉันได้เจอเพื่อน เจอพี่ ร่วมรำลึกอดีตสนุกๆด้วยกัน ก็แฮปปี้แล้วล่ะ...เราไม่สนใจเวลาที่เดินไปแต่ละนาทีจนมารู้สึกตัวว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้ว ก็ต่อเมื่อพบว่าเหลือเราเป็นโต๊ะสุดท้ายในร้าน พนักงานเก็บโต๊ะอื่นๆจนหมดแล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่าพวกเราควรแยกจากกันเสียที เขาเดินมาส่งฉันที่รถ ไม่มีคำอำลาใดๆเหมือนเช่นเคย ฉันเห็นเขายื่นมือมาเพื่อจะจับมือฉัน แล้วเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาชักมือกลับ สายตาของเขาที่ทอดมองมายังฉันบอกถึงความอาลัยอาวรณ์ ฉันก็คงมีสายตาแบบนั้นให้เขาเช่นกัน แต่...เรารู้ว่าเราควรทำอย่างไร และเรามีขอบเขตแค่ไหน...เราไม่เคยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและความถูกต้องประโยคสุดท้ายที่เรากล่าวขึ้นเกือบจะพร้อมๆกัน..."ขับรถดีๆนะ" ฉันขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข ฮัมเพลงโปรดคลอกับเสียงร้องที่ดังมาจากเครื่องเล่นเทปภายในรถ ...wherever you go ..whatever you do ...i'll be right here waitng for you.... เผลอมองตัวเองในกระจก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง แววตาสุกใสที่บ่งบอกถึงความสุขอย่างล้นเปี่ยม..ฉันอิจฉาผู้หญิงในกระจกคนนั้นจัง อะไรน๊อที่ทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนี้ ราวกับว่าโลกทั้งใบได้อยู่ในกำมือเธอไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ก่อนเลี้ยวรถเข้าบ้าน ฉันได้รับโทรศัพท์จากเขา ถามฉันด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า "ถึงบ้านหรือยัง เรียบร้อยดีมั้ย" เขาเป็นห่วงฉัน ทั้งๆที่เขายังขับรถอีกไกลกว่าจะถึงอยุธยาหัวใจฉันเต็มตื้นขึ้นมาอีกครั้ง...จะนานแค่ไหน..เขาก็ยังเหมือนเดิม ขอบคุณเบื้องบนที่ส่งเขามาให้ฉันได้รัก ขอบคุณความรักของเขาที่ทำให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ ขอบคุณโลกหมุนวน ที่ทำให้ฉันและเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ขอบคุณใครก็ตามที่ลิขิตให้เราทั้งสองได้มาเจอกัน และมีวันเวลาที่ดีร่วมกัน ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆค่ะ.... จบบริบูรณ์
14 กันยายน 2550 16:15 น. - comment id 97595
เอ๋า คิดว่าจะคู่กัน แต่แบบนี้สุขยิ่งกว่าเพราะมันคือความสุขที่ไม่ต้องครอบครอง จิงมั้ย (ดีใจจังค่ะ รอมานาน อิอิ เปิดเข้ามาก็พอดีกะพี่โพสต์เข้ามาเลยอ่า ตรงกานเลย อิอิอิ)
14 กันยายน 2550 22:13 น. - comment id 97601
อา. . . .ถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้นนนนนน . . . ฮิ๊ววว ดีจัง เอาใจช่วยให้พี่สาวมีความรักดี ดี อีกครั้งหนึ่งค่ะ
14 กันยายน 2550 22:26 น. - comment id 97602
น้องโฟร์ทจ๋า...กระพือมะไหวอ่ะค่ะ..ให้มานเป็นไฟมอดเชื้อไปน่ะ ดีแล้ว..พี่ขอแค่เก็บรักดีๆ ไว้ในใจก็พอ (อาจจะดูเป็นนางเอกไปนิดนึงนะคะ..อิอิ) ขอบคุณที่ลุ้นนะคะ
14 กันยายน 2550 22:29 น. - comment id 97603
ขอบคุณค่ะ น้องรักเดียว ถ้ารู้ว่ามีใครรอคอยอ่านงานของเราอย่างใจจดจ่อแบบนี้ คงไม่ทิ้งช่วงนานขนาดนี้หรอกค่ะ..ขอโทษนะคะ ที่ทำให้รอนานไปหน่อย (แหะๆๆ นักเขียนมือสมัครเล่นก็เงี้ย จะเขียนได้ต้องรอมีอารมณ์อยากจะเขียนซะก่อน..เขียนแบบสั่งได้ ทำมะเป็นอ่ะค่ะ..อิอิ) หวังว่า เรื่องหน้าคงติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ
17 กันยายน 2550 10:30 น. - comment id 97612
จริงอย่างที่คุณคิดค่ะ แค่รับรู้ความเป็นไปและห่วงใยเขาอยู่ห่างๆ ก็เพียงพอ
17 กันยายน 2550 18:58 น. - comment id 97617
ขอบคุณค่ะ คุณจันทร์กะพ้อ แต่กว่าจะบ่มเพาะตะกอนความคิดได้ขนาดนี้ ก็ผ่านความรู้สึกผิดหวัง เจ็บปวดมานานนับปี..วันและเวลาสอนให้คนเข้มแข็งขึ้น มีภูมิต้านทานมากขึ้น และที่สุดก็สามารถมองโลกได้กว้างขวางกว่าเดิม..เชื่อเช่นนั้นค่ะ
18 กันยายน 2550 11:36 น. - comment id 97624
สู้ สู้ ! เป็นกำลังใจให้ค่ะ
18 กันยายน 2550 16:49 น. - comment id 97629
ดีใจกับความสมหวังของเทอด้วยก้อแล้วกันนะ และขอห้เปงอย่างนี้ตลอดปาย
18 กันยายน 2550 21:29 น. - comment id 97641
คุณแพ้ไม่เป็นขา..ไม่ได้สมหวังเลยค่ะ เค้าก็ยังคงอยู่กับคนอื่น ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง..เส้นทางของเราไม่มีวันบรรจบกัน..สิ่งที่เหลือไว้ให้นึกถึง คือความรักที่งดงามของเรา แค่นั้นเองค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
22 กันยายน 2550 01:12 น. - comment id 97691
จงขอบคุณที่ได้ค้นหาหัวใจตัวเองเจอ
22 กันยายน 2550 22:31 น. - comment id 97703
นี่แหละคือรักแท้ มันบริสุทธิ์เหลือเกิน มีค่ายิ่งกว่าคำพูดและการกระทำใดๆ เวลาเท่านั้นที่พิสูจน์ รัก
23 กันยายน 2550 20:41 น. - comment id 97707
ขอบคุณคุณกระปุกน้อยกับคุณรอยทาง สำหรับกำลังใจดีๆนะคะ
8 ตุลาคม 2550 13:27 น. - comment id 97865
ซึ้งมากค่ะ เป็นความรู้สึกที่ดีมากค่ะ
15 กุมภาพันธ์ 2551 11:34 น. - comment id 99040
พี่ยังดีนะคะ ที่ได้กลับมาพบกันอีก แต่หนูซิคะไม่ได้ยินแม้แต่เสียง โทรไปเค้าก็ไม่อยากคุยด้วย เศร้ามากเลยค่ะ
26 มีนาคม 2551 12:08 น. - comment id 99706
น้องกุ้งคะ ความรักของเรายังคงอยู่ ในขณะที่ของอีกคนได้จืดจางไปแล้ว มักจะเศร้าอย่างนี้เสมอค่ะ..ไม่เป็นไรนะคะ เรายังมีช่วงเวลาดีๆกับเค้าเก็บไว้อยู่ในใจ สุขใจเมื่อได้คิดถึง ก็มีค่ามากมายแล้วค่ะ....เป็นกำลังใจให้นะคะ