เป็นเช้าที่ฉันยังไม่ลุกจากที่นอน...การทำงานอย่างดึกดื่นของคืนก่อน ทำให้ฉันอยากตื่นสายกว่าปกติ ฉันถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะเล็กข้างเตียงนอน รับสายอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก...นึกไม่พอใจคนโทรว่าช่างรบกวนกันได้แต่เช้า กรอกเสียงไปอย่างเสียไม่ได้ น้ำเสียงงัวเงีย หงุดหงิดของฉัน ทำให้คนปลายสายอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนพูดว่า "...เปิดรายการจมูกมด ช่อง7 ซิ พี่อ๊อด คีรีบูนของเรามาแน่ะ พี่จำได้ว่าเราชอบพี่อ๊อดมากนี่"....น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย เบอร์โทรที่ไม่คุ้นตา ไม่ทำให้ฉันแปลกใจได้เท่า เจ้าของเสียงที่โทรมานี้ เป็นใคร....คนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของฉันขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อนเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานแน่ๆ ต้องเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม..แต่ถ้าเพื่อน ก็จะไม่แทนตัวว่าพี่...เขาคือใคร...ใครที่รู้เรื่องของฉันดีขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่สนิทกับฉันมากๆๆแน่ ฉันถามว่าเขาเป็นใคร ...แต่เขาไม่ตอบ ยังชวนฉันคุยไปเรื่อยๆ...ฉันไม่กล้าคุยด้วยมาก เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นใคร....เขาบอกว่าฉันเปลี่ยนไป น้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูพูดจาเป็นงานเป็นการ เด็กร่าเริง ขี้เล่น ที่พี่รู้จักหายไปไหน...เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบหัวใจฉันกระตุกวูบ...ใจเต้นแรงแทบนับจังหวะไม่ทัน..เป็นสัญญาณว่าความรู้สึกตื่นเต้นของฉันมาถึงขีดสุดแล้ว...ใช่...เขา....เขาจริงๆค่ะ... น้ำเสียงเขาแปลกไปจากเสียงที่ฉันเคยคุ้น แต่คนที่พูดแบบนี้กับฉัน ก็ไม่มีใคร นอกจากเขา ฉันทั้งแน่ใจ และไม่แน่ใจ ว่าจะใช่เขา ความคิดสับสน ขัดแย้งกันไปมา เขาโทรมาได้อย่างไร ทำไมเขาถึงโทรมา..ทุกคำถามวนเวียนอยู่ในใจฉัน..แปลกที่ฉันกลับพูดไม่ออก อยากถาม แต่ก็ถามไม่ออก เหมือนเขาได้ยินเสียงคำถามในหัวใจฉัน...เขาตอบ ทุกคำถามโดยที่ไม่ได้ยินเสียงฉันถามซักคำ เมื่อเขาพูด ทุกอย่างจึงกระจ่าง...ใช่ค่ะ....คือเขาจริงๆ 13 ปีที่ผ่าน น้ำเสียงเขาเปลี่ยน จนฉันจำแทบไม่ได้ นอกจากน้ำสียงแล้ว เขาจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างอีกมั๊ยน๊อ...แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งแน่ใจในวันนี้ ว่าเขาไม่มีวันเปลี่ยน ก็คือ ฉันยังคงอยู่ในใจเขาเสมอ..การกระทำของเขาวันนี้ พิสูจน์ได้ดีค่ะ (ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไปหรอกนะคะ) เขาบอกว่า ที่ทำงานของเขา เปิดรายการนี้พอดี เขาเห็นพี่อ๊อดมาออกรายการ จำได้ว่าฉันชอบ เขาเลยรีบโทรมาบอก เขาได้เบอร์โทรฉันจากเพื่อนสนิทของฉันมานานแล้ว คิดอยู่หลายครั้งว่าควรโทรหรือไม่โทรดี หลายครั้งที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์แล้วก็วางสาย พอวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำว่าจะโทรดีหรือไม่ เห็นรายการแล้ว กดโทรศัพท์หาฉันทันที (ทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่าฉันชอบพี่อ๊อดมากแค่ไหน...เมื่อตอนฉันเรียนมัธยมต้น วงคีรีบูน มาทำการแสดงที่งานประจำจังหวัดบ้านฉัน เมื่อทางวงประกาศหน้าไมค์ ขออาสาสมัครผู้หญิงร้องเพลงคู่กับพี่อ๊อด ฉันเป็นคนแรกที่กระโดดขึ้นบนเวที โดยมีเพื่อนทั้งกลุ่มช่วยกันดันขึ้น(เวทีสูงมาก) คืนนั้นฉันได้กุหลาบแดงจากพี่อ๊อด 1 ดอก ปลื้มไปหลายปี หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้น ไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้จักฉัน (ดังชั่วข้ามคืน...ทำไปได้) ตอนมัธยมปลาย เมื่อปิดเทอม ฉันลงมาหาเขาที่กรุงเทพ เพื่อจะกลับบ้านพร้อมกัน ฉันมาหาเขาพร้อมผลสอบได้ที่ 1 ของฉัน เขาให้รางวัลฉัน โดยพาฉันนั่งแท๊กซี่ไปหาพี่อ๊อดถึงบ้าน...ปลื้มจริงๆ) เราคุยกันไม่นานนัก..ต่างคนต่างขัดเขิน เราไม่รู้ว่าเราควรพูดคุยกันได้อย่างไร แค่ไหน..คนที่ไม่ได้ติดต่อกันถึง 13ปี ด้วยเหตุผลความจำเป็นบางอย่างที่เราต่างก็กระอักกระอ่วนใจที่จะพูดถึง แล้วมาวันหนึ่ง เรากลับมาคุยกันอีกครั้ง จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ การพูดคุยสนิทสนมแบบก่อน ก็คงไม่ใช่ วันเวลาเปลี่ยน ชีวิตคนก็เปลี่ยน เราห่างเหินกันมานาน จนแทบเรียกว่ากลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันก็ว่าได้ แต่.....เขาก็กลับมา...ด้วยสายใย ด้วยความผูกพัน..ฉันรู้จักวงคีรีบูนตั้งแต่ปี 2527 เขารู้ว่าฉันชอบวงดนตรีวงนี้มาก..นี่ปี2550 เวลาผ่านมาถึง 23 ปี เขายังคงจำได้ว่าฉันชอบพี่อ๊อด วงคีรีบูน คุณจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร....ถ้าจะบอกว่า เขาไม่เคยลืม เขาไม่เคยลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉัน...เขามีเบอร์โทรของฉันอยู่ในมือมานานมาก แต่เขาก็หักห้ามใจที่จะไม่โทรหาฉัน แต่มาวันนี้ แค่เพียงเขาเจอพี่อ๊อด คีรีบูนนจอทีวี เขารีบโทรหาฉันโดยไม่รั้งรอ ฉันรีบเขียนเมล์ไปยังรายการจมูกมด ขอบคุณรายการที่ทำให้ฉันได้มีวันดีๆอย่างนี้อีกครั้ง...ขอบคุณเขา ที่ยังมีฉันในความทรงจำ... คงไม่ต้องบอกว่าฉันดีใจ ปลาบปลื้ม และซาบซึ้งใจแค่ไหน ที่เขายังจำทุกรายละเอียดของฉันได้ แม้กาลเวลาจะผ่านเนิ่นนานแค่ไหน...แต่นั่น ก็เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านมาเพียงชั่วครู่ ให้ฉันรู้สึกเย็นใจชั่วขณะเท่านั้น แล้วมันก็จะผ่านไป ฉันไม่หวังอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว...แค่วันนี้ที่ได้ยินเสียงเขา ได้สัมผัสความอาทรอบอุ่นของเขาที่มีต่อฉัน..ก็เป็นความสุขใจในชีวิตอย่างที่สุดแล้วล่ะค่ะ แต่เหมือนเบื้องบน ต้องการทดสอบความเข็มแข็งในจิตใจของฉันอีกครั้ง...เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันได้รับโทรศัพท์จากเขา....เขาโทรมาบอกว่า เขามาสัมมนาที่อยุธยา เขาอยากมาทานอาหารเย็นกับฉัน..เขาจะขับรถมาหาฉันที่กรุงเทพ...แม้จะดีใจที่เขาอยากเจอ..แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เตือนว่า ฉันไม่ควรเจอกับเขาอีก..สถานภาพของเขาเปลี่ยนไป...อะไรๆมันไม่เหมือนเดิม แล้วฉันจะให้คำตอบเขาอย่างไรดี...ทำตามใจตัวเอง หรือทำตามความถูกต้อง ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอย่างไหนกันคะ
29 สิงหาคม 2550 12:16 น. - comment id 97388
แนะนำให้ทำตามความถูกต้อง คิดเสียว่าขณะนี้เรารู้สึกสดชื่นเพราะมีสายลมที่บริสุทธิ์โชยมาปะทะ มาแล้วให้ผ่านไป เก็บความรู้สึกดีสดชื่นไว้ในใจ ขอให้อยู่บนโลกความจริง ยึดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่าทำความดีละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
29 สิงหาคม 2550 21:24 น. - comment id 97396
โกหกอะไรก็โกหกได้ โกหกหัวใจตัวเอง. . . .ช่างยากนัก
29 สิงหาคม 2550 23:50 น. - comment id 97401
โอกาสไม่ได้ผ่านมาบ่อยนัก จงเก็บรักษาและอย่าให้มันผ่านไปอย่างไร้ความหมาย... แต่จงยืนหยัดบนหลักของความเป็นจริง..
30 สิงหาคม 2550 11:26 น. - comment id 97407
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ...แต่ฉันได้เลือกแล้ว ได้ทั้งสุขใจ และความถูกต้องค่ะ..ติดตามได้ในตอนหน้าค่ะ
30 สิงหาคม 2550 11:49 น. - comment id 97408
ช่วยต่อให้จบไวไวด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
30 สิงหาคม 2550 13:44 น. - comment id 97411
บางครั้งคนเราก็เลือกยากนะด้านหนึ่งคือความถูกต้องอีกด้านหนึ่งคือความสุขที่หาไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็อยากให้เลือกความสุขนะเพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีโอกาสดีๆอีกไหมแต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ....นะ
31 สิงหาคม 2550 17:39 น. - comment id 97415
คนเราแม้สถานภาพเปลี่ยนไป แต่ความเป็นเพื่อนและความรู้สึกที่ดี ดี ยังมีต่อกัน คุณโชคดีมากที่กลับมาเจอเขาอีกครั้งและความรู้สึกเดิมยังมีอยู่ ทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะ คนเราไม่ได้แฟนกันก็เป็นกันได้มิใช่หรือ เขาจะเป็นพี่ชายที่แสนดีเมื่อคุณมีปัญหาคุณอาจจะคิดถึงเขาคนแรกที่จะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้นะ อยากจะบอกคุณว่าฉันก็มีเหตุการณ์แบบเดียวกับคุณที่แหละ ไม่ได้เจอกัน 11 ปี วันหนึ่งมีใครคนหนึ่งโทร.มาหา ดีใจมาก คิดถึงวันเก่า ๆ ที่เราเคยรักกัน และปัจจุบันเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และมีปัญหาก็ปรึกษากัน ดีกว่าเป็นแฟนกันเยอะเลย ขอให้คุณรักษามิตรภาพที่ดีอันนี้ไว้นะ และดีใจด้วยที่คุณจะได้มีพี่ชายที่แสนดีคอยห่วงใยน้องสาวที่น่ารักคนนี้
31 สิงหาคม 2550 22:53 น. - comment id 97417
ขอบคุณนะคะ คุณมายาม.รังสิต ที่แนะนำและร่วมแบ่งปันประสบการณ์...เราเชื่อมั่นในความรักเหมือนๆกัน ใช่มั้ยคะ..คนที่มีความรักในหัวใจ..ไม่ว่าจะอย่างไร..ความรักก็ทำให้เราอบอุ่นในหัวใจได้เสมอ..ขอบคุณเบื้องบนที่ส่งเขามาให้ฉันได้รักค่ะ
3 เมษายน 2552 23:25 น. - comment id 104503
ฉันก้อมีคนที่เคยรักแต่มีเหตุผลที่ทำให้ช่วงนั้นมันรับไม่ได้แต่ตอนนั้นมาตอนนี้มันก้อประมาณ10ปีแล้วค่ะ เราพยายามที่จะหาคนนี้มาตลอด แล้ววันนึงเราก้อเจอเค้านะไม่เจอตัวหรอกแค่โทรหาอ่ะ สถานะภาพเราเปลี่ยนไปแล้ว เค้าก้อมีคนรักแล้ว แต่ว่าเราก้อยังอยากคุยอยากเป็นเหมือนเก่าแต่ก้อรู้ว่ามันผิดนะ เอาแค่คุยกันเป็นพี่ชายที่ดีคุยได้สนุกทุกเรื่องเป็นเพื่อนก้อยังดี ไม่รู้ว่าเค้าต้องการเหมือนเราหรือเปล่า เราหนักใจตรงที่กลัวว่าเค้าจะไม่ต้องการเป็นแม้แต่เพื่อนกัน แค่แอบรักมันคงไม่ผิดนี่นะเราไม่ได้ทำผิดศีลธรรมต่างๆ เลยนี่หน่ารักไกลๆเพราะว่าเราต่างมีคนๆนั้นอยู่ทั้งคู่อยากให้เค้ารู้ว่าเราคิดยังไงแต่ไม่กล้าบอกเค้าอ่ะ เพราะว่าในสายตาเค้าเราเป็นเด็กที่ขี้เล่น ช่างคุย พอจะให้พูดเป็นเรื่องเป้นราวกลับไม่กล้าแย่จัง ทำยังไงกับความคิดและความรู้สึกนี้ดีหล่ะค่ะ
22 สิงหาคม 2552 08:21 น. - comment id 107402
ดีใจด้วยนะ เราก็เหมือนกันพึ่งได้คุยกับเพื่อนเก่าที่จากกันมานาน10 ปีรู้สึกดีใจมากเลยแต่ด้วยวันและวัยที่เปลี่ยนไปทำหลายๆสิ่งไม่เหมือนเดิม ถึ้งแม้ว่าเขายังไม่มีแฟน แต่แตกต่างจากเรา เราไม่แน่ใจว่าจะทำตามความถูกต้อง หรือทำตามหัวใจ
25 สิงหาคม 2553 13:53 น. - comment id 118847
หยุดการติดต่อกับเขาเสียเดี๋ยวนี้ครับ ความเจ็บปวดครั้งที่สองมันจะหนักกว่าครั้งแรกหลายเท่านัก ครั้งที่สองนี้ไม่ใช่แค่คุณและเขาเท่านั้นที่เจ็บปวด แต่คนที่เสียใจจะมีเพิ่มขึ้นคือสามีของคุณ ลูกของคุณ ภรรยาของเขา และลูกของเขา อย่าได้อ้างว่าจะคบกันเป็นพี่ เป็นเพื่อน เมื่อคบกับเขานาน ๆ ไปคุณจะแพ้ใจตัวเอง แล้วทุกอย่างจะเลยเถิด เก็บความรู้สึกดี ๆ ในอดีตไว้ให้คิดถึงกันดีกว่าครับ