พอกันที
เก็จถะหวา
พอกันที โดย เก็จถะหวา
รัตน์บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมคนที่ใจคอมั่นคงอย่างที่เพื่อน ๆ เคย
ล้อเธอว่า ใจแกร่งดังเหล็กเพชร ถึงได้ตกหลุมรักเขาเข้าได้ แถมยัง
รักชนิดที่ว่าถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย เฮ้อ! คิดมากไปทำไมให้ป่วยการมัน
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่หรือรัตน์เองก็ไม่ได้อยู่เหนือกฏเกณฑ์
อย่างนั้นด้วยนี่นา เพราะก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
หวนคิดคำนึงไปถึงวันที่พบรู้จักกับอนุตรครั้งแรกแล้วรัตน์ก็คงยัง
จำได้แจ่มแจ๋วในสมองเลย ก็วันนั้นไง วันเกิดของสารินีเพื่อนคู่หู วันนั้นรัตน์
หมกหมุ่นอยู่ก้นครัว เพราะสารินีขอร้องในฐานะที่ทำอาหารถูกปาก
เจ้าของงานเข้า เลยต้องรับภาระเป็นแม่ครัวเอก ขณะที่เธอสาละวน
กะตะหลิวและกะทะอยู่นั่นเอง เขาก็โผล่เข้ามาทางประตูห้องครัวพร้อม
กับจานเปล่าในมือ
แม่ครัวครับ ขอผักบุ้งผัดอีกสักจานเถอะครับ
อะไรกันหมดอีกแล้วเหรอ ตะกละกันจริง ๆ นะ รัตน์บ่นโดย
ไม่ได้หันกลับไปมองว่าเขาเป็นใคร
เปล่าตะกละนะครับ ก็คุณอยากทำอร่อยเองนี่ครับ
อ๋อสรุปแล้วก็ฉันเองที่ผิด ขอโทษนะคะที่ทำอาหารอร่อยเกินไป
แล้วแม่ครัวทานอะไรหรือยังครับ เดี๋ยวจะเป็นลมเสียก่อนนะครับ
ชิมจนอิ่มแล้วค่ะ เอ้า! นี่ได้ละค่ะ ผัดผักบุ้งของคุณ
รัตน์พูดจบก็กลับหลังหันส่งจานผัดผักบุ้งร้อน ๆ ให้เขา โดยหารู้ไม่ว่าเขายืนอยู่ข้าง ๆ จานผักบุ้งจึงหกและราดถูกตัวเขาเข้าพอดี
โอ๊ย! ช่วยด้วยไฟไหม้ !
เพื่อน ๆ ที่มาในงานพากันวิ่งกรูเข้ามาในครัวรัตน์ตกใจกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรมากเพราะเป็นความผิดของเธอที่ซุ่มซ่าม จึงรีบปฐมพยาบาลให้แต่โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ที่เป็นเอามากกลับเป็นตัวของรัตน์เองเพราะตื่นเต้นมากไปเลยไม่ทันระวังตัว ระวังใจ โดยแอบปิ๊งเขาเข้าไปแล้ว ก็ยังดีที่ตาต่อตามาประสบพบพานประสานเป็นสายใยรักถักทอขึ้นมาเองรัตน์กับอนุตรเลยกลายเป็นคู่รักคู่รสกันจนได้ในที่สุด และเป็นที่ทราบกันดีในหมู่เพื่อนฝูงว่าทั้งสองต่างรักใคร่กันดี มีทั้งความรัก ความเข้าใจ ซึ่งทั้งสองคนน่าจะไปกันด้วยดี เพราะเหมาะสมกันทั้งหน้าที่ การงาน ฐานะ การศึกษาก็พอ ๆ กันทุกอย่าง เรื่องก็เกือบจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง ผัดผักบุ้งไฟแดงแล้ว ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ในวันนั้น
รัตน์ รัตน์ อยู่หรือเปล่า?
ใครมาหรือจ๊ะ รัตน์ไม่อยู่หรอกจ้ะ ไปตลาดจ้ะ อ้อ! หนูเล็กนั่นเอง มีธุระ
อะไรกับรัตน์หรือจ้ะ ดูท่าทางชอบกล บอกแม่ได้ไหม?
เอ้อ.........จริง ๆ หนูก็ไม่อยากพูดหรอกค่ะ แต่เป็นห่วงรัตน์เขากลัวตัดสินใจ
ผิดพลาด หนูกับรัตน์สนิทกันมานานไม่อยากเห็นเพื่อนผิดหวังค่ะ อย่างไรก็กัน
ไว้ดีกว่าแก้นะคะ
มีอะไรไม่ค่อยดีหรือ เกี่ยวกับพ่ออนุตรใช่ไหม แม่คงเดาไม่ผิดเพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่าเคยมีอะไรๆ กับแม่ยุพินนักร้องหรือสาวเสริฟห้องอาหารดาวประดับฟ้าอะไรนี่แหละ แม่ก็เคยถามเขาอยู่เหมือนกัน เขาก็ดีนะยอมรับความจริง แต่เขาบอกว่ามิได้คิดจริงจังอะไร และตอนนี้ก็เลิกยุ่งแล้ว แม่เลยมิได้ติดใจสงสัยอะไร แม่คิดว่ามันก็ยังไง ยังไงอยู่นะน๊า คนของเราก็รักเขาจน
ตาบอด เขาพูดอะไรก็เชื่อหมด อ๊า!นั่นมาพอดี หนูช่วยไขความจริงให้เขากระจ่างแจ้งหน่อยสิ เผื่อจะได้ตาสว่างขึ้น
แล้วผู้หวังดีก็ร่ายยาวเรื่องของอนุตรให้รัตน์ฟัง ตอนแรกรัตน์ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรเพราะรัตน์ถือเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่จะต้องมีการท่องเที่ยวประสาหนุ่มโสด แต่ที่หนูเล็กบอกว่าเขามีเด็กด้วยนี่สิ ทำไมรัตน์ถึงโง่เง่าไม่รู้เรื่องเลย เขาก็เหลือเกินไม่เคยแย้มพรายปริปากบอกรัตน์ แม้แต่น้อย ทำไมต้องมีความลับต่อกัน ฮึ! คงคิดจะปิดกันละสิ! ไม่ได้การต้องลุยถึงที่ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย ว่าแล้วรัตน์ก็ซ้อมบทบาทไว้ในใจอย่างดีคอยดูนะถ้าเจออย่างหนูเล็กบอกจริง ๆ ฉันกับคุณต้องพอกันที................................
หนูเล็กพารัตน์ตรงแน่วไปที่บ้านของอนุตร พอไปถึงก็จับได้คาหนังคาเขาพอดี เขากำลังนั่งไกลเปลเห่กล่อมลูกน้อยอยู่พอดี ซึ่งทุกครั้งที่รัตน์เคยมาก็ไม่เคยพบเคยเห็นเลย นี่สงสัยคงจะรอกะว่าถ้าได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวแล้วถึงจะยอมเผยความจริงละสิ พอถ้าถึงขนาดนั้นรัตน์ก็คงจะไม่กล้าโวยวาย จำต้องปล่อยเลยตามเลยและยอมรับสภาพการณ์โดยปริยาย ฮึ! ผู้ชายนะผู้ชาย คงคิดว่าฉันโง่เง่า หลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้น รัตน์คิดในใจ แล้วบุกเข้าไปทันที
อ้าว! รัตน์มาได้ยังไงเนี่ย เย็นนี้ผมว่าจะไปปรึกษาเรื่อง
แต่งงานของเราพอดีเลย"
ฮึ! พอกันทีคนหลอกลวง เห็นอยู่กับตายังจะมาพูดเรื่องแต่งงม
แต่งงานอีกเหรอไม่ต่งไม่แต่งแล้ว คุณเห็นฉันเป็น
ยังไงหือ คิดว่าความรักจะทำให้ฉันตาบอดได้ละสิ
จนป่านนี้แล้วคุณยังจะโกหกฉันไปถึงไหน พยานก็เห็นอยู่โท่นโท่
นี่อะไร?
รัตน์พูดไปได้แค่นั้นก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียใจ รัตน์ผิดหวังสุดขีดเมื่อชายที่เธอรักและคิดว่าเข้าใจเขาทุกอย่าง กลายเป็นผู้ทรยศอย่างเลือดเย็นที่สุด
อะไรกันรัตน์ ฟังผมบ้างสิ มาถึงก็ไม่ถามไม่ไถ่ใส่ผมเป็นชุด ๆ
เล่นตลกอะไรกันหรือเปล่า นี่นะหลานผมเองนะ พอดีพี่นวล
พี่สาวของ ผมเขาเอามาฝากเลี้ยงเพราะเขาต้องไปอบรมที่
พัทยา ๗ วัน ไม่มีคน ดูแลให้ พอดีผมว่างช่วงบ่าย ๆ
ก็เลยอาสาแม่ไกวเปลให้เพื่อแม่ จะได้พักผ่อนบ้างก็เท่านั้นแหละ
โธ่! รัตน์หนอรัตน์ไม่น่าหูเบาเล้ยเลยต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บกันก็คราวนี้แหละ ดีนะที่อนุตรเขาเข้าใจไม่ถือสาอารมณ์ ที่วู่วามเพราะความรักของรัตน์ เพียงแต่เขาได้ทีเลยถือโอกาสสั่งสอนรัตน์ว่า คุณธรรมของผู้ครองเรือนหรือมีครอบครัวนั้นจะต้องมีฆราวาสธรรมสี่ประการ คือ สัจจะ คือความซื่อสัตย์ ทมะ คือความข่มใจ ขันติ คือ ความอดทน และจาคะ คือ ความเสียสละ รัตน์เลยยิ้มไม่ออกบอกไม่ถูกไปเลย ...................................