.........................ตอนจบของเรื่องนี้มีคนตาย............................ "ผม ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งแค่นั้นล่ะครับ ถ้าจะใช้คำพูดให้เข้าใจง่ายก็เป็นประเภท เดินดินกินก๋วยเตี๋ยว(ผมไม่ชอบข้าวแกงครับ) แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าผมแตกต่างจากคนอื่น ก็ตรงที่คิดอะไร ทำอะไร ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้า" " เห้ย ! ทิว เมื่อไหร่จะเลิกฝันบ้าๆซักทีวะ" ประโยคแบบนี้ผมฟังจนชินแล้วครับ หลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นนักเขียนคงได้ยินบ่อยๆ ผมขอไม่ขยายความให้เปลืองหน้ากระดาษ(หน้าจอ) และเป็นธรรมดาของนักเขียน(อย่างผม) ที่มักมีอารมณ์อ่อนไหวกับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะ ......ความรัก ......13 ปีก่อน........ "พี่ทิวคะ เสาร์นี้เราไปเที่ยวกันนะ" "ได้ค่ะ ตอนเช้าเจอกันที่เดิมนะคะ" ผมมักใช้คำพูดแบบนี้เสมอ เวลาพูดกับหวานใจ...น้องแก้ม ผมกับแก้มรู้จักกันมาได้สักระยะหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่ร่วมกันปลูกต้นรักให้งอกงามในหัวใจของเราสองคน แก้มเป็นคนน่ารัก ช่างเอาใจ และช่างเข้าใจผมไปหมดทุกอย่าง เพียงแค่วันแรกที่พบกันผมก็ตกอยู่ในห้วงแห่งรักพาหัวใจเข้าไปขังในหัวใจเธอด้วยตัวผมเอง "ขอโทษนะคะ มีปากกามั๊ยคะ" ถ้าผมเป็นคนที่คิดเข้าข้างตัวเองมากกว่านี้ ผมคงคิดว่าเธอกำลังจีบผม ก็แหม! เห็นชัดๆว่าผมกำลังนั่งเขียนหนังสือ(ด้วยปากกา) อยู่ ยังมาถามแบบนี้ แต่นี่ล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของความรัก....ความรักของเราที่วันหนึ่ง.......................... "นี่ครับ" ผมส่งปากกาให้เธอ " ตอนคืนช่วยแนบเบอร์โทรฯมาให้พี่ด้วยนะ " ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่เธอทำจริงๆครับ ผมซะอีกทีอายจนแก้มแดง "แก้มครับ แก้มคิดว่าดาวอะไรสวยที่สุดครับ" "ไม่รู้สิคะพี่ทิว แก้มไม่ค่อยมีเวลามานั่งดูดาวหรอกค่ะ" "ก็ดาวในตาแก้มไงครับ มันสดใสจนพี่อดใจสั่นไม่ได้เวาลอยู่กับแก้ม" พ่อผมเป็นลิเกครับ ได้วิชามานิดหน่อย "พี่ทิวอ่ะ" แก้มเอาน้ำยาอุทัยทิพย์มาทาแก้ม(ของแก้ม) "พี่ทิวรักแก้มครับ" ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ "แก้มก็รักพี่ทิวค่ะ" ผมเทน้ำยาอุทัยทิพย์ราดหน้าตัวเองเลยครับ และคงเป็นเพราะเราต่างเป็นคนเปิดเผยนี่ล่ะครับ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราสองคนกลายเป็นช้อนกับส้อม ที่ต้องใช้คู่กันเวลาขาดอะไรไปสักอย่างจะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนยืนอยู่กลางท้องฟ้าเพียงลำพัง....... "แก้มครับ ถ้าวันหนึ่งพี่ทิวตายไปแก้มจะเสียใจนานแค่ไหนครับ" "แก้มบอกไม่ได้ค่ะพี่ทิว แก้มบอกได้แค่ว่าแก้มดีใจมากที่แก้มได้รู้จักพี่ทิว ได้รักพี่ทิว พี่ทิวเป็นรักแรกของแก้มค่ะ" -----------------(เซ็นเซอร์) แล้วเราสองคนก็สูญเสียจูบแรกให้กันและกันในวันนั้น 9 โมงเช้าแล้ว ผมมานั่งรอแก้มที่ศาลาริมทาง ที่เรามักนัดหมายกันเป็นประจำ วันนี้เรามีนัดไปดูหนังกัน แน่นอนว่าเป็นหนังรัก โรแมนติก (รักจัง) ผมอดคิดไปไกลไม่ได้ว่าวันนี้ระหว่างดูหนังแก้มจะซบหน้าลงกับไหล่อบอุ่นของผมให้คนอื่นอิจฉาเล่น 10 โมง ..... แก้มไม่เคยมาช้ากว่าเวลาขนากนี้นี่นา ผมกดโทรศัพท์ ไปหาแก้ม .....................ไม่มีสัญญาณตอบรับ................... 11 โมง ผมยังนั่งรอที่เดิม ที่ความกระสับกระส่ายมากขึ้น โมโหมากขึ้น คอยดูนะ จะงอนซะให้เข็ด ความรู้สึกตอนนี้โกรธมากที่โดนผิดนัด ก็เรากำลังฝันหวานนี่นานา สรุปวันนี้ผมกลับบ้านโดยไม่รอให้แก้มมาง้อ ซึ่งเธอก็ไม่มาจริงๆ ............วันรุ่งขั้น................................ ........ผมยืนอยู่หน้าเสาธง ฟังคำบอกเล่าของอาจารย์ใหญ่ เรื่องอุบัติเหตุที่พรากเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งไปจากเรา .......... .....13 ปีผ่านไป ผมใช้เวลาส่วนใหญ่เขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆในชีวิต ผมเดินตามความฝันของตัวเอง แต่ในฝันของผม ยังมีเงาของเธอ "รักครั้งแรก" ของผม เป็นแรงบันดาลใจที่ยังคงอยู่ในความทรงจำและในทุกเรื่องราว "หลับเถอะนะแก้ม หลับอยู่บนดวงดาวที่สดใสดวงนั้น แล้วสักวัน พี่ทิวจะไปเป็นดวงดาวอีกดวงลอยอยู่เคียงข้างแก้ม...ตลอดกาล"
18 กรกฎาคม 2550 17:17 น. - comment id 96941
เรื่องน่ารักค่ะ แต่จบเศร้า เหมียวววว น้องแก้มเป็นไรไปอ่ะไม่เห็นบอกเลย
19 กรกฎาคม 2550 08:53 น. - comment id 96944
ดีจ้า...คุณทิวไม้และปลายสน...(เห็นชื่อแล้วคิดถึงภูกระดึงจังอ่ะ) ที่เค้าว่ารักครั้งแรกยากจะลืมเนี่ยคงจะจริงอ่ะเนอะๆๆ แต่อย่างไรก้อแล้วแต่เรื่องราวที่ผ่านมาก้อเป็นความประทับใจเป็นความทรงจำดีดีที่จะเป็นกำลังใจให้เราได้ในวันที่ท้อ...สู้ต่อไปน๊ะ
8 กันยายน 2550 20:58 น. - comment id 97498
อ่านแล้วนึกถึงภาพตามจะร้องไห้จิงๆนะ สงสารทิวพี่ทิวจัง พึ่งคุยกันเมื่อวานแต่พอรุ่งเช้า ก้อต้องมารุ้ว่าคนที่เรารักต้องมาพรากจากเราไป อย่างนี้ต้องมอบเพลงสุดที่รักให้ฟัง