+ +โ ล ม า ล่ า ' ส ว า ด+ +
ชลิดา บริพัตรภิรมย์
บทนำ
" เพิร์ล...."
" เพิร์ล...ตื่นหรือยังลูกลงมากินข้าวได้แล้วจ้า..."
ในห้องนอนบนชั้นสองของบ้านทรงเมดิเตอร์เรเนียน สิ่งมีชีวิตใต้ผ้าแพรสีชมพูผืนใหญ่กำลังงัวเงียๆ ค่อยๆ บิดตัวสลัดความง่วงนอนก่อนส่งเสียงให้บิดาสุดที่รักรู้ว่า ลูกสาวจอมขี้เซายังมีชีวิตอยู่
" ค่า.....พ่อ "
สิ้นเสียงจอมขี้เซาก็คว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำพร้อมหนังสือเล่มโปรด
เหตุการณ์ปกติเช่นนี้ของครอบครัวมหานทีกุล มักจะเกิดขึ้นในทุกเช้า และแน่นอนว่า....คุณ นที ผู้เป็นบิดาย่อมรู้ดีที่สุดว่า(กว่า)ที่ยัยเพิร์ล ลูกสาวคนเดียวจอมขี้เซาประจำบ้านจะตื่นนอน นั่นก็เป็นก็เพราะกลิ่นอาหารหอมๆ ฝีมือพ่อครัวใหญ่ประจำบ้านที่โชยกรุ่นมาจากห้องครัวน่ารักๆ ด้านล่าง ตามมาด้วยอานุภาพเสียงปลุกของพ่อนั่นเอง ยังไม่รวมบรรดานาฬิกาปลุก....อืม ...ไม่ใช่สิ..ต้องเรียกว่า...อภิมหา..นานา..นาฬิกากาปลุก(collection แมวทุกชนิดไม่จำกัดสายพันธุ์) ชนิดที่เรียกได้ว่า แทบจะทุกรุ่น ทุกขนาด ที่สะสมไว้กระจัดกระจายตามหัวนอน บนโต็ะข้างเตียง ลามไปจนถึงโต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่ถัดไปตรงริมหน้าต่างหมดประสิทธิภาพไปทันที จนอดที่จะคิดแทนพวกมันไม่ได้ว่า พวกมัน(นาฬิกาปลุก) คงรู้สึกเสียชาติเกิดจริงๆ! ที่ได้มาเป็นหนึ่งใน collection ของยัยจอมขี้เซานี่
หลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำและเก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว ฉันก็หยิบชุดลำลองผ้าฝ้ายเบาสบายในตู้มาใส่กอนจะเดินลงบันได้ไปตามเสียงเรียกของพ่อครัวใหญ่ที่สุดประจำบ้าน เพราะไม่ว่าจะเป็นตอนที่แม่(คุณไข่มุก) ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้ฝีมือการทำอาหารของพ่อไม่เคยตกเลย(แม่ของฉันได้รับแพ็กเก็จทัวร์สวรรค์แบบไปไม่กลับค่ะ และด้วยอุบัติเหตุในครั้งนั้นพ่อจึงแทบจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันคลาดจากสายตา)
" อรุณสวัสดิ์ค่ะ...พ่อ "
" อรุสวัสดิ์จ้ะ...ยัยแมวขี้เซา"
พ่อรับคำทักทาย และไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหญ่ในห้องรับแขก พร้อมกับมีมีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดีเหมือนเช่นเคย
....ขณะนี้เวลา 08.00 นาฬิกา ..กุ๊ก..กรู...กุ๊ก....กรู
" นอนตื่นสายแบบนี้ อยากรู้จังว่า จะมีบริษัทฯ ไหนกล้ารับลูกสาวพ่อเข้าทำงาน กันน๊อ..."
" พ่ออ้ะ... มาว่าเค้า...ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกตัวนี่นา...ถ้ามีเมื่อไหร่นะ เพิร์ล จะตื่นเช้าให้พ่อดู...หุ...หุ...หุ "
" จ้า...จ้า...จ้า แม่ลูกสาว พ่อจะคอยดู " พ่อพูดพลางกวาดตามองไปใต้โต๊ะอาหารก่อนจะหันกลับมายักคิ้วให้ลูกสาวแล้วสนทนาค่อ
" ตื่นให้ทัน เจ้าโลมา ก็แล้วกัน หึ...หึ...หึ "
" เหมี๋ยว..." ต้นเสียงปริศนาลอยมาจากใต้โต๊ะอาหาร
" หยุดเลย! นัง คาเงะชิโยะ! "
ฉันไม่พูดเปล่า แต่ยังทำเป็นเตรียมตัวนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งหลังจากนั้นจึงค่อยๆ กวาดเท้าไปรอบๆ บริเวณใต้โต๊ะอาหารหวังว่าจะหยุดที่มาของเสียงปริศนา เมื่อเจอเป้าหมายฉันจึงมอบสัมผัสแห่งรักและเอ็นดูเบา ๆ ด้วย "บาทาพิฆาตฟาดปากแมว" ไปหนึ่งที
" แง๊ว..วววววว "
" 5..5..5 สะจาย "
" ไม่เอาน่า ยัยเพิร์ล อย่าไปแกล้ง เจ้าโลมา มันสิลูก มันน่ารักจะตาย "
สมควรตายมากกว่าคะพ่อ! ....เปล่าหรอกฉันไม่กล้าพูดแน่ๆ ประเดี๋ยวพ่อจะได้เขกกบาลเอานะสิ ก็เลยได้แต่แอบคิดในใจ อย่างมีความสุข....อิอิ
ครอบครัวของเรารักแมวค่ะ(พ่อและฉัน...เอ่อ...แป้นพิมพ์ไม่ได้เสียหรือว่าพิมพ์ผิดนะคะ ...ฉัน..หมายถึง ยัยเพิร์ล จอมขี้เซานี่ละ) แต่ด้วยความฉลาดแสนรู้(มากเกินไป)บวกกับความน่ารัก น่าชัง ขี้อ้อน จนน่าหมั่นไส้ของเจ้าสิ่งมีชีวิต...ที่เข้ามาเป็นสมาชิกตัวที่ 3 เอ๊ย...อันดับที่ 3 ในครอบครัวของเรา จึงทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะแอบอิจฉามันในบางครั้งที่พ่อมักจะโอ๋มันจนออกหน้าออกตามากกว่าลูกสาวสุดสวยของตัวเอง(ขอบคุณตัวเอง...ที่ชมตัวเอง... อิอิ)...โปรดเข้าใจฉันนะคะ...จริงๆ แล้ว ฉันอ่อนโยนค่ะ หุ...หุ...หุ(ยิ้มเยือกเย็นก่อนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งประกาย วิ๊ง....วิ๊ง ในตา โอ๊ว....she อ่อนโยนจนน่ากลัว เจงๆ )
สิ่งมีชีวิตอันดับที่ 3 ที่ชอบจขโมยซีนฉันบ่อยๆ มีชื่อว่า " เจ้าโลมา " ค่ะ. พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า เจอกับเจ้าแมวไร้ที่มาในครั้งแรกก็ตรงหน้าบ้านเรานี่เอง(บ้านของเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาปจำลองในหมู่บ้านค่ะ)สภาพของเจ้าโลมาวันแรกที่พ่อเห็นก็คือ ลูกแมวสีดำ(สนิท) กำลังพยายามลอยคออยู่เหนือน้ำโดยใช้ขาหน้าทั้งสองตีน้ำเพื่อให้ลอยตัว และในขณะที่มันส่งเสียง(แหกปาก) ร้องขอความช่วยเหลืออยู่นั้น พ่อก็สวมวิญญาณฉลามหนุ่มกระโจนลงน้ำว่ายเข้าไปคว้าเจ้าเหมียวทันทีก่อนที่มันจะหมดแรงจมลงไปเป็นอาหารปลาในทะเลสาปซะก่อน.......พ่อถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกเพื่อนำมาซับเนื้อตัวของเจ้าเหมียวที่เปียกโชกและนำมันมากอดเพื่อให้ความอบอุ่นก่อนที่อุ้มมันเข้าไปในบ้านเพื่อนำเจ้าเหมียวมาดูแลในลำดับต่อไป.
และหลังจากวันนั้น เจ้าลูกแมวเพศผู้สีดำ(สนิท) ดวงตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลที่เคยมีแต่ขี้ตาเกรอะกรัง สภาพผอมโซ หัวโต ในอดีต ก็กลายเป็นแมวอ้วนดำ(สนิท)พุงป่อง น้ำหนักตัวโดยประมาณที่ชั่งล่าสุด ก็แค่ 9 กิโล กว่าๆ เอง เพราะตั้งแต่พ่อนำเจ้าเหมียวมาฟูมฟักเลี้ยงดูด้วยความสงสาร พ่อก็บำรุงบำเรอทั้งอาหารแมวและอาหารเสริม ยังไม่นับที่พาเจ้าแมวอ้วนไปเข้าสปาแมว เหอะ...เหอะ ช่างน่าอิจฉาเสียจริง...จริ๊ง แต่ที่อาการน่าเป็นห่วงไปกว่านั้นก็คือ มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ กลับมาถึงที่บ้าน ยังไม่ทันจะเปิดประตูรั้วด้านหน้าบ้านเข้าไปก็มองเห็นพ่อกำลังจับเจ้าโลมาใส่ห่วงยางเล็กๆ ที่ขาหน้าทั้งสองข้างหลังจากนั้นก็จับมันโยนลงกะละมังใบใหญ่ที่ใส่น้ำไว้จนเต็ม ฉันตกใจมาก(แหกปาก) ตะโกนลั่น เพราะนึกว่าพ่อจะฆาตกรรมเจ้าโลมาซะอีก! จนพ่อต้องอธิบายให้ฉันเข้าใจว่า พ่อกำลังพยายามหัดให้เจ้าแมวอ้วนดำ(สนิท) ว่ายน้ำในกะละมังที่บ้าน ด้วยเหตุผล ที่ว่าเพื่อให้เจ้าโลมาสุดเลิฟ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเป็นการบริหารร่างการทำให้มีสุขภาพดีอีกด้วย(พ่อว่าอย่างนั้น.....แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นว่าน้ำหนักของมันจะร่วงลงมาต่ำกว่า 9 กิโล เลย แต่ก็ยังดีที่มันไม่อ้วนมากไปกว่านี้ ฉันกลัวมันอ้วนจนระเบิดตูม เหมือนลูกโป่งแตกตายไปซะก่อน เดี๋ยวไม่มีใครให้แกล้ง 5...5...5 เป็นห่วงนะเนี่ย)
ฉันเองก็พยายามจะโยงชื่อ เจ้าโลมา ที่พ่อตั้งให้กับเจ้าแมวอ้วนดำ(สนิท) โดยพ่อให้เหตุผลว่าชื่อนี้เหมาะกับมันมากที่สุด(ตรงไหนกันเนี่ย) แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าว่ามันช่างขัดๆ กับความเป็นจริงที่ธรรมชาติสร้างให้มันเกิดมาเป็นแมวเสียเหลือเกิน ในบางครั้งอาจจะด้วยตากลมบ้องแบ๊วสีน้ำทะเลใสแจ๋วของมันก็ได้ที่ทำให้ฉันคิดว่า มันเกิดมาเพื่อใช้ชื่อนี้จริงๆ ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมกับมันที่สุดอะไรเยี่ยงนี้ แต่....เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันรู้สึกเอ็นดูแกมอิจฉา ฉันก็จะเปลี่ยนชื่อใหม่ให้มันบัดเดี๋ยวนั้น!
" นัง คาเงะชิโยะ! "
ฉันจิกเสียงเรียกอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตตัวกลมๆ ขนเป็นมันสีดำ(สนิท) ก็ค่อยๆ ย้ายพุงอ้วนๆ ของมันออกมาจากใต้โต๊ะอาหาร
" หง่าวววววว "
5...5...5 ทำเสียงแบบนี้อีกแล้ว ฉันรู้ดีว่าแกไม่ชอบชื่อนี้เท่าไหร่หรอก แต่บางเวลาที่แกกวนประสาททีไรฉันก็ชอบยัดเยียดชื่อเจ้าแมวสีดำจาการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ที่มีหน้าตากวนบาทาสุดๆ แทนชื่อ โลมา แสนไพเราะ(ตรงไหน) ทุกที....อิอิ
" นี่แก!...นับวันพ่อฉันจะหลงแกมากขึ้นทุกทีนะยะ อีกหน่อยฉันก็คงตกกระป๋องแน่ๆ....แอบจับไปเรียกค่าไถ่ซะดีไหมเนี่ย "
ฉันแกล้งพูดลอยๆ ก่อนจะแอบมองดูปฏิกิริยาของพ่อ
" เท่าไหร่ " พ่อถามเสียงขรึมพร้อมกับวางมาดนิ่ง ราวกับว่ากำลังต่อรองราคากับโจรเรียกค่าไถ่แมวจริงๆ
" อืม......" ฉันกอดอกพร้อมทำท่าคิดไปพลางๆ ก่อนตอบว่า
" 2 ล้าน! " ฉันตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
" ค่าอาหารแมว อาหารเสริม ยารักษาโรค อาบน้ำ แปรงขน นวดตัว.......ค่าที่พักด้วย....... เอ่อ...ยังไม่รวมกับรายการอื่นๆ ที่ยังนึกไม่ออก ระยะเวลาที่เลี้ยงดูก็ประมาณ 2 ปี กว่าๆ เบ็ดเสร็จก็..............2 ล้านบาท ขาดตัวค่ะพ่อ "
" งั้นพ่อขอถามก่อนตัดสินใจ " พ่อเสนอข้อต่อรอง
" ค่ะ " ..ว่ามาเลยค่ะพ่อ ถ้าเกิดเหตุการณืนี้จริงพ่อก็คงไม่กล้าจ่ายหรอกตั้ง 2 ล้านเชียวนะ กับ แมวอ้วนๆ กินจุตัวเดียว ฉันคิดในใจ
" ค่าอาหาร เจ้าโลมา ใครจ่าย? "
" พ่อค่ะ "
" ค่าอาหารเสริม ค่ายา ล่ะ "
" เอ่อ....พ่อค่ะ "
" อาบน้ำ แปรงขน นวดตัว ล่ะ " พ่อเริ่มอัดคำถาม
" พ่อคะ .....แต่อันนี้เพิร์ลก็ช่วยทำด้วยนะคะ "
ฉันรีบแย้งเต็มที่ พ่อนิ่งคิดก่อนจะย้อนถามฉันว่า
" แล้วพ่อต้องใช้หนูก่อนใช่ไหม หนูถึงจะยอมทำให้ "
" ค่ะ " ฉันอ้อมแอ้มตอบไป
" อาบน้ำ แปรงขน นวดตัว? " พ่อย้ำคำถามอีกครั้งพร้อมกับใช้นิ้ววาดไปในอากาศเป็นเครื่องหมายคำถาม
" ฮี่ๆๆ .....ก็พ่ออีกนั่นแหละค่ะ "
" เอ....อันสุดท้ายนี่อารายน๊าาา.....ค่าที่พักช่ายม๊ะ? "
" แอ๊!....พ่ออ้ะ...เพิร์ล ยอมแล้วก็ได้...ม่ายงั้นมีหวังได้ย้ายไปอยู่ในบ้าน นังคาเงะชิโยะ แน่ๆ "
ฉันหมดข้อต่อรองทันทีที่คิดว่าอาจจะต้องถูก ผบ.ทบ.(ผู้บัญชาการที่บ้าน) ที่กำลังยืนยิ้มอย่างมีชัย อัปเปหิให้เข้าไปนอนแกร่วอยู่ในบ้านแมวสีลูกกวาดที่พ่อตั้งใจสร้างและทาสีเองกับมือเป็นของขวัญให้กับเจ้าแมวอ้วนดำ(สนิท) นั่น
" เอ....เมื่อกี้พ่อได้ยินว่าอารายน๊าาา.. "
" โอเค. คะพ่อ " ฉันทำหน้ายอมแพ้ " หนูจำได้แล้วค่ะ ว่าเจ้าแมวน้อยแสนน่ารัก ขนดำเป็นมันวาวดุจม้านิลมังกรที่มีค่าตัวสูงถึง 2 ล้านบาท มีชื่ออันแสนนจะไพเราะว่า...."
" ....โลมา.."
ฉันหยุดหายใจก้อนจะเน้นชื่อของเจ้าเหมียวด้วยเสียงที่คิดว่า sexy ที่สุด จนพอพ่อหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นฉันทำท่าทางขัดกับบุคลิกบ้าๆบอๆ อย่างสิ้นเชิง
" 5...5....5 เอาละๆ ยัยบ็องส์ ไปกินข้าวได้แล้ว นี่! วันนี้พอทำแต่ของโปรดของลูกทั้งนั้นเลยนะ "
พ่อพูดจบก็เอามือทั้งสองข้างอ้อมไปปลดชายผ้ากันเปื้อนสีสันสดใสออกและนำมาวางไว้บนพนักเก้าอี้ใกล้ๆ ตัว
" วันนี้ เพิร์ล ขอแถมข้าว 3 จานเลยนะคะพ่อ " ฉันรีบอ้อนทันที
" ถ้าไม่กลัวพุงแตกตายก็....ตามใจ " พ่อแกล้งประชดแบบขำๆ แกมเอ็นดู
ฉันมองดูเมนูอาหารบนโต๊ะวันนี้มีกับข้าว 3 อย่าง ทั้ง ผัดฟักแม้ว,ไข่พะโล้,แพนงไก่ ที่อยู่ในชามแก้วใสไม่มีลวดลายส่งกลิ่นหอมชวนห้ามใจไม่ไหวเลยทีเดียว ฉันหยุดคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ จนดูเหมือนกับพูดอยู่กับตัวเอง
" หนูรู้นะคะ ว่าพ่อรัก เจ้าโลมา มาก "
" และ...พ่อก็รักหนูมาด้วยจ้ะ " พ่อต่อให้แทบจะทันทีที่ฉันพูดจบ และมองหน้าฉันแล้วเอามือมาจับศรีษะของฉันโยกไปมาเบาๆ
" เพิร์ล หนูมีค่ามากที่สุดสำหรับพ่อกับแม่...ประมาณค่าไม่ได้เลยหล่ะ " พ่อยิ้มเมื่อพูดจบ
" หนูรักพ่อคะ " ฉันค่อยกางแขนโอบพ่อเข้ามาใกล้ๆ
" พ่อก็รักหนูจ้ะ...ยัยเด็กบ๊องส์ " พ่อพูดจบพร้อมกับเขกหัวเบาๆ
นี่ล่ะ ความสุขในทุกๆ เช้าของครอบครัวฉัน ความอบอุ่นที่ได้อยู่ด้วยกันตามประสา พ่อ..ลูก...เอ่อ...และ...แมว!!!!
" อืม! ..จริงสิ " พ่ออุทาน และทำหน้าเหมือนกับว่าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้
" มีอะไรเหรอคะ พ่อ "
ฉันเงยหน้าขึ้นถามพร้อมกับค่อยๆ คลายอ้อมแขนออก พ่อจึงเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกภายในบ้านและเดินกลับมายังโต๊ะอาหาร
" จดหมายของลูกจ้ะ เพิร์ล " พ่อตอบพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลติดแสตมป์รูปทะเลที่ไหนสักแห่งประทับตราไปรษณีย์เรียนร้อยจ่าหน้าซองถึงฉันส่งมาให้
พ่อก้มลงไปอุ้มเจ้าแมวอ้วนดำ(สนิท)มากอดไว้แล้วเดินอ้อมมานั่งตรงข้ามกับฉัน หลังจากพ่อให้อิสระภาพเจ้าแมวอ้วนดำ(สนิท) โดยการวางมันไว้บนตักแล้วเอามือลูบหัวมันเบาๆ จึงหันความสนใจมาที่ซองจดหมายสีน้ำตาลในมือฉันซึ่งกำลังค่อยๆ บรรจงฉีกมุมซองจดหมายลงมาเป็นเส้นตรงอย่างเบามือที่สุดก่อนจะดึงกระดาษที่สอดไว้ด้านในออกมาคลี่อ่านด้วยความสงสัย.
หลังจากอ่านจบฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เจอพ่อกับเจ้าโลมา ที่กำลังส่งสายตา(แป๋ว)รอคำตอบอย่างมีลุ้น
" เรื่องงานเหรอลูก " พ่อถาม
ฉันค่อยๆ ลดสายตาลงพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
" อื้ม...ไม่เป็นไรน่ายัยเพิร์ล ลูกคนเดียวพ่อเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว "
" เหมี๋ยวววว.." เจ้าโลมาช่วยเสริมทัพ
" มา...มา ..มากินข้าวกันดีกว่าเร้ว! " พ่อรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีทำเหมือนกับซองจดหมายเมื่อสักครู่ไม่เคยถูกส่งมาที่บ้านของเราเลย
" นี่...นี่...มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย " พ่อพูดพลางตักอาหารโปรดของฉันใส่จานให้จนเต็ม(ส่วนเจ้าโลมาพ่อให้อาหารแมวไปตั้งแต่เช้าแล้วก็เลยนั่งคลอเคลียบนตักพ่อไม่สนใจอาหารใดๆ อีก)
" พ่อคะ " ฉันเรียกพ่อเบาๆ
" ว่าไงจ้ะ ลูก " พ่อรวบช้อนส้อมไว้ในจานเละหันมาให้ความสนใจกับฉัน
" คือ..หนูจะบอกพ่อว่า.. "
" หง่าววว..." เจ้าแมวอ้วนโลมาส่งเสียงขัดขึ้นมาพร้อมกับหยีตาโตๆ สีน้ำทะเลก่อนจ้องฉันอย่างจังๆ ...รู้ทันจนได้สิน่า สัญชาติญาณแมวนี่ สุดยอดจริงๆ !
"...เอ่อ...คือ เพิร์ลจะ...บอก..พ่อ...ว่า..."
" เราได้ไปเที่ยวทะเลกันคะ พ่อ! "
ฉัน(แหกปาก)ตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับดึงแผ่นกระดาษจำนวน 2 ใบ ที่ซ่อนไว้ในซองสีน้ำตาลออกมาชูไว้ก่อนจะวิ่งไปกอดพ่อและกระโดดโลดเต้นเริงร่าโดยมี เจ้าคาเงะ...เอ๊ย..เจ้าโลมา วิ่งพุงกระเพื่อมอยู่รอบๆ เราทั้งสองคนพ่อลูกราวกับว่า มันแน่ใจเชียวหล่ะว่าในทริปนี้จะต้องมีมันไปด้วย!..แน่นอน!!!
* หมายเหตุ *. . .ขอบคุณมวลมิตรแมวเหมียวที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างมากมาย . . .