เสร็จสิ้นภารกิจของพ่อ - ตามหาหอพักให้ลูกสาว
เพลง-ทิชากร
ที่หน้าอพาร์ตเม้นท์ห้องรวมหรูหราหน้ามหาวิทยาลัยนั้น
ผมได้เจอกับหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่ง จัดว่าหน้าตาดี บุคคลิกดี
กำลังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ มือขวาแนบมือถืออยู่ข้างหู
มือซ้ายคีบบุหรี่ สงสัยจะคุยกับเพื่อน (ผมคิดอย่างนั้น)
ผมเดินเข้าไปหาเพื่อสอบถามเรื่องห้องพัก ในขณะที่น้องเค้า
เลิกคุยโทรศัพท์แล้ว
" น้องชาย อพาร์ตเม้นท์นี่ ห้องรวม หรือว่า เฉพาะหญิง " ผมถาม
" อ๋อ รวมครับ " หนุ่มนั่นตอบด้วยน้ำเสียงที่สุภาพมากๆ
สายตาเหลือบไปมองลูกสาวผมที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
" แล้วพอจะมีหอพักหญิงหลงเหลืออยู่บ้างไม๊ครับแถวๆนี้หน่ะ "
ผมถามต่อ เจ้าหนุ่ม นิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบกลับมาว่า
" อืมม ไม่มีนะครับ แต่เดี๋ยวนะครับ "
ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กๆเมื่อได้ยินน้องเค้าพูดอย่างนั้น
" มันมีอยู่อีก 2-3 ที่นะ แต่ว่าต้องออกไปอีกหง่ะครับ
อยู่ห่างๆจากนี่ประมาณกิโลน่ะ"
เจ้าหนุ่มชี้ไม้ชี้มือออกไปทางทิศใต้ ของหน้ามหาวิทยาลัย
ผมรีบถามต่อ " ต้องเดินไปเหรอ ใกลไม๊ ? "
ลูกสาวคนสวยของผมเริ่มทำหน้าเบ้ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
ผมรู้ว่าเธอคงเหนื่อยเต็มที
เจ้าหนุ่มนั่นหันมามองเธอ แล้วยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
คงรู้ว่าเราสองคนพ่อลูกเหนื่อยกันมามาก จึงเกิดความเห็นใจขึ้นมา
" เอางี้ เดี๋ยวผมจะลองไปถามเค้าให้นะครับ
รอผมอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมมา "
เจ้าหนุ่มนั่นรีบสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทันทีหลังจากพูดจบประโยค
...
เราสองพ่อลูกนั่งๆยืนๆอยู่ตรงจุดนั้น สักพักก็เห็นเจ้าหนุ่มนั่น
กลับมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
" เป็นไงบ้าง ? พอมีไม๊ ? " ผมยิงคำถามไปทันทีด้วยร้อนใจ
" มีครับ ยังมีเหลืออยู่ 2 ห้อง เป็นอพาร์ตเม้นท์สตรีด้วยหล่ะ "
เจ้าหนุ่มดับเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ คุยถึงเรื่องรายละเอียดคร่าวๆกับผม
ผมดีใจที่ได้ฟังข่าวดีจากหนุ่มนั่น
ผมหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ยื่นให้
พร้อมกับเอ่ยปากขอร้องไปว่า ช่วยเป็นธุระให้อีกหน่อย นี่เป็นค่าเหนื่อย
เจ้าหนุ่มปฎิเสธการรับเงินที่ผมยื่นให้ ถึงผมจะใส่ในกระเป๋าเสื้อให้
ก็ตามที ผมสอบถามชื่อแซ่และถามถึงที่ไปที่มาเกี่ยวกับเจ้าหนุ่มนั่น
ได้ความว่าเป็นคนเพชรบูรณ์ เรียนอยู่วิศวะปี 3
เช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่แถวนี้เหมือนกัน
ชื่อ" พี่เหน่ง "
ผมมาถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ที่เหน่งแนะนำในเวลาต่อมา
โดยมีเหน่งนำทางมาด้วย และที่นั่น เหน่งช่วยเป็นธุระให้ทั้งหมด
ผมกับลูกสาวแทบไม่เหนื่อยอะไรเลย
ระเบียบการเช่าอยู่ของอพาร์ตเม้นท์ที่ว่านี่ ก็เหมือนกับทุกที่
ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สภาพแวดล้อมก็ดูปลอดภัยดี
มี รปภ.และแม่บ้านดูแลตลอด 24 ชม.ผมเห็นแล้วก็อุ่นใจ
ผมบอกกับเหน่งว่าผมจะให้น้องเค้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะมาทำสัญญาอีกที
เพราะนี่มันเย็นมากแล้วจะต้องรีบกลับ บ้านอยู่ต่างจังหวัด
ผมยื่นเงินให้เหน่ง 100 บาทก่อนจะเดินทางกลับ
แต่ก็ได้รับการปฎิเสธจากเหน่งอยู่ดี ผมจึงขอเบอร์โทรศัพท์เหน่งไว้
เผื่อสักวันจะได้มีโอกาสตอบแทนน้ำใจสักครั้ง
พ่อลูกกลับถึงบ้านก็มืดเต็มที เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็อิ่มเอิบใจ
ที่หาห้องพักได้แล้ว หมดห่วงไปอีกเปาะ
ต่อมาในตอนเช้าของวันถัดไป ผมได้โทรศัพท์ไปหาเหน่ง
ผมบอกเจตนาว่ากับเหน่งว่า ผมจะโอนเงินไปให้เพื่อเป็นค่ามัดจำล่วงหน้า
เหน่งตอบรับโดยดีและยินดีเป็นธุระให้
และในตอนบ่ายของวันนั้น เหน่งโทรมาบอกกับผมว่า
ได้จัดการทุกอย่างให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลูกสาวถามผมว่า คนดีๆอย่างนี้ยังมีเหลืออยู่ในโลกนี้อีกหรือพ่อ
นี่ขนาดพ่อโอนเงินไปให้พี่เค้า หนูยังกังวลเลยว่า
กลัวพี่เค้าจะเชิดเงินเราหายไป เค้าอาจทำได้นะ
พ่อมีวิธีดูคนอย่างไร ? จึงสามารถบอกได้ว่าเราจะไว้ใจเค้าได้
ผมบอกว่า " ดูที่แววตา "
...
(บันทึกนี้เพื่อตอบแทนน้ำใจเด็กไทยรุ่นใหม่คนหนึ่ง
และหลังจากนี้ผมคงจบภารกิจเรื่อง หาหอพักให้ลูกสาวเสียที)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะครับ
ด้วยความเคารพ